‘Slugging’ (สลักกิ้ง) กลายเป็นคำศัพท์ที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในวงการบิวตี้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบการดูแลผิวแบบเกาหลี (K-Beauty) เทรนด์นี้คือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติเป็น Occlusive หรือสารเคลือบผิว (เช่น ปิโตรเลียมเจลลี่ หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อวาสลีน) ทาเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุงผิวก่อนนอน เพื่อสร้างชั้นฟิล์มบางๆ เคลือบผิวไว้ตลอดคืน ชื่อ ‘Slugging’ มาจากลักษณะผิวที่ดูมันวาวคล้ายเมือกของหอยทาก (Slug) หลังจากการทาผลิตภัณฑ์นั่นเอง สำหรับใครที่กำลังสนใจเทรนด์นี้และอยากลองดูแลผิวด้วยวิธีนี้ดู LIFE ได้รวบรวมสิ่งที่ควรรู้ก่อนลองมาให้แล้ว ไปกันเลย
หลักการทำงานของ Slugging
หัวใจสำคัญของเทคนิค Slugging คือการ ‘ล็อก’ ความชุ่มชื้นไว้ในผิว ผลิตภัณฑ์ประเภท Occlusive จะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิว ลดการสูญเสียน้ำออกจากผิว (Transepidermal Water Loss: TEWL) ในช่วงเวลากลางคืนที่เรานอนหลับ ซึ่งเป็นช่วงที่ผิวมีแนวโน้มจะสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย นอกจากนี้ ยังช่วยกักเก็บผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ ที่เราทาไปก่อนหน้าให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น
ประโยชน์ของ Slugging ผิว
- เพิ่มความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก: เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ หรือผิวที่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศแห้งและเย็นเป็นประจำ การ Slugging จะช่วยให้ผิวกลับมาอิ่มฟู นุ่มเด้ง และลดความแห้งกร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เสริมเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier): การรักษาความชุ่มชื้นเป็นปัจจัยสำคัญในการมีเกราะป้องกันผิวที่แข็งแรง Slugging ช่วยฟื้นฟูและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ทนทานต่อปัจจัยระคายเคืองต่างๆ ได้ดีขึ้น
- ลดการระคายเคือง: สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายหรือมีอาการผิวแห้งลอก การ Slugging สามารถช่วยปลอบประโลมผิวและลดการระคายเคืองได้
- ผิวดูอิ่มน้ำ ฉ่ำโกลว: เมื่อผิวมีความชุ่มชื้นอย่างเต็มที่ จะส่งผลให้ผิวดูเปล่งปลั่ง สุขภาพดี และอาจช่วยให้การแต่งหน้าติดทนและเรียบเนียนขึ้น
วิธีทำ Slugging ผิว
- ทำความสะอาดผิวหน้า: เริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดผิวหน้าให้หมดจด เพื่อขจัดสิ่งสกปรก เครื่องสำอาง และความมันส่วนเกิน
- บำรุงผิวตามปกติ: ลงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตามขั้นตอนปกติของคุณ เช่น โทนเนอร์ เซรั่ม และมอยส์เจอไรเซอร์
- ทาผลิตภัณฑ์ Occlusive: ตักผลิตภัณฑ์ประเภทปิโตรเลียมเจลลี่ (หรือผลิตภัณฑ์ Occlusive อื่นๆ ที่ออกแบบมาสำหรับการ Slugging) ในปริมาณเล็กน้อย (ประมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียว) วอร์มบนฝ่ามือ แล้วค่อยๆ ทาเคลือบให้ทั่วใบหน้าเป็นชั้นบางๆ เป็นขั้นตอนสุดท้าย
- ทิ้งไว้ข้ามคืน: ปล่อยให้ผลิตภัณฑ์ทำงานในขณะที่คุณนอนหลับ
- ล้างหน้าในตอนเช้า: ล้างหน้าตามปกติในตอนเช้า และตามด้วยขั้นตอนการบำรุงผิวตอนเช้าของคุณ
ข้อควรระวังและใครบ้างที่ไม่เหมาะกับ Slugging?
แม้ว่า Slugging จะมีประโยชน์ในเรื่องการให้ความชุ่มชื้น แต่ก็ไม่ใช่เทคนิคที่เหมาะกับทุกคนหรอกนะ
- ผู้ที่มีผิวมันหรือผิวเป็นสิวง่าย: การทาผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเคลือบผิวหนาๆ อาจทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขน และกระตุ้นให้เกิดสิวอุดตัน สิวอักเสบ หรือสิวผดได้ง่ายขึ้น
- ผู้ที่ผิวแพ้ง่ายมาก: ควรทดสอบผลิตภัณฑ์บริเวณเล็กๆ ก่อนใช้ทั่วใบหน้า เพื่อป้องกันอาการแพ้หรือระคายเคือง
- สภาพอากาศร้อนชื้น: ในสภาพอากาศที่ร้อนและมีความชื้นสูง การ Slugging อาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะ ไม่สบายผิว และเพิ่มโอกาสการอุดตันได้
- ความถี่ในการทำ: ไม่จำเป็นต้องทำ Slugging ทุกคืน โดยเฉพาะคนที่มีผิวผสมหรือผิวปกติ อาจทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง หรือเฉพาะช่วงที่รู้สึกว่าผิวแห้งเป็นพิเศษ
- ความสะอาด: ต้องมั่นใจว่าผิวหน้าสะอาดจริงๆ ก่อนทำการ Slugging เพื่อไม่ให้เป็นการกักเก็บสิ่งสกปรกและแบคทีเรียไว้ใต้ชั้นเคลือบผิว
จากข้อมูลทั้งหมดนี้จะเห็นว่าเทรนด์ Slugging ผิวเป็นเทคนิคการดูแลผิวที่เน้นการล็อกความชุ่มชื้นขั้นสุด เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งหรือต้องการฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรงอิ่มน้ำ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจสภาพผิวของตนเองและเลือกใช้วิธีการดูแลผิวที่เหมาะสม หากคุณมีผิวมันหรือมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านผิวก่อนลองเทรนด์นี้