มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ ดาโตะ เซอรี อูตามา ฮาจี โมฮามัด บิน ฮาจี ฮาซัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เดินทางเยือนกรุงเนปิดอว์ ประเทศเมียนมา เมื่อวานนี้ (5 เมษายน) เพื่อแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาเซียนและร่วมประเมินความต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ยอดเสียชีวิตล่าสุดเพิ่มเป็น 3,471 คน และบาดเจ็บอีก 4,671 คน
กระทรวงการต่างประเทศระบุว่า การเยือนของรัฐมนตรีต่างประเทศของสองประเทศจะมีการหารือแนวทางการจัดส่งความช่วยเหลือให้แก่ผู้ประสบภัย ตามมติที่ประชุมวาระพิเศษฉุกเฉินของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนต่อกรณีแผ่นดินไหวในเมียนมาและไทย เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา
ด้านหน่วยงานบรรเทาทุกข์จากองค์การระหว่างประเทศเตือนว่า ฝนที่ตกลงมาในหลายพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวในช่วงนี้ได้กลายเป็นอุปสรรคในการส่งความช่วยเหลือ นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดโรคระบาดด้วย ขณะที่เจ้าหน้าที่สหประชาชาติ (UN) ระบุว่าเวลานี้ต้องการเต็นท์เร่งด่วนเพื่อเป็นที่พักพิงแก่คนไร้บ้านจำนวนมาก
สำหรับคณะของไทยที่เดินทางเยือนเมียนมาครั้งนี้ประกอบด้วยผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข และกองบัญชาการกองทัพไทย โดยคณะของไทยและมาเลเซียได้เข้าพบพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย นายกรัฐมนตรีเมียนมา และพบหารือกับ ตาน ส่วย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมียนมา
ยังมีการหารือกับคณะของศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ (AHA Centre) และหน่วยงานของสหประชาชาติ เกี่ยวกับการระดมความช่วยเหลือแก่ประชาชนเมียนมา โดยสิ่งจำเป็นเร่งด่วนขณะนี้ คือ การสนับสนุนทางการแพทย์ ที่พักอาศัยชั่วคราว อุปกรณ์ทำน้ำดื่มสะอาดและเวชภัณฑ์ต่างๆ เพื่อป้องกันโรคระบาด โดยไทยและมาเลเซียเห็นพ้องกันว่า จะประสานงานใกล้ชิดกับเมียนมาในการบริหารจัดการความช่วยเหลือในระยะฟื้นฟู โดยมี AHA Centre ของอาเซียนเป็นแกนกลางประสานงาน
นอกจากนี้ รัฐมนตรีมาริษยังได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของกองทัพไทยที่โรงเรียน Basic Education High School Mingon ซึ่งมีประชาชนท้องถิ่นมาขอรับบริการจำนวนมาก พร้อมทั้งส่งมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์จากสภากาชาดและภาคเอกชนไทยแก่สภากาชาดเมียนมาเพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนด้วย
ภาพ: กระทรวงการต่างประเทศ
อ้างอิง:
