วันนี้ (20 มิถุนายน) อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ครั้งแรกหลังถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล โดยยืนยันว่าไม่ได้หายไปไหน วันนี้จะเดินทางไปร่วมงานบวชที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นงานของลูกพรรค
ส่วนกระแสข่าวที่ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปพูดคุยกับลุง เพื่อสนับสนุนให้ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น อนุทินบอกว่าไม่มี คนปล่อยข่าวก็ต้องวิเคราะห์ด้วย ไม่ใช่ปล่อยข่าวอะไรมาไม่กลั่นกรองจะเป็นไปได้อย่างไร วันนี้พรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกมาแล้ว การเดินทางวันนี้ มาคนเดียว ไม่มีรถนำ เราทำตามบทบาท ตนอ่านข่าวถึงขั้นร้องโอ้โห ที่บอกว่าเนวินไปคุยกับคนนั้นคนนี้ ข่าวไปถึงขั้นว่าคลิปเสียงสนทนาระหว่างผู้นำไทยและกัมพูชา คนบุรีรัมย์ปล่อยมาอันนี้เกินไปแล้ว ยังไงเราก็เป็นมืออาชีพ ไม่มีเรื่องแบบนี้รับรองได้ จึงต้องขอความกรุณาให้ช่วยวิเคราะห์ข่าว มิเช่นนั้นเดี๋ยวเชื่อกันไปกันมา ก็กลายเป็นการสาดโคลนใส่กัน
อนุทินยืนยันว่า เวลานี้จะไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลสู้ มีแต่ข่าว สส. ถูกดึงไปจากพรรคภูมิใจไทยไม่รู้กี่คนแล้ว และยืนยันว่าไม่ได้มีการไปขอเสียงจากพรรคประชาชน มารวมเป็นรัฐบาล ยังไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกับใครเลย ขอความกรุณาเรื่องข่าวลือ พอเราถอนตัวออกมาก็เป็นไปคนละบทบาทหน้าที่แล้ว กระทรวงมหาดไทยผมก็ออกมาตั้งแต่วันนั้น และไม่ได้เข้าไปอีกเลย ขนาดเก็บของยังให้เลขาและทีมไปเก็บ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะอวยพรให้เขาจัดตั้งรัฐบาลกันได้ใช่หรือไม่ อนุทินกล่าวว่า ขออะไรก็ได้ที่ให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ เราพร้อม และอย่างที่เคยย้ำมาตลอด ส่วนตัวเชียร์นายกรัฐมนตรี และให้กำลังใจ ให้ท่านผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้ ส่วนบทบาทของตนและพรรคก็มีนโยบายที่ต้องมีจุดยืนของเรา ไม่มี ความโกรธอะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัว วันที่บอกว่าจะเอากระทรวงมหาดไทยกลับไปเราก็รู้ว่าสู้ไม่ได้ ถ้านับเสียง เราไม่มีอะไรที่จะต่อสู้ ในเมื่อเรารับ ข้อเสนอ เขาไม่ได้ ให้เอากระทรวงมหาดไทยกลับไป และให้ไปอยู่กระทรวงสาธารณสุขกับประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เราก็ตรงไปตรงมา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลังพรรคภูมิใจไทยออกมามีการต่อรองเกิดขึ้นในพรรคร่วมรัฐบาลอย่างไร อนุทินกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับตนแล้ว แต่ส่วนตัวมองว่าการที่พรรคเพื่อไทย เอาเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกลับไป ก็ต้องมีตัวเลือกอยู่แล้วว่า ถ้าพรรคภูมิใจไทยไม่รับ เขาจะต้องไปต่อได้ อะไรจะเกิดขึ้นจากนี้ก็แล้วแต่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ตนเองยังอยู่ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อนุทินกล่าวว่าตอนนี้จะไปตั้งอะไรรัฐบาล รัฐบาลยังอยู่นายกรัฐมนตรีก็ยังอยู่ ตนและพรรคภูมิใจไทยก็ไม่ได้เข้าไปเป็นอุปสรรค เมื่อวันที่ลาออกก็ได้โทรไปแสดงความยินดีกับ ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ต้องรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังบอกเลยว่า ให้ลงพื้นที่ช่องบกอุบลราชธานีกับนายกรัฐมนตรีด้วย แต่ก็ไม่ถึงขั้นสอนงาน บอกเพียงแค่ว่านายกรัฐมนตรีไปไหนต้องตามไปด้วย การสั่งงานทุกอย่างก็จะมีความคล่องตัว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์ประเทศ ตอนนี้เริ่มมีการนัดชุมนุมขับไล่นายกรัฐมนตรีน่ากังวลหรือไม่ อนุทินกล่าวว่า ไม่อยากให้มีอะไรทำลายบรรยากาศที่ดีของประเทศเรา ได้แต่ภาวนาอย่าให้มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ และอยากให้ทุกฝ่ายมองว่า เป็นวิถีทางการเมืองพรรคไหนที่ เสียงไม่พอรับเงื่อนไขอะไรไม่ได้ก็ถอยออกมา อย่าไปเพิ่มเงื่อนไขความขัดแย้งเพิ่มขึ้น
“ขอให้คำยืนยันตราบใดที่ยังเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยอยู่ ข่าวที่ออกมาทั้งหลายว่าพรรคภูมิใจไทยทำนั่นทำนี่ เพื่อที่จะทำให้นายกฯ และรัฐบาลมีอันเป็นไป ขอปฏิเสธและขอประณาม คนที่พยายามออกข่าวแบบนั้นด้วย ไม่รู้ว่าออกไปเพื่อที่จะเอาใจนาย หรือเอาใจใครเพื่อต่อรอง ตำแหน่งแห่งหนให้กับตัวเอง ในรัฐบาลหรือไม่ อย่าไปโทษคนอื่นอย่าไปโทษพรรคอื่น อย่าไปเอาประโยชน์จากสถานการณ์ ผมก็ออกมา ก็เป็นไปตาม การตัดสินใจไม่มีใครบังคับให้ผมออก ท่านนายกฯ หรือพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้บังคับ ท่านได้ยื่นข้อเสนอมา และผมก็ไม่ได้รับข้อเสนอนั้น ผมก็ตั้งใจออกของผมมาเอง” อนุทินกล่าว
ส่วนกรณีที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ควรฉวยโอกาสเรื่องคลิปเสียง เพื่อออกจากพรรคร่วมรัฐบาล อนุทินกล่าว ยืนยันว่าไม่เคยฉวยโอกาส ไม่มีเรื่องคลิปก็ออกอยู่แล้ว เพราะเลขาธิการนายกรัฐมนตรีมาบอก ท่านให้ไปคิด 2-3 วัน ตนก็ปฏิเสธทันที ในวินาที ว่ารับข้อเสนอไม่ได้ และพร้อมจะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน การตัดสินใจมันเกิดขึ้นวันนั้นเรียบร้อยแล้ว ไม่มีคลิปก็ออกอยู่แล้ว และไม่ได้ฉวยโอกาสอะไร อันนี้ต้องฝากท่านภูมิธรรม เพราะตนกับท่านก็เคารพรักนับถือกันดี ท่านควรรู้สไตล์การทำงานของตน ตรงไปตรงมามี มีอะไรก็บอกตรงๆ ไม่มีไปทำอะไรข้างหลัง หรือมุ่งร้ายอะไรกับใครอยู่แล้ว ไม่มีการฉวยโอกาส จะมีโอกาสอะไรในเมื่อถอยออกมาแล้ว ถ้าฉวยโอกาสมันคือ การอยู่ร่วมรัฐบาลต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิเคราะห์ว่ารัฐบาลอาจจะอายุสั้นหากไม่มีพรรคภูมิใจไทย ร่วมรัฐบาล อนุทินกล่าวว่าตนไม่ใช่คนประเมิน ทุกเช้าก็พูดคุยกับทีมว่าจะทำหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบอย่างไร ไม่ใช่ฝ่ายค้าน เพราะอะไรที่ดีเราก็พร้อมสนับสนุน แต่อะไรที่ไม่ถูกต้อง เราก็ตรวจสอบตามหน้าที่ ทำหน้าที่แบบตรงไปตรงมา ไม่ต้องไปบอกว่า ทำแบบนี้แล้วหวังจะกลับเข้าไป เพราะเวลาไม่ได้เหลือเยอะอะไร ก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้านไป ไม่ต้องกังวลเลย คนที่ไปสร้างข่าวกลัวว่าตนจะกลับเข้าไป ไม่มีเลยถ้ากลับเข้าไปจะตอบประชาชนว่าอย่างไร
อนุทินยังไม่ขอวิเคราะห์เรื่องการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่าไม่ขอวิเคราะห์อะไรทั้งสิ้นในตอนนี้ ขอทำหน้าที่ของตัวเอง ให้เรียบร้อย
เมื่อถามว่าหากมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี สมการเปลี่ยนจะเปลี่ยนใจกลับไปร่วมรัฐบาลหรือไม่ อนุทินกล่าวว่า ถอยออกมาแล้ว อย่าไปพูดอะไรที่มันไม่น่าจะเกิดขึ้น เดี๋ยวค่อยว่ากันใหม่ มาถึงขนาดนี้แล้วจะชักเข้าชักออกก็ลำบาก และลำบากตัวพรรคร่วมรัฐบาลด้วย และตนก็ทำตัวปรับสภาพทุกอย่างแล้ว ไม่ได้ห่วงหาอาทรอะไร