วันนี้ (25 กุมภาพันธ์) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) จะประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เพื่อพิจารณาว่าจะรับคดีเกี่ยวกับการฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษหรือไม่ ในวันนี้ (25 กุมภาพันธ์) โดยมีตนเองเป็นประธานกรรมการ
ภูมิธรรมเปิดเผยว่า ไม่มีความหนักใจ เราทำตามหน้าที่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเรื่องมาให้ DSI และเมื่อมีการส่งเรื่องมา DSI มีหน้าที่พิสูจน์ทราบว่ามีแนวโน้มจะเป็นอย่างไร หลังจากที่รวบรวมมาแล้วก็รายงานมายังตนเองว่า มีข้อมูลที่น่าจะพิสูจน์ทราบได้ว่า น่าจะเป็นปัญหา
“ผมมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับนิติบัญญัติแห่งชาติ ถ้าเป็นเรื่องจริงขึ้นมาจะเสียหายต่อสถาบันหลักของชาติ ผมจึงคิดว่าอย่าใช้อารมณ์ หรือมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องนี้ต้องมีข้อเท็จจริงมารองรับอย่างชัดเจน และหากกฎหมายอนุญาตให้ DSI ทำ จึงจะสามารถทำได้” ภูมิธรรมระบุ
ภูมิธรรมยอมรับว่า เมื่อส่งเรื่องมาตนเองตกใจ เพราะมีการพูดถึงข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร จึงได้ตั้งคำถามไปว่าใช้ข้อกล่าวหานี้ไม่รุนแรงไปหรือไม่ ซึ่ง DSI ชี้แจงว่าเป็นคำพูดทางกฎหมายที่มีมานานแล้ว จึงต้องดำเนินการตามนั้น วันนี้ต้องนำข้อเท็จจริงทั้งหมดมาให้คณะกรรมการคดีพิเศษดู และพิจารณาตามข้อกฎหมายว่าเป็นอำนาจของ DSI หรือไม่ ถ้าชัดเจนแล้ว DSI ก็จะดำเนินการตามหน้าที่
สำหรับที่ประชุมวันนี้ต้องโหวตให้ได้ 2 ใน 3 ของจำนวนคณะกรรมการ หรือ 15 เสียงจากทั้งหมด 22 เสียง ใครไม่มา หรือหลบ หรือติดภารกิจก็ไม่นับ แต่ต้องได้ 15 เสียง
ภูมิธรรมยังระบุว่า ไม่หวั่นไหวอะไรกับที่ สว. เตรียมฟ้องร้องกลับ เราทำตามหน้าที่ หากฟ้องก็ต้องไป กกต. เพราะ กกต. เป็นผู้ยื่นเรื่องมายัง DSI ซึ่งในข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงอยู่ที่มุมมอง เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่กรรมการทั้ง 22 คนต้องใช้ดุลยพินิจ ทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ไม่เอาความชอบความเกลียด ประเด็นทางการเมือง เข้ามาประกอบการตัดสินใจครั้งนี้
ภูมิธรรมยืนยันด้วยว่า ต้นตอของการตรวจสอบเรื่องนี้มาจาก กกต. ยื่นเรื่องเข้ามา ส่วนจะรับเรื่องมาจาก สว. รายชื่อสำรองหรือไม่นั้น ต้องไปถาม กกต. ซึ่งเรื่องนี้หาก DSI รับเป็นคดีพิเศษ และจบกระบวนการแล้ว จะต้องส่งเรื่องไปที่ศาล เป็นไปตามกระบวนการ และอัยการสูงสุดก็อยู่ในคณะกรรมการชุดนี้อยู่แล้ว ส่วนจะเป็นศาลใด ก็แล้วแต่ประเด็นและข้อกฎหมาย
“ผมได้กำชับว่าให้ดำเนินการตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ชัดเจน ให้ทำตามหน้าที่โดยไม่ต้องคิดว่าเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ใครทำผิดจริงก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องมานั่งปวดหัว เราพิจารณาเรื่องนี้เราไม่ได้พิจารณาว่า สว. เป็นคนของพรรคภูมิใจไทย ผมยังไม่ทราบว่าใช่หรือไม่ใช่ ต้องให้พรรคภูมิใจไทยพูดหรือแสดงท่าทีออกมาว่าเป็นคนของพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่าไม่มีการเมือง เราไม่ได้พิจารณาว่าเป็นการเมืองฝ่ายไหน” ภูมิธรรมระบุ
ส่วนจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน ภูมิธรรมระบุว่า ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ภูมิธรรมกล่าวด้วยว่า เรื่องนี้จะไม่กระทบกับการทำงานของรัฐบาล เพราะรัฐบาลทำงานอยู่บนพื้นฐานของความบริสุทธิ์และยุติธรรม และทำทุกอย่างตามกระบวนการของกฎหมาย ไม่ว่าพรรคไหน คนของพรรคใดกระทำความผิดก็ต้องรับผิดชอบ
“ต้องคิดว่าทุกคนมีสามัญสำนึกและจิตสำนึกที่ดีที่ถูกต้อง ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้วกระทบทางการเมือง ก็แสดงว่าการเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของ สว. ถ้าคิดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ถ้ารู้สึกว่าจะโดนพรรคนั้นพรรคนี้ก็แสดงว่าพรรคนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องหรืออาจมีดุลยพินิจแบบนั้นก็ได้ ขออย่าคิดไปไกลแบบนั้น เอาตามข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร และการตัดสินใจทางกฎหมายถูกต้องหรือไม่” ภูมิธรรมกล่าว
