วันนี้ (27 พฤษภาคม) ที่ศูนย์ประชุม Kuala Lumpur Convention Centre (KLCC) ประเทศมาเลเซีย แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) ครั้งที่ 2 ร่วมกับผู้นำและผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียนและ GCC
นายกรัฐมนตรีกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมฯ ถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความเปราะบางของห่วงโซ่อุปทานโลก ทำให้การขยายความร่วมมือระหว่างภูมิภาคยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงร่วมกันในด้านเศรษฐกิจและสังคม จึงเสนอแนวทางภายใต้กรอบ 3Ps ได้แก่
- ความร่วมมือเพื่อความเจริญรุ่งเรือง (Prosperity) การยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการค้าการลงทุน เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอก อาทิ การเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าและภาษีของสหรัฐฯ สนับสนุนให้มีความเชื่อมโยงระหว่างภาคธุรกิจของทั้งสองภูมิภาค และส่งเสริมการศึกษาความเป็นไปได้ของ FTA ระหว่างอาเซียนและ GCC
- ความร่วมมือเพื่อประชาชน (People) ที่เป็นรูปธรรมระหว่างประชาชนของทั้งสองภูมิภาค โดยเน้นการเคลื่อนย้ายและแลกเปลี่ยนบุคลากรในด้านต่าง ๆ เช่น การท่องเที่ยว การแพทย์ และสุขภาพ
- ความร่วมมือเพื่อโลก (Planet) โดยทั้งอาเซียนและ GCC ต่างได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงต้องร่วมกันผลักดันวาระสีเขียว และการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน โดยเสนอให้ศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนในกรุงเทพฯ ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของ GCC
นายกรัฐมนตรีแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ในฉนวนกาซา โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเดินหน้าสู่การเจรจาหยุดยิงและข้อตกลงในการแลกเปลี่ยนตัวประกัน เพื่อเปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ไทยยังคงสนับสนุนแนวทางสองรัฐ (Two-State Solution) และขอบคุณความร่วมมือของทุกฝ่ายที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการส่งตัวคนไทยกลับสู่ประเทศได้อย่างปลอดภัยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างอาเซียนและ GCC ควรได้รับการผลักดันอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้กรอบความร่วมมือที่มีอยู่ โดยเน้นการสานต่อเจตนารมณ์ผ่านการดำเนินการจริง และการหารือระดับผู้นำอย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนความมั่งคั่ง ประชาชน และโลก ของทั้งสองภูมิภาคอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ได้รับรองเอกสาร 2 ฉบับ ได้แก่ แถลงการณ์ร่วมของการประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ และปฏิญญาร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียน กับคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ โดยเอกสารดังกล่าวจะเป็นประโยชน์กับไทยในการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและกับประเทศนอกภูมิภาค เช่น การเสริมสร้างความเชื่อมโยงและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ