×

พิชัยสั่งเร่งตรวจสอบสวมสิทธิ์ส่งออกสินค้า ลุยจับนอมินี หลังสหรัฐฯ แจ้งลิสต์สินค้าเข้าข่าย ย้ำเลื่อนเจรจากำแพงภาษีต้องดูเวลาและความเหมาะสม

โดย THE STANDARD TEAM
25.04.2025
  • LOADING...
สวมสิทธิ์ส่งออกสินค้า

วันนี้ (25 เมษายน) พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ วุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ แถลงภายหลังการประชุมแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย หรือการสวมสิทธิ์ส่งออกสินค้า 

 

พิชัยกล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมตามที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมาย โดยเฉพาะเรื่อง 

 

  1. สินค้าที่ทะลักเข้าประเทศ ทั้งมีคุณภาพและด้อยคุณภาพ บางส่วนเข้ามาในประเทศไทยเพื่อจำหน่าย บางส่วนเข้ามาแปรรูปเพื่อส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่งเป็นส่วนที่สหรัฐอเมริกาจับตาดูอยู่ ว่าสินค้านี้เป็นสินค้าของไทยจริงหรือไม่ และมีมาตรฐานหรือไม่

 

  1. ร้านค้าที่เข้ามาในรูปแบบนอมินี  

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวเสริมว่า รัฐบาลได้ดำเนินการเรื่องของสินค้าด้อยคุณภาพไปแล้วกว่า 29,000 คดี ส่วนการจับนอมินีดำเนินการแล้ว 852 บริษัท มีทุนจดทะเบียน 15,188 ล้านบาท และปัจจุบันพบว่า มี 49,000 กว่าบริษัท ที่มีต่างชาติถือหุ้นอยู่จะเข้าไปตรวจสอบว่ามีการถือนอมินีจริงหรือไม่ 

 

ด้านปลัดกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า หลักการในการควบคุมสินค้าคือ คำนึงถึงคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค ดำเนินการตามกฎหมายที่มีอยู่และตรวจสอบสินค้าที่นำเข้าจากทุกประเทศเท่าเทียมกัน โดยพิจารณาจาก 

 

  1. มาตรฐานอุตสาหกรรม 
  2. สินค้า อาหาร และยา 
  3. ฉลากที่ระบุวิธีการใช้เป็นภาษาไทย  

 

พิชัยกล่าวอีกว่า เราเน้นย้ำเรื่องคุณภาพสินค้าหากพบ สินค้าที่ต้นทุนต่ำขายราคาถูก และนำไปอยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Temu ก็จะไปติดตามว่าสินค้าเหล่านั้นเข้ามาถูกต้องและมีใบรับรองคุณภาพหรือไม่ โดยในส่วนนี้กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปตรวจสอบ หากพบว่าสินค้าไม่ได้คุณภาพสามารถแจ้งเจ้าของแพลตฟอร์มไม่ให้ขายสินค้านั้นได้ และหากเจ้าของแพลตฟอร์มต้องการขายสินค้าในไทยจะต้องจดทะเบียนในไทยเท่านั้น เพื่อทำให้ทุกอย่างอยู่ในระบบ 

 

ส่วนเรื่องนอมินีนั้น บางส่วนมีความน่าสงสัย จะดำเนินการตรวจสอบ 2 เรื่อง คือ 

 

  1. บริษัทที่มีต่างชาติถือหุ้นตั้งแต่ 1- 49% เพื่อตรวจสอบผู้ถือหุ้นที่เหลืออีก 51% ว่าเป็นใคร เป็นนอมินีหรือไม่ เป็นผู้ลงทุนหรือไม่ โดยจะเชื่อมโยงการตรวจสอบกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อตรวจสอบว่าเป็นผู้จ่ายเงินหรือไม่ กระทรวงมหาดไทยตรวจสอบการจดทะเบียนในแต่ละจังหวัด

 

  1. ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยตรวจสอบการครอบครองที่ดินของ 51% ที่แฝงอยู่ และหาทางแก้ไข ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นมาตรการที่เราจะเร่งทำในระยะสั้น

 

ตรวจสอบลิสต์สินค้าสหรัฐฯ จับตา หวั่นสวมสิทธิ์ส่งออก

 

ส่วนระยะกลางและยาวจะไปทบทวนกฎหมายให้เป็นสากล ให้การกำกับและควบคุมดีขึ้น รวมถึงทบทวนสินค้าที่ไม่อนุญาตให้ทำ เพื่อให้โลกเห็นว่าเราไม่ได้ปิด และจะทำให้เป็นสากล เชื่อว่าในอนาคตกฎหมายจะทำให้สามารถตรวจสอบได้ง่ายขึ้น

 

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งได้ทำไปแล้วคือ สินค้าที่เข้ามาเมืองไทยแล้วส่งไปต่อหรือสินค้าที่เปลี่ยนแปลงในไทยนิดหน่อย ต้องติดตามว่าได้คุณภาพหรือไม่ และส่งออกไปแล้วพบว่ามีปัญหาประเทศปลายทางหรือไม่ รวมถึงสินค้าที่สหรัฐฯ จับตาว่าสวมสิทธิ์ส่งออก เดิมมี 49 ชนิด และเพิ่มมาอีก 16 ชนิด รวมเป็น 65 ชนิด เราจะมีการตรวจสินค้าเหล่านี้ทั้งที่โรงงาน กระบวนการผลิต โลโก้ ฉลาก รวมถึงใบรับรองที่ออกโดยกระทรวงพาณิชย์ หรือสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า เพื่อให้เกิดความมั่นใจ เป็นไปตามคุณสมบัติ ไม่มีปัญหาสินค้าแวะเข้ามาตีตราในประเทศไทย 

 

“ดีใจที่เราทิ้งช่วงเวลาไว้ เราแก้ไขไประดับหนึ่ง เท่าที่ผมรับทราบ คนที่ประสานกับเรา เขาพอใจระดับหนึ่ง ใช้ได้ เท่ากับทำให้คุมได้ระดับหนึ่ง ต้องเข้าใจว่าปริมาณ (สินค้า) ที่ไปจากไทยในประเภทนี้ของเดิมไม่ได้มาก แต่วันนี้ทำให้ดีขึ้นเพื่อความเรียบร้อย” พิชัยกล่าว

 

สั่งตรวจสอบต่างชาติถือวีซ่านานเกินควร

 

พิชัยกล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเป็นเรื่องระหว่างประเทศและเป็นปัญหาที่อยู่ใกล้ตัว จึงได้มอบหมายให้ทุกกระทรวง รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบวีซ่าคนที่อยู่นานเกินควร ยืนยันว่าสิ่งที่ทำเพื่อ ความสมเหตุสมผลไม่ใช่ไม่ต้อนรับชาวต่างชาติที่เข้ามา แต่เราต้องดูไปตามกฎเกณฑ์ และกฎหมายของไทยด้วยความนุ่มนวล เพราะวันนี้เราอยู่ในโลกที่เป็นมิตรกับทุกคน

 

ส่วนเรื่องการตรวจสอบคุณภาพสินค้าจะต้องดำเนินการให้เสร็จก่อนที่จะเดินทางไปเจรจากับสหรัฐฯ หรือไม่ พิชัยกล่าวว่า เราเริ่มทำแล้ว แต่ต้องตรวจสอบไปเรื่อยๆ ซึ่งสหรัฐฯ ก็พอใจในวิธีการ ทั้งนี้ หากไม่มีเรื่องของการขึ้นภาษีสหรัฐฯ ก็คิดจะทำอยู่แล้ว

 

ด้านปลัดกระทรวงพาณิชย์กล่าวเสริมว่า ทางกรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าได้หารือร่วมกับศุลกากรของสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ซึ่งมีกระบวนการตรวจสอบตั้งแต่โรงงาน ใบรับรองเข้มงวด การตรวจสอบต้นทุน ยืนยันว่าเป็นกระบวนการที่สหรัฐฯ พึงพอใจ 

 

เลื่อนเจรจาสหรัฐฯ เวลาเหมาะสมคือคำตอบ

 

ส่วนกรณีที่ ศิริกัญญา​ ตันสกุล​ สส.​ แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ขอความชัดเจน ว่าการเลื่อนนัดเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ เป็นการเลื่อนนัดหรือไม่ได้นัดตั้งแต่แรกนั้น พิชัย กล่าวว่า เราเลื่อนหรือเขาเลื่อนไม่ใช่ประเด็น เวลาที่เหมาะสมนั่นคือคำตอบ ถ้าเวลาไม่เหมาะสม เราก็อยากขอเลื่อน 

 

พร้อมชี้แจงว่า เราไม่ได้เป็นคู่ค้าขนาดใหญ่ 10 อันดับแรก ดังนั้นการเจรจาต้องเดินตามกรอบของคู่ค้ารายใหญ่ เพื่อนำมาปรับ ซึ่งตนดีใจว่าในจังหวะเวลา เราไม่ได้ไปยืนอยู่ข้างหน้า เพราะอาจจะไม่มีข้อยุติ ทั้งนี้ตลอดการเจรจามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีการพูดคุยเรื่อง ภาษีศุลกากร (Tariff) และมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers: NTB) ซึ่งตนพูดเสมอว่า เงื่อนไขการค้าที่เปลี่ยนไปนำมาซึ่ง เงื่อนไขทางเศรษฐกิจและการเงินที่เปลี่ยนไป ทุกคนได้รับผลกระทบ จึงต้องมีการพูดคุยเรื่องนี้และดีใจที่ได้คิดเรื่องนี้ไว้ 

 

“ใครจะเลื่อนหรือไม่เลื่อน จังหวะเวลา ถ้าวันนี้เราดูครบถ้วนไหม ถ้าเขาคิดว่าได้กรอบแล้ว อยากจะคุยกับเรา เขาคงส่งสัญญาณมา ถ้าเราเห็นว่ากรอบครบแล้ว เราก็จะบอก เออ เดี๋ยวจะไปนะ” พิชัยกล่าว

 

ทั้งนี้ ตนคิดว่าประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ กว่า 100 ประเทศ คงแบ่งเป็น 2 ประเภท อาจแบ่งแยกด้วยเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ตามสถานะของแต่ละประเทศ


จับตาท่าทีสหรัฐฯ-จีน ปมกำแพงภาษีกระทบ GDP

 

ส่วนการพูดคุยจะต้องรอท่าทีการหารือระหว่างสหรัฐฯ กับจีนหรือไม่ พิชัยกล่าวว่าเงื่อนไขนี้สำคัญตนก็เฝ้าจับตา และได้แต่หวังว่าจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น เพื่อให้คลื่นลูกนี้จะเล็กลงจะทำงานได้ง่ายขึ้น  

 

เมื่อถามถึงเงื่อนไขทางการเงินหากทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ​พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย​จะสามารถช่วยได้หรือไม่ พิชัยกล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่แตะ หากอ่านเงื่อนไขของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ระบุชัดเจนว่า ไม่อยากจะเห็นการแทรกแซงค่าเงิน ซึ่งอัตราดอกเบี้ยจะมีผลต่อค่าของเงิน เป็นเรื่องของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องไปคิดเองว่าจะทำอย่างไร 

 

ส่วน แนวคิดการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท พิชัยกล่าวว่า ขออย่าเพิ่งพูดถึงเพราะกว่าเหตุการณ์นี้กว่าจะจบด้วยดี เชื่อว่าทุกคนคงคิดไม่ออก เหมือนนาฬิกาเดินครึ่งหยุดเดิน การค้าหยุดชะงัก บางส่วนเร่งซื้อหรือบางส่วนไม่ซื้อ บางส่วนไม่ลงทุนเพื่อหยุดดู ซึ่งกระทบต่อ GDP และระดับของความรุนแรงขึ้นอยู่กับสิ่งที่จะออกมา เราจึงต้องประเมินในแต่ละระดับ 

 

เมื่อถามว่า เศรษฐกิจอย่างนี้จะไม่ส่งผลต่อการจ่ายเงินในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 3 หรือไม่ พิชัย​กล่าวว่า​ “ขอให้ใจเย็นๆ”

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising