โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศว่า กระบวนการเจรจาเพื่อยุติสงครามยูเครนจะเริ่มต้นทันที หลังจากที่เขาสนทนาทางโทรศัพท์กับ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เช้าวานนี้ (12 กุมภาพันธ์) โดยทรัมป์อธิบายว่า “เป็นการพูดคุยที่ยาวนานและเกิดประโยชน์สูงสุด”
การสนทนานี้นับเป็นครั้งแรกที่ทรัมป์ได้พูดคุยกับปูตินโดยตรงนับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้ว และสะท้อนให้เห็นถึงความเร่งด่วนที่ทำเนียบขาวต้องการยุติความขัดแย้งที่ดำเนินมานานเกือบ 4 ปี
ภายหลังการพูดคุย ทำเนียบขาวและเครมลินต่างรายงานถึงท่าทีเชิงบวกของทั้งสองฝ่าย โดยทรัมป์โพสต์บน Truth Social ระบุว่า “เราพูดคุยเกี่ยวกับยูเครน, ตะวันออกกลาง, พลังงาน, ปัญญาประดิษฐ์, อำนาจของเงินดอลลาร์สหรัฐ และเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย เราตกลงที่จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด รวมถึงการเยือนประเทศของกันและกัน เราได้ตกลงให้ทีมงานของเราดำเนินการเจรจาทันที และผมจะเริ่มต้นด้วยการโทรหา โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เพื่อแจ้งให้เขาทราบเกี่ยวกับการสนทนานี้ ซึ่งผมกำลังจะทำในตอนนี้”
ด้านทำเนียบเครมลินระบุว่า การสนทนาใช้เวลานานเกือบ 90 นาที และบรรยากาศเป็นไปในเชิงสร้างสรรค์ ขณะที่ทรัมป์เปิดเผยว่า ปูตินได้กล่าวคำว่า ‘Common Sense’ ซึ่งเป็นสโลแกนในแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ เพื่อแสดงท่าทีที่ต้องการให้เกิดข้อตกลงที่สมเหตุสมผล
เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า การแลกเปลี่ยนนักโทษเมื่อวันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อาจเป็นสัญญาณของการเจรจาที่จริงจังยิ่งขึ้นในการหาทางยุติสงคราม ซึ่งในเวลานี้กำลังเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว
ขณะที่ทรัมป์ส่งสัญญาณมาหลายสัปดาห์แล้วว่าเขาต้องการพูดคุยกับปูติน เพื่อผลักดันแนวทางยุติสงครามยูเครน การติดต่อกันโดยตรงในครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญของนโยบายต่างประเทศภายใต้รัฐบาลทรัมป์ 2.0
ด้านพีต เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวระหว่างการประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ว่า การให้ยูเครนเข้าร่วม NATO นั้นไม่มีความเป็นไปได้ พร้อมย้ำว่า สหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลทรัมป์จะไม่ให้ความสำคัญกับความมั่นคงของยุโรปและยูเครนอีกต่อไป เนื่องจากกำลังเบนเข็มไปสู่การรักษาความปลอดภัยชายแดนของตนเองและการป้องปรามสงครามกับจีน
ในเวลาเดียวกันทรัมป์เปิดเผยว่า เขาได้หารือกับเซเลนสกี พร้อมเสนอข้อตกลงให้สหรัฐฯ ได้รับสิทธิ์เข้าถึงแร่ธาตุหายากของยูเครน เป็นการตอบแทนความช่วยเหลือทางทหารและการเงินจากวอชิงตัน
แหล่งข่าวระบุว่า ทรัมป์โทรศัพท์ถึงเซเลนสกีในช่วงกลางวัน เพียงไม่นานหลังจากที่เขาเสร็จสิ้นการสนทนากับปูติน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากยุคของ โจ ไบเดน ที่ไม่ได้พูดคุยกับปูตินมานานเกือบ 3 ปี เนื่องจากมองว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเจรจากับผู้นำที่ไบเดนมองว่าเป็น ‘อาชญากรสงคราม’
ก่อนหน้านี้ผู้นำสหรัฐฯ คนสุดท้ายที่เดินทางเยือนรัสเซียคือ บารัก โอบามา ในปี 2013 เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอด G20 ขณะที่ปูตินเองก็ไม่ได้เยือนสหรัฐฯ นับตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งเขาเข้าร่วมประชุมองค์การสหประชาชาติ (UN) ในนิวยอร์ก
ด้านสตีฟ วิตคอฟฟ์ นักธุรกิจและที่ปรึกษาอาวุโสของทรัมป์ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมเจรจาด้านความขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย กล่าวว่า การปล่อยตัว มาร์ก โฟเกล ชาวอเมริกันที่ถูกควบคุมตัวในรัสเซีย เป็นสัญญาณของแนวโน้มความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์และปูตินในอนาคต อีกทั้งผู้นำทั้งสองเคยมีมิตรภาพที่ดี ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับโลก
ทั้งนี้ สำนักข่าว CNN อ้างแหล่งข่าว 2 คนที่ระบุว่า วิตคอฟฟ์ได้พบปะปูตินเป็นการส่วนตัวที่มอสโกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ก่อนเดินทางกลับสหรัฐฯ
ภาพ: Kevin Lamarque / File Photo / Reuters
อ้างอิง:
