จำนวนทารกที่เกิดในญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้วดิ่งลงสู่ระดับ ‘ต่ำที่สุด’ นับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกสถิติเมื่อ 125 ปีที่แล้ว ตอกย้ำวิกฤตการณ์ประชากรที่รุนแรงขึ้นทุกขณะ และสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของความพยายามของรัฐบาลในการพลิกฟื้นสถานการณ์
ข้อมูลเบื้องต้นจากรัฐบาลญี่ปุ่นที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ระบุว่า ในปี 2024 ญี่ปุ่นมีทารกเกิดใหม่เพียง 720,988 คน ตัวเลขนี้ลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 และดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการจูงใจทางการเงินและมาตรการอื่นๆ ที่รัฐบาลมอบให้แก่คู่สมรสเพื่อมีบุตรมากขึ้น
ตัวเลขในปี 2024 ลดลง 5% จากปีก่อนหน้า และเป็นจำนวนที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกสถิติในช่วงยุคเมจิของญี่ปุ่นในปี 1899 เมื่อรวมกับจำนวนผู้เสียชีวิตที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1.6 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว หมายความว่าประชากรญี่ปุ่น ‘ลดลง’ เกือบ 900,000 คน
เมื่อหักลบด้วยตัวเลขผู้อพยพเข้าประเทศ ในปี 2023 ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในขณะนั้น เตือนว่าประเทศกำลังยืนอยู่บน ‘ปากเหว’ ของ “การที่เราจะยังสามารถดำรงอยู่ได้ในฐานะสังคมหรือไม่” เนื่องจากจำนวนประชากรที่ลดลงและสูงวัยขึ้น
โครงสร้างประชากรของญี่ปุ่นกำลัง ‘บิดเบี้ยว’ มากขึ้นเรื่อยๆ โดยจำนวนคนหนุ่มสาวลดลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและความมั่นคงทางสังคมของประเทศที่มีหนี้สาธารณะมหาศาล
ปัจจุบัน ประมาณ 30% ของประชากรมีอายุมากกว่า 65 ปี หน่วยงานภาครัฐได้นำมาตรการที่ ‘รุนแรง’ มากขึ้นมาใช้เพื่อพลิกฟื้นสถานการณ์ รวมถึงโครงการทดลองของมหานครโตเกียวที่อนุญาตให้พนักงานทำงานเพียงสัปดาห์ละ 4 วัน
อัตราการเกิดที่ลดลงของญี่ปุ่น ‘สวนทาง’ กับเกาหลีใต้ ซึ่งรายงานอัตราการเจริญพันธุ์ที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีโดยได้รับแรงหนุนจากการแต่งงานที่เพิ่มขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านประชากรบางคนเคยหวังว่าจะเกิดภาวะ ‘เบบี้บูม’ ในญี่ปุ่นหลังจากการระบาดใหญ่ แต่จำนวนการเกิดกลับลดลงอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
การศึกษาในปี 2011 โดยสถาบันวิจัยประชากรฯ คาดการณ์ว่าญี่ปุ่นจะมีจำนวนเด็กเกิดใหม่ลดลงเหลือ 720,000 คนในปี 2039 แต่ความเป็นจริงคือตัวเลขนี้เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดมาก แสดงให้เห็นว่าวิกฤตประชากรของญี่ปุ่นรุนแรงและเร่งตัวเร็วกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญประเมินไว้
ภาพ: paulaphoto / Shutterstock
อ้างอิง: