ทำเนียบขาวสหรัฐอเมริกาเผยว่า สหรัฐฯ ระงับความช่วยเหลือทางการทหารแก่ยูเครน หลังเกิดปมร้าวระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศขณะพบกันครั้งล่าสุดที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายฝ่ายแสดงความกังวลว่า การสั่งระงับความช่วยทางด้านการทหารครั้งนี้ อาจสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ต่อสถานการณ์การสู้รบโดยรวมในสงครามรัสเซีย-ยูเครน
สหรัฐฯ ถือเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดของยูเครน นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเมื่อ 3 ปีก่อน โดยความช่วยเหลือส่วนใหญ่ครอบคลุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการสนับสนุนทางการเงิน ขณะที่บรรดาผู้นำยุโรปหลายประเทศระบุว่า พวกเขาอาจไม่สามารถประกันสันติภาพยูเครนได้ หากไม่มีความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ
การระงับความช่วยเหลือเกิดขึ้น หลังจากที่ทรัมป์วิจารณ์เซเลนสกีว่านำพาประเทศมาถึงจุดที่ไม่มีไพ่สำคัญในมือ และตัวเขาเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก พร้อมระบุว่า ผู้นำยูเครนควรจะรู้สึกขอบใจสหรัฐฯ ให้มากกว่านี้ เนื่องจากสถานการณ์ของสงครามจะดีขึ้นได้ ก็เป็นเพราะสหรัฐฯ และตำหนิว่า เซเลนสกีจะทำให้ทหารและประชาชนต้องบาดเจ็บล้มตายมากขึ้นอีก ถ้าเซเลนสกียังเป็นแบบนี้จะยิ่งทำให้สันติภาพในสงครามรัสเซีย-ยูเครนยังคงอยู่ห่างไกล ก่อนที่จะแนะให้เซเลนสกีกลับมาใหม่ เมื่อเขาพร้อมที่จะยุติสงครามจริงๆ
นักวิชาการจำนวนมากต่างมองว่า การกระทำดังกล่าวของทรัมป์เป็นการลดความชอบธรรมในตัวเซเลนสกี และทำให้เขาหมดอำนาจในการต่อรองกับสหรัฐฯ ก่อนที่บรรดาผู้นำชาติยุโรปจะออกมาร่วมแสดงจุดยืนสนับสนุนยูเครน พร้อมเสนอแผนสันติภาพยูเครน เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางออกให้กับสงครามครั้งนี้
ทางด้านมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาเคลื่อนไหวหลังสหรัฐฯ ระงับความช่วยเหลือดังกล่าวแก่ยูเครน โดยยืนยันว่า ประธานาธิบดีทรัมป์เป็นผู้นำเพียงคนเดียวในโลกในขณะนี้ที่มีโอกาสยุติสงครามในยูเครนได้อย่างถาวร สหรัฐฯ ต้องการให้รัสเซียมานั่งโต๊ะเจรจา และต้องการสำรวจว่า สันติภาพเป็นไปได้หรือไม่
ภาพ: Brian Snyder / File Photo / Reuters
อ้างอิง: