เซสโก, ยอเคอเรส, เอกิติเก, โอชิมเฮน ทำไม ‘No.9 ของแท้’ กลับมาฮิตอีกครั้ง?

ข่าวการตกลงย้ายทีมของ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติเยอรมนีไม่ต่างอะไรจากพายุลูกใหญ่ที่ซัดถล่มตลาดการซื้อขายผู้เล่นเข้าอย่างจังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

แต่เพลย์เมกเกอร์วัย 22 ปี อาจเป็นเพียงแค่พายุระลอกแรกของฤดูร้อนนี้เท่านั้น

เพราะในตลาดการซื้อขายรอบซัมเมอร์ – ซึ่งในพรีเมียร์ลีกเพิ่งกลับมาเปิดอย่างเป็นทางการในวันนี้ หลังจากที่เปิดรอบพิเศษสำหรับรองรับรายการ FIFA คลับ เวิลด์ คัพ ไปเมื่อต้นเดือน – ยังคาดว่าจะมีการย้ายทีมที่น่าตื่นเต้นรออยู่อีกมากมาย

โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เล่นตำแหน่งกองหน้าที่มีชื่อของ เบนจามิน เซสโก, วิกเตอร์ ยอเคอเรส, อูโก เอกิติเก และ วิกเตอร์ โอซิมเฮน ถูกเชื่อมโยงกับสโมสรในระดับชั้นนำชนิดพัลวันกันไปหมด

สิ่งที่น่าสนใจคือนี่เป็นการสะท้อนของเทรนด์ที่กลับมาของเกมฟุตบอล

กองหน้าแท้ๆ ดั้งเดิมกลับมาเป็นที่ต้องการอีกครั้ง?

ในช่วงเกือบ 20 ปีที่ผ่านมาโลกฟุตบอลมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องของแท็กติกการเล่นฟุตบอล

หนึ่งในแท็กติกการเล่นที่น่าสนใจคือการใช้ผู้เล่นที่เรียกว่า “False nine” หรือกองหน้าตัวหลอกมากกว่าที่จะใช้กองหน้าแบบดั้งเดิม (Traditional) ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมมากพอสมควรโดยเฉพาะในทีมระดับท็อปของโลก

โดยหน้าที่ของนักเตะในตำแหน่งนี้คือการเล่นเสมือนเป็นศูนย์หน้าแต่ไม่ใช่ศูนย์หน้า เพราะบทบาทในสนามแตกต่างกันจากศูนย์หน้า (Striker, Forward, No.9) ที่มีหน้าที่รอทำประตูในกรอบเขตโทษ เป็นการขยับลงมาต่ำเพื่อช่วยสร้างสรรค์เกมด้วยในแบบกึ่งเพลย์เมกเกอร์

ความลูกผสม (ไฮบริด) นี้ทำให้ถูกเรียกว่าเป็น False nine คือจะเป็น “หมายเลข 9” ก็ไม่ใช่ จะเป็น “หมายเลข 10” ที่เป็นตัวทำเกมก็ไม่เชิง

นักเตะที่ดีที่สุดของโลกและเป็นต้นแบบในบทนี้เชื่อกันว่าคือ ลิโอเนล เมสซี ที่มีสตอรีน่าสนุกๆ กับการคิดค้นสูตรพิสดารได้กลางดึกของเป๊ป กวาร์ดิโอลา และกลายเป็นจุดเปลี่ยนของโลกฟุตบอลไปตลอดกาล

อย่างไรก็ดีเมสซีไม่ได้เป็นคนเดียวที่ได้เล่นและโดดเด่นในบทบาทนี้ โรแบร์โต เฟียร์มิโน เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นในแบบ False nine ที่ได้รับการยกย่องมากที่สุด และมีอีกหลายคนที่ผ่านบทบาทนี้ แม้กระทั่ง เชสก์ ฟาเบรกาส ตัวทำเกมทีมชาติสเปนก็เคยเล่นในบทนี้มาแล้วให้กับทั้งทีมชาติสเปนและบาร์เซโลนา

เพียงแต่แท็กติกฟุตบอลไม่ต่างอะไรจากแฟชั่น (ซึ่ง False nine ก็ไม่ใช่ของใหม่เอี่ยมอ่องเช่นกัน…) ที่เมื่อถึงเวลาหนึ่งวงล้อของมันจะหมุนไปและเทรนด์ใหม่ที่อาจเป็นเทรนด์เก่าก็จะหวนกลับมา

และดูเหมือนตอนนี้นักเตะในแบบศูนย์หน้าแท้ๆ ดั้งเดิมที่มีหน้าที่หลักในการทำประตูจะกลับมาเป็นที่ต้องการอีกครั้ง

ท่ามกลางข่าวการย้ายทีมมากมาย หนึ่งในข่าวที่หลายคนจับตามองคือการย้ายทีมของนักเตะกองหน้าดาวเด่นของวงการฟุตบอลยุโรปที่กลายเป็นที่ต้องการของสโมสรยักษ์ใหญ่ในเวลานี้ ซึ่งประกอบไปด้วย

เบนจามิน เซสโก ศูนย์หน้าทีมแอร์เบ ไลป์ซิกและทีมชาติสโลวีเนีย

วิกเตอร์ ยอเคอเรส เพชฌฆาตแห่งทีมสปอร์ติง ลิสบอน และทีมชาติสวีเดน

อูโก เอกิติเก หอคอยยักษ์ของไอน์ทรัคท์ แฟรงก์เฟิร์ต และทีมชาติฝรั่งเศสชุดเล็ก

และ วิกเตอร์ โอซิมเฮน หนึ่งใน “เบอร์ 9” ที่ดีที่สุดของโลกในเวลานี้ของนาโปลี และทีมชาติไนจีเรีย

นักเตะกลุ่มนี้กลายเป็นที่ต้องการของสโมสรในระดับท็อปที่ต้องการเสริมทัพเพื่อกลับมาสู้ศึกในฤดูกาลหน้า และทำให้เกิดสถานการณ์การย้ายทีมที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง มีความอีรุงตุงนังกันพอสมควร

เช่น ยอเคอเรส ปฏิเสธการย้ายไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และอยากจะเล่นให้กับอาร์เซนอล แต่อาร์เซนอลมีเป้าหมายอันดับหนึ่งคือเซสโก เพียงแต่การเจรจาก็เต็มไปด้วยความยากลำบากเช่นกันและทำให้ยังเปิดช่องสำหรับยอเคอเรสด้วย ขณะที่นอกพรีเมียร์ลีกมียูเวนตุสที่มีข่าวเชื่อมโยงด้วย ซึ่งอาจหมายถึงการปล่อยศูนย์หน้าในทีมอย่าง ดูซาน วลาโฮวิช ออกมาเช่นกัน

ขณะที่เอกิติเกก็เป็นเป้าหมายของลิเวอร์พูล และเชลซี – ทั้งที่เพิ่งจะได้ตัว เลียม ดีแลป อีกหนึ่งศูนย์หน้าอนาคตไกลมาจากอิปสวิชด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ – โดยที่แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มีข่าวว่าอยากได้ตัวมาร่วมทีมด้วยเช่นกัน

ในจำนวนนี้โอซิมเฮน มีข่าวเชื่อมโยงกับสโมสรอื่นเบาบางที่สุดเนื่องจากมีเรื่องของค่าตัวในการย้ายทีมและค่าเหนื่อยที่สูงกว่าคนอื่น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ากองหน้าวัย 26 ปีจะไม่มีโอกาสในการย้ายทีม ในทางตรงกันข้ามหากมีสโมสรใดพลาดเป้าหมายก็อาจจะ “หน้ามืด” เพื่อซื้อกองหน้าที่ยอดเยี่ยมรายนี้มาร่วมทีมได้

สำหรับเหตุผลที่กองหน้าในแบบ “เบอร์ 9 แท้” ถึงกลับมาเป็นที่ต้องการของตลาดอีกครั้ง เกิดจากเทรนด์ฟุตบอลในปัจจุบันกำลังเปลี่ยนไปจากฟุตบอลที่เน้นการครองบอล (Positional play) เสียบอลให้ยากที่สุดเพื่อลดโอกาสจะโดนคู่แข่งเล่นงาน มาเป็นฟุตบอลที่เน้นความฉาบฉวยมากขึ้น เล่นเร็วขึ้น และเน้นความเฉียบคมมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่างที่ดีที่สุดคือ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ซึ่งแม้จะมีนักเตะที่มีเทคนิคการเล่นยอดเยี่ยมทั้งทีมโดยเฉพาะแดนกลางที่เป็นระดับโลกทุกคนไม่ว่าจะเป็น วิตินญา, ชูเอา เนเวส และฟาเบียน รุยซ์ แต่พวกเขาไม่ได้เน้นการครองบอลไปเรื่อยเปื่อย แต่ใช้การจู่โจมเข้าทำที่รวดเร็วโดยเฉพาะจังหวะการเพรสซิงตัดเกมได้ เปลี่ยนจากรุกเป็นรับเร็ว

บาร์เซโลนา แชมป์ลาลีกา แม้ว่าดาวเด่นจะเป็น ลามีน ยามาล และราฟินญา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนที่เป็นตัวค้ำในแนวรุกคือ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ที่ยังคงเป็นหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดของโลกที่ครบเครื่องต้มยำซัมบาล (น้ำพริกมาเลเซีย) ที่ทำได้ทุกอย่าง พักบอล เชื่อมการเล่น และทำประตูด้วยตัวเองด้วยความเฉียบคม

นิวคาสเซิล ภายใต้การนำของเอ็ดดี ฮาว เองก็เป็นตัวอย่างที่ดีของทีมที่มีศูนย์หน้าของแท้ที่ดีอย่าง อเล็กซานเดอร์ อิซัค ที่ถึงขนาดว่าหากไม่มีกองหน้าทีมชาติสวีเดนในทีมวันไหน “แม็กไพส์” นอกจากจะไม่ชนะแล้วยังถึงแพ้เลยด้วย

นอกจากนี้ยังมี คริส วูด ที่เป็นเสาหลักในแดนหน้าของน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ และเอร์ลิง ฮาแลนด์ ผู้ปลุกกระแสกองหน้าตัวเป้าให้กลับมาในพรีเมียร์ลีกตั้งแต่ 3 ฤดูกาลที่แล้ว

การมีอยู่ของกองหน้าในลักษณะนี้เป็นกระจกสะท้อนความล้มเหลวของหลายสโมสรที่ขาดกองหน้าที่พึ่งพาได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น อาร์เซนอล ซึ่งประสบปัญหาชัดเจนจนมีส่วนสำคัญในการหลุดวงโคจรลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่แล้ว, เชลซี ที่ไม่สามารถยืนระยะได้เพราะกองหน้าอย่างนิโคลัส แจ็คสัน ไม่สม่ำเสมอ และลิเวอร์พูล ที่พึ่งพาดาร์วิน นูนเยซไม่ได้ สุดท้ายต้องปรับด้วยการใช้หลุยส์ ดิอาซ ทดแทนเป็นการชั่วคราว

ขณะที่แมนฯ ยูไนเต็ด มีราสมุส ฮอยลุนด์ก็เหมือนไม่มี

และนั่นคือเหตุผลที่แทบทุกทีม (ยกเว้นแมนฯ ซิตี้) มีความปรารถนาที่จะได้กองหน้าแบบแท้ๆ แม้ไม่ต้องทำอะไรเลยมาร่วมทีมให้ได้เพื่อสู้ศึกในฤดูกาลหน้า ซึ่งรับประกันได้ว่าจะได้เห็นการชิงไหวชิงพริบชิงเหลี่ยมกันเพื่อให้ได้ตัวนักเตะกลุ่มนี้แน่นอน

แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเชื่อว่าหลังจากนี้เทรนด์นักเตะกองหน้าในแบบดั้งเดิม ที่เพิ่มเติมเรื่องความเข้าใจในแท็กติกไม่ได้โฟกัสแค่เรื่องของการทำประตูเพียงอย่างเดียว (เพรสซิงเป็น, Link-up play เล่นประสานกับเพื่อนได้) จะกลับมาเป็นที่ต้องการของตลาดอีกครั้ง หลังจากที่สูญเสียพื้นที่ให้กับกองหน้าในแบบ False nine มายาวนาน

ส่วนทีมไหนจะได้ใครไปร่วมทีม ไม่เกินสิ้นเดือนนี้ภาพน่าจะชัดเจน

ขอให้ได้ขอให้โดนคนที่อยากได้กันนะ!

อ้างอิง: