วันนี้ (10 มีนาคม) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งที่ 1/2568 ทำเนียบรัฐบาล เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หรือ เงินหมื่น เฟส 3 เน้นกลุ่มผู้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ กลุ่มอายุ 16-20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน วงเงิน 2.7 หมื่นล้านบาท ช่วงปลายมิถุนายน-ต้นกรกฎาคม เนื่องจากเป็นคนรุ่นใหม่ ใช้เงินผ่านดิจิทัลได้คล่อง
ด้าน พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ถือเป็นครั้งแรกของการจ่ายเงินดิจิทัลกลุ่มคนรุ่นใหม่ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีมาก มีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขใหม่แทบทั้งหมด เน้นใช้จ่ายกับร้านค้าเข้าร่วมโครงการ ซื้อของได้ทุกอย่างในร้าน และขึ้นเงินสดได้ ไม่เน้นเฉพาะร้านค้าเสียภาษี
เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า กลุ่มที่เหลืออายุ 20-59 ปี ได้เงินอย่างแน่นอน เพราะรัฐบาลสำรองเงินเอาไว้กระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเหมาะสมวงเงิน 1.5 แสนล้านคน จึงไม่มีปัญหาเรื่องกระแสเงินสดขาดมือ
“รัฐบาลได้กันเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจไว้ 150,000 ล้านบาท เรามีกระสุนไว้เพียงพอมีไว้เยอะรัฐบาลใช้เงินทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่า พร้อมยืนยันว่าการเลือกแจกกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่ตื่นรู้ทางเทคโนโลยีสูง มีความสามารถในการใช้จ่ายในแบบนี้ ด้วยจำนวนเงินช่วงเวลาที่เหมาะสม รัฐบาลจึงเลือกคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มแรก” เผ่าภูมิกล่าว
ส่วนกลุ่มไม่มีมือถือ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่าจะลงทะเบียนผ่าน 4 ธนาคารของรัฐ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารทหารไทย และธนาคารอิสลาม ร่วมกับไปรษณีย์ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่วนกรอบเวลาให้ลงทะเบียนจะแจ้งอีกครั้ง ตอนนี้แอปพลิเคชัน ในการลงทะเบียนมีความพร้อมหมดแล้ว ยืนยันมีระบบคัดกรอง และตรวจสอบการไม่มีมือถือ เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับกลุ่มที่เคยได้รับเงินทั้งกลุ่มเปราะบางและผู้สูงอายุ
จุลพันธ์ย้ำด้วยว่า การใช้จ่ายยังเป็นพื้นที่ภายในอำเภออยู่ สามารถจ่ายค่าเทอมได้ จ่ายค่าน้ำค่าไฟได้ ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ เรื่องของสินค้าไม่กำหนดห้าม แต่จะไปกำกับดูแลการลงทะเบียนของร้านค้าว่าร้านแบบใดที่จะไม่ให้เข้าร่วม เช่น ร้านทอง ร้านขายเหล้า
ขณะเดียวกัน ร้านค้าทุกประเภทสามารถขึ้นเงินได้โดยไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในการเสียภาษี ทั้งนี้ คาดหวังผลการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจ 2 รอบที่ผ่านมา มีการหมุนเวียนและกระจายตัวที่ดี เราต้องขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ สุดท้ายเงินหมื่นต้องถึงมือประชาชนทุกคน