×

BJC – คาดยอดขายและมาร์จิ้นกลุ่ม Non-MSC หนุนกำไร 2Q68

27.05.2025
  • LOADING...
bjc-profit-growth

เกิดอะไรขึ้น:

 

บริษัทค้าปลีก (BJC, CPALL, CPAXT, CRC, GLOBAL และ HMPRO) ต่างประสบกับภาวะที่ยอดขายสาขา (SSS) ใน 2Q68TD ชะลอตัวลงจากกำลังซื้อที่ลดลงและฝนที่ตกมากขึ้น แต่โมเมนตัมกำไร 2Q68 ของ BJC (คาดเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ) มีแนวโน้มโดดเด่นกว่าคู่แข่ง 

 

โดย InnovestX Research คาดว่ากำไร 2Q68 ของ BJC จะเติบโต YoY จากยอดขาย (นำโดยการกลับมาของคำสั่งซื้อในกลุ่ม PSC จากลูกค้ากาแฟแบรนด์หนึ่งที่หยุดการสั่งซื้อชั่วคราวใน 1Q68) และมาร์จิ้นที่ดีขึ้นของกลุ่ม Non-MSC (นำโดยราคาวัตถุดิบที่ลดลงในกลุ่ม PSC และกลุ่ม CSC  และการขายกิจการ Thai-Scandic Steel ที่สร้างผลขาดทุนออกไปใน 1Q68) ท่ามกลางกลุ่ม MSC ที่แข็งแกร่ง และเพิ่มขึ้น QoQ จากปัจจัยตามฤดูกาล 

 

อัตรากำไรขั้นต้น 2Q68 จะกว้างขึ้น YoY นำโดยกลุ่ม Non-MSC, กลุ่ม PSC ในธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้ว อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มกว้างขึ้น YoY อย่างต่อเนื่องจากการรับรู้ราคาโซดาแอชต้นทุนต่ำที่ล็อกไว้ซึ่งลดลง 25%YoY (8% ของต้นทุนการผลิต) ตลอดปี 2568 และ ราคา Spot เศษแก้วต้นทุนต่ำซึ่งลดลง 15%YoY (20% ของต้นทุนการผลิต) ท่ามกลางต้นทุนก๊าซธรรมชาติและค่าไฟฟ้า (มากกว่า 20% ของต้นทุนการผลิต) ที่ต่ำต่อเนื่อง ในธุรกิจบรรจุภัณฑ์กระป๋อง บริษัทจะได้รับประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาดที่ดีขึ้นจากคำสั่งซื้อที่กลับคืนมาจากลูกค้ากาแฟแบรนด์หนึ่ง (ที่หยุดการสั่งซื้อชั่วคราวใน 1Q68) ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และมีผลิตภัณฑ์บรรจุกระป๋องใหม่ๆ มากขึ้นในประเทศเวียดนาม 

 

กลุ่ม H&TSC เมื่อไม่มีธุรกิจ Thai-Scandic Steel ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำ (ขายกิจการออกไปใน 1Q68; สร้างผลขาดทุนสุทธิให้กับ BJC ที่ 134 ล้านบาทต่อปี) อัตรากำไรขั้นต้นของ BJC มีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้น YoY ตั้งแต่ 2Q68 เป็นต้นไป 

 

กลุ่ม CSC อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น YoY จากการมีสัดส่วนการขายที่ดีขึ้นเพราะมียอดขายขนมขบเคี้ยวมาร์จิ้นสูงมากขึ้น ราคาเยื่อกระดาษใยสั้นที่ลดลง (ลดลง YoY แต่ทรงตัว QoQ) และราคาน้ำมันปาล์มที่ลดลง (ทรงตัว YoY แต่ลดลง QoQ) ท่ามกลางมาตรการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง 

 

กลุ่ม MSC อัตรากำไรขั้นต้น 2Q68 มีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว YoY โดยสัดส่วนการขายที่ดีขึ้นจากยอดขายสินค้าอาหารสดมาร์จิ้นสูงที่เพิ่มขึ้นและยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภททำความเย็นมาร์จิ้นต่ำที่ลดลง (จากฝนที่ตกมากขึ้น) ถูกหักล้างโดยการจัดโปรโมชั่นราคา ด้วยยอดขายสินค้า private brand มาร์จิ้นสูงที่เพิ่มขึ้นและการพัฒนาสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร BJC จึงตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นกว้างขึ้น YoY ใน 2H68 

 

ด้านยอดขาย 2Q68 จะปรับตัวดีขึ้น QoQ นำโดยกลุ่ม PSC, กลุ่ม PSC ยอดขายกลุ่ม PSC ใน 2Q68 มีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นโดยอย่างน้อยจะเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับกลางถึงสูง QoQ จากคำสั่งซื้อบรรจุภัณฑ์กระป๋องที่กลับคืนมาจากลูกค้ากาแฟแบรนด์หนึ่ง (ที่หยุดการสั่งซื้อชั่วคราวใน 1Q68) ตั้งแต่เดือน พฤษภาคม และมีผลิตภัณฑ์บรรจุกระป๋องใหม่ๆ มากขึ้นในประเทศเวียดนาม 

 

กลุ่ม MSC ใน 2Q68TD SSS ลดลง 1% YoY (เทียบกับ เพิ่มขึ้น 2%YoY ใน 1Q68) จากฝนที่ตกมากขึ้น YoY ส่งผลทำให้ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภททำความเย็นและเครื่องดื่ม (1% และ 10% ของยอดขาย) ลดลง หากตัดยอดขายสินค้าเหล่านี้ออก พบว่า SSS เพิ่มขึ้น 2%YoY จากยอดขายสินค้าอาหารสดที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง ด้วยฐานสภาพอากาศที่เป็นปกติในช่วงปลาย 2Q68 BJC คาดว่า SSS ใน 2Q68 จะอยู่ในระดับทรงตัว YoY

 

กระทบอย่างไร:

 

ในช่วง 1 เดือน ที่ผ่านมา ราคาหุ้น BJC ปรับลง 11.5% สู่ 20.70 บาท ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 1.5% สู่ 1,176.36 จุด

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2568:

 

เป้าหมายปี 2568 BJC คาดว่ายอดขายปี 2568 จะเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่ตัวเลขหลักเดียวระดับกลาง YoY เล็กน้อย จากราคาสินค้าที่ลดลงตามราคาวัตถุดิบที่ลดลง YTD ในกลุ่ม PSC และการขายกิจการ Thai Scandic Steel ในกลุ่ม H&TSC ออกไปใน 1Q68 ในขณะเดียวกัน BJC คาดว่ายอดขายในทุกกลุ่มธุรกิจจะเติบโต YoY ในปี 2568: ยอดขายกลุ่ม MSC เติบโตจาก SSS ที่เป็นบวกและการขยายสาขา 

 

ยอดขายกลุ่ม PSC จากการส่งออกมากขึ้นและการขยายเตาหลอมใน 4Q68 ยอดขายกลุ่ม CSC จากผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัวและขนมขบเคี้ยวใหม่ๆ และยอดขายกลุ่ม H&TSC จากสินค้าใหม่ๆ และงบประมาณรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น

 

อัตรากำไรขั้นต้น BJC ยังคงเป้าอัตรากำไรขั้นต้นปี 2568 กว้างขึ้น 20-40bps นำโดยอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากกลุ่ม non-MSC ท่ามกลางอัตรากำไรขั้นต้นระดับทรงตัวจากกลุ่ม MSC ต้นทุนทางการเงิน มีแนวโน้มที่จะลดลงจาก 3.3% ต่อปี ณ สิ้นปี 2567 มาอยู่ที่ 3.1% ต่อปี ณ สิ้นปี 2568 อัตราภาษี คาดว่าจะอยู่ที่ 20-24% ในปี 2568 (เทียบกับ 23% ในปี 2567) จากนั้นจะลดลงมาอยู่ที่ 20% ในปี 2570 จากการวางแผนภาษีของกลุ่ม

 

InnovestX Research คาดว่ากำไรปกติปี 2568 จะเติบโต 17%YoY โดยการเติบโต 8% จะมาจากธุรกิจหลักที่ปรับตัวดีขึ้นจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นและการควบคุมค่าใช้จ่าย SG&A / ยอดขาย, 2% จากการไม่มีผลขาดทุนจาก Thai Scandic Steel ตั้งแต่ 2Q68 และ 7% จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง

 

กลยุทธ์การลงทุน คงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ BJC โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 อ้างอิงวิธี DCF (WACC 7.2% และการเติบโตระยะยาว 2%) ที่ 28.5 บาทต่อหุ้น

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อ ต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และนโยบายรัฐบาลใหม่ๆ ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญ คือ การบริหารจัดการพลังงาน ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน (E) และแนวปฏิบัติด้านแรงงาน/การจ้างงาน (S)

 

BJC – คาดยอดขายและมาร์จิ้นกลุ่ม non-MSC หนุนกำไร 2Q68

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising