×

‘ชาญชัย-สมชาย-นิติธร’ ทวงถามความคืบหน้า ป.ป.ช. ร้องถอดถอนนายกฯ นำงบใช้หนี้มาแจกดิจิทัลวอลเล็ต

โดย THE STANDARD TEAM
26.05.2025
  • LOADING...
ppc-thaksin-digital-wallet

วานนี้ (25 พฤษภาคม) ที่สำนักงานการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส. พรรคประชาธิปัตย์ พร้อม สมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และ นิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา เข้าติดตามทวงถามความคืบหน้ากรณีร้องให้ตรวจสอบการปรับลดงบประมาณของรัฐบาลยุค เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และ แพทองธาร ชินวัตร เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ที่ยื่นเรื่องร้องเรียนไว้ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา 

 

ชาญชัยระบุว่า วันนี้ได้นำคำสั่งและความเห็นจาก 3 หน่วยงานที่รัฐบาลเคยสอบถามเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ประกอบด้วยธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานกฤษฎีกา และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่แสดงความเห็นค้านว่าการผลักดันโครงการดังกล่าวอาจทำให้เกิดความเสียหาย 

 

แต่กลับเกิดเหตุตาลปัตรขึ้นเมื่อรัฐบาลนำเงินในการจัดงบประมาณไว้ใช้หนี้ ซึ่งเป็นเงินที่ทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ต้องนำเงินดังกล่าวนี้ไปจ่ายคืนในวงเงินกู้ ทำให้ ธ.ก.ส. ไม่มีเงินไปชำระหนี้กับธนาคารทั้ง 4 สถาบัน เป็นเหตุให้ธนาคารทั้งหมดไม่มีเงินไปใช้หนี้ กลับนำเงินมาแจกในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะถือว่าเป็นการปรับลดงบประมาณ 

 

“ตามกฎหมายแล้วได้ระบุบางคำไว้ว่า รัฐบาลจะต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระเงินกู้ที่นำมาช่วยเหลือเกษตรกร โดยผมจะทำคดีนี้ให้เป็นกรณีศึกษา เพราะได้เกิดผลกระทบขึ้นแล้ว จะเห็นได้ว่า ธ.ก.ส. นิ่งเฉย ไม่ได้ช่วยเหลือเกษตรกร ปล่อยให้ราคาข้าวและผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ เพราะ ธ.ก.ส. มีเพดานเงินกู้เต็มวงเงินแล้ว จากเหตุการณ์กระทำของรัฐบาล” ชาญชัยกล่าว

 

ด้านสมชายเผยว่า ในรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 2540 และ 2550 จนถึงปัจจุบัน กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าห้ามตัดงบประมาณที่นำไปใช้หนี้ตามกฎหมาย ซึ่งหากฝ่าฝืน มีบทลงโทษในรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งรัฐบาลได้กระทำผิด โดยมีมติคณะรัฐมนตรี และมติคณะกรรมาธิการนำเงินไปแจกในดิจิทัลวอลเล็ต นำไปสู่ความเสียหายที่เห็นได้ชัด โดยเฉพาะดิจิทัลวอลเล็ตเฟสที่ 3 ไม่ควรเกิดขึ้นได้ การที่รัฐบาลตัดเงินจากมาตรา 144 ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องห้ามถือว่ารัฐบาลเบี้ยวหนี้ 

 

สมชายยกเปรียบเทียบคดีจำนำข้าว ที่รัฐบาลขณะนั้นได้ใช้งบไป 900,000 ล้านบาท และขายข้าวได้ส่วนหนึ่ง แต่ยังขาดทุน 500,000 ล้านบาท ซึ่งก็มีการตั้งงบใช้หนี้มาทุกปี ซึ่งตอนนี้เหลือหนี้ประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยงบประมาณ 30,000 ล้านบาท ยังคงอยู่ในสถาบันการเงินทั้ง 5 แห่ง วันนี้เท่ากับไม่มีเงินไปจ่ายหนี้โครงการจำนำข้าว แต่เอาเงินไปแจก 

 

“ขณะนี้ประเทศไทยได้เสียเครดิตแล้ว การไปกู้เงินนั้นทำไม่ได้ เพราะรัฐบาลได้เบี้ยวหนี้ไปแล้ว ซึ่งทำให้ธนาคารเอกชนในประเทศไทย และธนาคารโลก (World Bank) จับตามองประเทศไทย ว่ามีพฤติกรรมเบี้ยวหนี้ของรัฐบาล ดังนั้นถือว่าความผิดได้สำเร็จแล้ว จึงขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหน้าที่ตรวจสอบและมีมติส่งความเห็นไปที่ศาลรัฐธรรมนูญให้มีการวินิจฉัย หรือชี้ว่าการกระทำนั้นมีความผิด และก่อให้เกิดความเสียหาย เพื่อป้องกันการทำงบประมาณตามใจชอบ” สมชายกล่าว 

 

ส่วนนิติธรกล่าวว่า ตามระยะเวลาการพิจารณาของ ป.ป.ช. มีเวลา 45 วัน ซึ่งตอนนี้ผ่านมาแล้ว 30 วัน จึงอยากให้ ป.ป.ช. พิจารณาโดยพลัน เพื่อให้อยู่ในกรอบเดียวกับศาลรัฐธรรมนูญ และเชื่อว่า ป.ป.ช. เองจะเร่งการพิจารณา รวมถึงการพิจารณาเอกสารเพิ่มเติม แต่ถ้าหากไม่ทัน เมื่อถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกครั้ง

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising