วันนี้ (24 มิถุนายน) ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงความชัดเจนและความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า สัปดาห์นี้น่าจะมีความคืบหน้าแต่ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี รวมถึงตำแหน่งรัฐมนตรีของตน ก็ขอเรียนตรงๆ ว่ายังไม่ทราบ
เมื่อถามว่า ประเสริฐจะเหมาะดูแลกระทรวงมหาดไทยหรือกระทรวงแรงงานนั้น ประเสริฐ ระบุว่า ถ้านายกรัฐมนตรีให้นั่งทำงานไหน ก็ทำงานได้หมด เพราะเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีพิจารณาความเหมาะสมแล้ว และตนก็เคารพการตัดสินใจครั้งนี้ ส่วนงานของกระทรวงดีอี เชื่อว่าจะมีความต่อเนื่องแม้ว่าจะเปลี่ยนผู้ดูแล
สุริยะเผย รมต.ใหม่ ทยอยกรอกประวัติ-ส่งชื่อแล้ว
ด้านสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย เปิดเผยความคืบหน้าการปรับครม.ว่า เท่าที่ทราบมีการส่งชื่อและมีการกรอกประวัติบ้างแล้ว แต่ไม่ทราบว่าจะมีการปรับใครไปในตำแหน่งใดบ้าง เนื่องจากเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ได้มีการมาปรึกษาแกนนำพรรคฯ ว่าใครเหมาะสมในการทำหน้าที่ใด พร้อมปฏิเสธตอบคำถามเกี่ยวกับปัญหาของกลุ่มสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือ กลุ่ม 18
‘วราวุธ’ รับ ชาติไทยพัฒนาได้เพิ่ม 1 เก้าอี้ รมช.
ส่วน วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ยอมรับถึงกระแสข่าว ที่พรรคไทยพัฒนาจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการเพิ่มอีก 1 ตำแหน่ง แต่เบื้องต้นยังไม่มีข้อสรุป ว่าจะเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการในกระทรวงใด เนื่องจากนายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้มีการยืนยัน
ส่วนตำแหน่งดังกล่าวจะเป็นโควตา สส. กลุ่มสุพรรณบุรี ที่ปรากฏชื่อ ประภัตร โพธสุธน สส. สุพรรณบุรีของพรรค ในฐานะเลขาธิการพรรคฯ หรือกลุ่มบ้านใหญ่สะสมทรัพย์ จากนครปฐมนั้น วราวุธระบุว่า ยังจะต้องรอให้ได้ข้อสรุปจากนายกรัฐมนตรีก่อน จากนั้นจึงจะมีการหารือกันภายใน พร้อมปฏิเสธที่จะยืนยันว่า ตำแหน่งดังกล่าวจะต้องเป็นของเลขาธิการพรรคฯ หรือไม่ เนื่องจากต้องรอให้มีความชัดเจนก่อนว่า พรรคชาติไทยพัฒนาจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการในกระทรวงใด
วราวุธยังยืนยันด้วยว่า เบื้องต้นในตำแหน่งของตนเองนั้น จะยังคงทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ตามเดิม
‘นฤมล’ ย้ำ กล้าธรรมไร้ปัญหาปรับ ครม.
นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรีว่า เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีที่จะพิจารณาให้พรรคกล้าธรรมทำหน้าที่ในกระทรวงใด ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นไปตามข่าวที่มีรายงานการออกมาหรือไม่ แต่ขณะนี้นายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้มีการแจ้งรายละเอียดมา ซึ่งโควตาพรรคฯ นิ่งมาตลอด ไม่มีปัญหาเรื่องการจัดสรรตำแหน่ง และไม่ติดว่าพรรคกล้าธรรมจะต้องมีตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะพรรคอยู่กันอย่างครอบครัว จึงไม่มีปัญหา หรือความขัดแย้งใดๆ
นฤมลกล่าวด้วยว่า พรรคไม่ได้มีการต่อรองใดๆ และเป็นห่วงรัฐบาลที่ต้องเผชิญกับปัญหาหลายอย่าง และอยากจะช่วยนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลผ่านปัญหาต่างๆ ไปได้ และหากสิ่งใดที่พรรคกล้าธรรม สามารถช่วยสร้างผลงาน และช่วยประชาชนได้ก็ยินดี
ทั้งนี้ไม่กังวลหากจะต้องออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปทำหน้าที่ในกระทรวงอื่น อย่างไรก็ตามตัวเลข สส.ของพรรคกล้าธรรมขณะนี้อยู่ที่ 26 คน อย่างไม่เป็นทางการ บวกไม่น่าจะเกิน 35 คน และต้องรอพิจารณาในที่ประชุมพรรคฯ ในช่วงบ่ายวันนี้ เพราะมีมากกว่าที่เคยประกาศไว้ พร้อมปฏิเสธกระแสข่าวที่ สส. ภายในพรรคฯ ไม่พอใจที่น.อ. อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์พรรคฯ ที่พึ่งเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค แต่มีกระแสข่าวว่าได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เดชอิศม์รับ ปชป. ได้ รมช. เพิ่ม 1 เก้าอี้
เดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้โควตารัฐมนตรีช่วย เพิ่มมา 1 ตำแหน่ง เป็นของชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคฯส่วนจะได้ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีเพิ่มด้วยหรือไม่นั้นยังไม่ทราบ รวมถึงไม่ทราบที่ตัวเองถูกโยกมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่มีแนวโน้มที่จะได้แต่ไม่ทราบว่าเป็นลำดับที่เท่าไร
ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องกรอกประวัติใหม่ เนื่องจากคุณสมบัติผ่านอยู่แล้ว แต่ในส่วนของชัยชนะได้ส่งประวัติให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีตรวจสอบแล้ว โดยไม่มีการส่งชื่อสำรองไว้รองรับหากคุณสมบัติมีปัญหา
เดชอิศม์ยังระบุด้วยว่า “ศิษย์เก่าเรา เป็นพวกโมฆบุรุษ หรือพวกล้มละลายทางการเมือง ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไปส่วนใหญ่ไม่โจมตีพรรคไหนมาโจมตีพรรคประชาธิปัตย์เกือบทั้งหมดแหละครับ ผมต้องฝืนแรงเสียดทานสักหน่อยหนึ่ง”
เอกนัฏยืนยัน รทสช. ร่วมรัฐบาลต่อ
เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงมติที่ประชุม ว่า พรรครวมไทยสร้างชาติก็พูดคุยกันตลอด มีทั้งศึกนอก-ศึกใน เราต้องคุยกัน เพื่อรับฟังสถานการณ์เพราะอยู่ในจุดที่ตัดสินใจยาก
ส่วนกระแสข่าวข้อเสนอที่จะอยู่ร่วมกับรัฐบาลแต่ขอเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีนั้น เอกนัฏระบุว่า มีเสียงจากผู้สนับสนุนพรรคออกมาเรียกร้องให้พรรคแสดงจุดยืน แต่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ต้องยอมรับว่า ประเทศอยู่ในจุดที่กำลังสั่นคลอนทั้งเรื่องชายแดน เราจับสัญญาณได้ว่ากำลังจะสู้รบกัน และตนสนับสนุนให้กองทัพเอาจริง สิ่งที่ประเทศกัมพูชาและสมเด็จฮุนเซนได้ทำถือเป็นการเหยียดหยามเกียรติของประเทศไทย รวมไปถึงเรื่องภาษีสหรัฐอเมริกา และเรื่องน้ำมันจากประเทศอิหร่าน ตอนนี้ประเทศมีหลายเรื่อง ดังนั้นสิ่งที่เราอยากจะทำกับสิ่งที่เราต้องทำ บางทีก็ตัดสินใจไม่ได้ ไม่ง่าย คงต้องให้ผ่านสถานการณ์แบบนี้ไปให้ได้ก่อน
ส่วนที่สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติในยุคแรกทยอยลาออกเนื่องจากรับไม่ได้กับการตัดสินใจของพรรค เอกนัฏระบุว่า เราต้องรับผิดชอบกับการตัดสินใจของเรา ถ้าเราเป็นสมาชิกพรรค เป็นแค่ผู้สนับสนุน ก็ไม่ปฏิเสธว่าอาจจะทำอย่างที่หลายคนทำก็ได้ แต่วันนี้เราเป็นกัปตันเรือกำลังล่องผ่านมรสุมอยู่ ให้ทิ้งตอนนี้ผลที่อยู่บนเรือก็ตายกันหมด ทั้งนี้ไม่มั่นใจว่าจะดึงกองเชียร์กลับมาได้หรือไม่
เมื่อถามว่า ณ วันนี้พูดได้หรือไม่ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะสนับสนุนรัฐบาลจนสุดทาง เอกนัฏกล่าวว่า ไปทางไหนเราก็อยู่ประคับประคองให้ผ่านสถานการณ์วิกฤตวันนี้ออกไปก่อน ยังไม่มีอะไรแน่นอน เพราะวันนี้ยังมีเรื่องที่อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญอีก ที่จะมีการพิจารณาในวันอังคารหน้าว่าจะรับหรือไม่รับคำร้อง เหตุการณ์อะไรก็เกิดขึ้นได้ เราต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด
ส่วนที่ยังไม่ยอมลาออกจาก เอกนัฏกล่าวว่า แล้วประเทศได้อะไร เพราะถ้าไม่มีรัฐบาล ปัญหาต่างๆ จะขับเคลื่อนอย่างไร สำหรับตนมีความรับผิดชอบตรงนี้อยู่อย่างที่บอกถ้าเป็นกัปตันก็ต้องขับเรือต่อไปทำให้ดีที่สุด
‘ทวี’ เผยยังไม่คุยปรับ ครม.
ด้าน พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ถ้าจะมีโยกย้ายก็จะให้มากรอกประวัติ แต่ส่วนตัวยังไม่มี ส่วนจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีเพิ่มหรือไม่ เราไม่ควรไปเรียกร้องและยังไม่ได้พูดคุย
‘ภูมิธรรม’ มองเป็นเรื่องปกติ สส. อีสาน เพื่อไทย เห็นต่างโผ ครม.
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีสส.ภาคอีสาน พรรคเพื่อไทยได้แลกเปลี่ยนความเห็นกัน และรู้สึกไม่พอใจโผครม.ที่ออกมา ว่า ยังไม่มีใครทราบว่าโผที่ออกมาเป็นของจริงหรือไม่ และในแต่ละพรรค แต่ละส่วนมีการปรับเปลี่ยน เลือกคนที่จะเข้าไปเป็นรัฐมนตรี ท้ายที่สุดแล้วต้องดูว่าเหมาะสมหรือไม่ ทั้งนี้คาดว่าการจัดตั้งทั้งหมด น่าจะจบในสัปดาห์หน้า หมายถึงช่วงต้นสัปดาห์ หลังจากนั้นก็จะเป็นกระบวนการนำขึ้นทูลเกล้าฯ
