×

สหรัฐฯ อนุมัติ ‘ยาป้องกัน HIV’ ชนิดฉีดปีละสองครั้ง เปิดความหวังพลิกโฉมการต่อสู้โรคระบาด แต่ห่วงเข้าถึงยาก

22.06.2025
  • LOADING...
ยาป้องกัน HIV

สหรัฐอเมริกาได้อนุมัติยาฉีด ‘ป้องกัน HIV’ ชนิดแรกของโลกที่ใช้เพียงปีละสองครั้ง ซึ่งนับเป็น ‘นวัตกรรม’ ครั้งสำคัญในวงการแพทย์ โดย FDA อนุมัติยา lenacapavir ที่จะจำหน่ายในชื่อ Yeztugo สำหรับการป้องกัน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 

 

ขณะที่ยาตัวเดียวกันนี้เคยได้รับอนุมัติในชื่อ Sunlenca สำหรับรักษาผู้ติดเชื้อ HIV ที่ดื้อยา Gilead Sciences ผู้ผลิตยา คาดการณ์ว่าจะมีการเปิดตัวทั่วโลก ซึ่งอาจช่วยปกป้องผู้คนนับล้านได้ แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าจะมีผู้คนจำนวนเท่าใดในสหรัฐฯ และต่างประเทศที่จะเข้าถึงทางเลือกใหม่ที่ทรงพลังนี้ได้

 

แม้ว่าวัคซีนป้องกัน HIV ยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่ายาฉีดชนิดนี้ ซึ่งมีชื่อว่า lenacapvir อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดรองลงมา ยาตัวนี้แทบจะ ‘กำจัด’ การติดเชื้อใหม่ทั้งหมดในการศึกษาบุกเบิกสองฉบับในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูง และมีประสิทธิภาพดีกว่ายา PrEP ชนิดเม็ดรายวันที่ผู้ใช้อาจลืมรับประทาน 

 

“สิ่งนี้มีความเป็นไปได้ที่จะยุติการแพร่เชื้อ HIV ได้อย่างแท้จริง” เกร็ก มิลเล็ต ผู้อำนวยการนโยบายสาธารณะของ amfAR, The Foundation for AIDS Research กล่าว

 

PrEP หรือยาป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อ ซึ่งรวมถึงยาเม็ดรายวัน หรือยาฉีดที่ให้ทุกสองเดือน มีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในการช่วยป้องกันการติดเชื้อ HIV (นอกเหนือจากการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี) 

 

โดย lenacapvir ถือเป็นยาชนิดออกฤทธิ์ยาวนานที่สุดถึงหกเดือน ซึ่งอาจเป็นทางเลือกที่ดึงดูดผู้ที่ไม่ต้องการไปพบแพทย์บ่อยๆ หรือกังวลเรื่องการตีตราจากการรับประทานยาเม็ดทุกวัน อย่างไรก็ตาม ยานี้ป้องกันได้เฉพาะการติดเชื้อ HIV เท่านั้น ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ได้

 

Gilead ยังไม่ได้ประกาศราคาของ Yeztugo อย่างเป็นทางการ แต่โฆษกบริษัทระบุว่าน่าจะอยู่ ‘ในระดับเดียวกับยา PrEP แบรนด์อื่นๆ ที่มีอยู่’ ซึ่งอาจหมายถึงราคาที่ค่อนข้างสูงและอาจเข้าไม่ถึงสำหรับผู้คนในประเทศที่มีรายได้น้อย 

 

อย่างไรก็ดี Gilead ได้ทำข้อตกลงอนุญาตให้ผู้ผลิตยาสามัญ 6 ราย ผลิต lenacapavir เพื่อใช้ในการป้องกัน HIV โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ สำหรับจำหน่ายใน 120 ประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลาง

 

ในการศึกษาที่เข้มงวดในแอฟริกาใต้และยูกันดา ซึ่งเปรียบเทียบผู้หญิงและวัยรุ่นหญิงที่มีเพศสัมพันธ์กว่า 5,300 คน โดยแบ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับ lenacapavir ปีละสองครั้ง กับกลุ่มที่ได้รับยา PrEP ชนิดเม็ดรายวัน พบว่าไม่มีการติดเชื้อ HIV ในกลุ่มที่ได้รับยาฉีดเลย (ประสิทธิภาพ 100%) ขณะที่ประมาณ 2% ในกลุ่มที่ใช้ยาเม็ดรายวันติดเชื้อ HIV จากคู่นอนที่ติดเชื้อ

 

การศึกษาอีกชิ้นหนึ่งพบว่ายาฉีดปีละสองครั้งมีประสิทธิภาพ 96% ในกลุ่มชายรักชายและผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศในสหรัฐฯ และอีกหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจาก HIV เอียน แฮดด็อก ผู้เข้าร่วมการศึกษา กล่าวว่า “ตอนนี้ผมลืมไปเลยว่ากำลังใช้ PrEP เพราะผมไม่ต้องพกขวดยา” และเสริมว่า “มันขยายโอกาสในการป้องกันสำหรับชายหญิง เกย์ หรือคนทั่วไป”

 

ปัจจุบันมีคนอเมริกันเพียง 400,000 คนที่ใช้ PrEP ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเป็นเพียงเศษเสี้ยวของจำนวนที่ควรได้รับประโยชน์ การศึกษาล่าสุดพบว่ารัฐที่มีการใช้ PrEP สูงมีการติดเชื้อ HIV ใหม่ลดลง 38% ระหว่างปี 2012-2022 ขณะที่รัฐที่เข้าถึง PrEP ได้น้อยกลับมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้น 27% ในช่วงเวลาเดียวกัน

 

อย่างไรก็ตาม อนาคตของ lenacapvir ยังคงเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ เช่น การปรับโครงสร้างระบบการดูแลสุขภาพในสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงการลดงบประมาณหน่วยงานสาธารณสุข และโครงการ Medicaid รวมถึงการลดความช่วยเหลือต่างประเทศของสหรัฐฯ เพื่อต่อสู้กับ HIV 

 

เกร็ก มิลเล็ต กล่าวว่า ช่องโหว่ขนาดใหญ่ในระบบทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลก “จะทำให้เราลำบากในการทำให้แน่ใจว่าเราไม่เพียงแต่จะสามารถนำ lenacapvir เข้าสู่ร่างกายผู้คนได้ แต่ยังต้องมั่นใจว่าพวกเขาจะกลับมา (รับยา) แม้เพียงปีละสองครั้ง”

 

ฮุย หยาง หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการด้านอุปทานของ Global Fund to Fight HIV, TB, and Malaria กล่าวว่าการมียาออกฤทธิ์ยาวนานอย่าง lenacapavir เป็นทิศทางใหม่ที่อาจช่วยแก้ปัญหาการรับประทานยาไม่ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในโครงการป้องกัน HIV มาหลายทศวรรษ Global Fund ตั้งเป้าให้มีคนเข้าโครงการป้องกันเพิ่มอีก 2 ล้านคนใน 3 ปีข้างหน้า และ lenacapavir อาจช่วยเร่งให้ถึงเป้าหมายนี้ได้เร็วขึ้น

 

นายแพทย์เดวิด โฮ ศาสตราจารย์ที่ Columbia University ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการใช้ยาต้าน HIV แบบผสมผสาน มองว่า lenacapavir เป็น ‘ความก้าวหน้าครั้งใหญ่’ แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาวัคซีน HIV ในอนาคต เนื่องจากการมียาป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูงขนาดนี้ อาจทำให้การทดลองวัคซีนทำได้ยากขึ้นจากประเด็นจริยธรรมในการใช้ยาหลอกกับผู้เข้าร่วมการทดลอง “เราอาจเสียแรงผลักดันในการวิจัยวัคซีนไปบ้าง เพราะมีสิ่งที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ HIV ขนาดนี้แล้ว” เขากล่าว


ภาพ: StanislavSukhin / Shutterstock

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising