หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์จากฐานผลิตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรียกได้ว่าชาติอาเซียนโดนกันถ้วนหน้า กัมพูชาหนักสุด 3,521% เวียดนาม 395% ส่วนไทยก็โดนไปไม่น้อย 375% และมาเลเซีย 34.4%
โดย โดนัลด์ ทรัมป์ ให้เหตุผลว่า ส่วนใหญ่แล้วสหรัฐฯ นำเข้าแผงโซลาร์เซลล์จาก 4 ประเทศอาเซียน ซึ่งหากดูตัวเลข สหรัฐฯ นำเข้าอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์มูลค่า 12,900 ล้านดอลลาร์ (ราว 428,000 ล้านบาท) จาก 4 ประเทศ ซึ่งต้องเสียภาษีใหม่นี้ คิดเป็นประมาณ 77% ของการนำเข้าโมดูลทั้งหมด
ที่น่าสนใจคือ สถานการณ์นี้คล้ายกับเมื่อราว 12 ปีก่อนที่สหรัฐฯ เคยใช้มาตรการภาษีกับแผงโซลาร์จากจีน ทำให้ผู้ผลิตจีนย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี มายังอาเซียนและไทย
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้ข้อมูลกับ THE STANDARD WEALTH ถึงมูลค่าบริษัททุนจีนเข้ามาจดทะเบียนนิติบุคคล และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการผลิตอุปกรณ์กึ่งตัวนำและวงจรรวม การผลิตและการส่งไฟฟ้าเกี่ยวเนื่องกับการผลิตโซลาร์เซลล์ ซึ่งพบว่า นับตั้งแต่ปี 2563 มีบริษัทสัญชาติจีนเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ต่อเนื่อง โดยในช่วงปี 2566 มีการผลิตในไทยมากถึงพันล้านบาท
ทั้งนี้ มาตรการภาษีล่าสุดของสหรัฐฯ หรือที่รู้จักกันในชื่อภาษีตอบโต้การอุดหนุนและการทุ่มตลาด (Antidumping and Countervailing Duties) จะส่งผลแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าสินค้านั้นๆ ผลิตโดยบริษัทใดและในประเทศอะไร
