ทรัมป์กอดโมดี ‘อินเดียคือเพื่อนแท้’ สหรัฐฯ และอินเดียร่วมมือด้านการค้า ก่อการร้าย และพลังงาน

วันที่ 26 มิถุนายน 2017 นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีเดินทางเข้าพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกาที่ทำเนียบขาวตามคำเชิญ แม้สหรัฐฯ และอินเดียจะมีจุดยืนต่อเรื่องนโยบายต่างประเทศอย่างเรื่องโลกร้อนและผู้อพยพที่ต่างกัน ภาพการสวมกอดและการเจรจาของทั้งสองคนกลับสะท้อนว่า ทั้งสองผู้นำมองเห็นความร่วมมือของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการปราบการก่อการร้าย การค้า และพลังงาน ซึ่งอินเดียมองว่านโยบาย Make in India นั้นสอดคล้องกับสโลแกน Make America Great Again ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

และนี่เป็นครั้งแรกที่โดนัลด์ ทรัมป์พูดถึงผู้นำประเทศอื่นว่าเป็น ‘เพื่อนแท้’ หลังจากเขาพบผู้นำประเทศมหาอำนาจมาแล้วหลายคนทั้งนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ของอังกฤษ นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนี หรือนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของแคนาดา

การประกาศว่าอินเดียคือเพื่อนแท้ ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามต่อจุดยืนของสหรัฐฯ ในความขัดแย้งบริเวณชายแดนระหว่างอินเดียและปากีสถานเช่นกัน

ทรัมป์ประกาศโมดีคือ ‘เพื่อนแท้’ และเคมีที่เข้ากันได้ของระหว่างสองผู้นำ

นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดียเดินทางเข้าพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ภาพที่ปรากฏบนสื่อต่างชาติทุกสำนักคือ ภาพการโอบกอดของทั้งสองคนถึง 2 ครั้ง รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอินเดียกล่าวว่า “มันมีเคมีบางอย่างระหว่างผู้นำทั้งสองคนนี้”

ก่อนที่นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีจะเดินทางไปพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อินเดียตั้งความหวังว่าการไปเยือนสหรัฐฯ ครั้งนี้เพียงไม่กี่ชั่วโมงนั้นจะต้องสร้างความเปลี่ยนแปลง และเชื่อว่าหากทั้งสองคนเข้ากันได้ดี การเจรจาต่างๆ จะง่ายไปเอง

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีคือ ‘เพื่อนแท้’ และเป็นผู้นำอินเดียที่นำความสำเร็จทางเศรษฐกิจมาสู่ประเทศ

อย่างไรก็ตามอินเดียกับสหรัฐฯ มีจุดยืนต่อเรื่องต่างประเทศในเรื่องสำคัญๆ ต่างกัน ทั้งนโยบายเกี่ยวกับผู้อพยพ หรือการลงนามสนธิสัญญาปารีส แต่การพบปะของทั้งสองคนนี้กลับเลือกที่จะเน้นย้ำนโยบายที่เห็นตรงกันมากกว่าจะพูดเรื่องที่ทั้งสองประเทศเห็นต่างกัน

Photo: NICHOLAS KAMM/AFP

ความร่วมมือด้านทหารของอินเดียและสหรัฐฯ

นโยบายสำคัญที่ทั้งสองได้เจรจากันคือ ความร่วมมือทางทหารระหว่างอินเดียกับสหรัฐฯ โดยสหรัฐฯ มองอินเดียว่าเป็นมิตรด้านทหารที่สำคัญ และเป็นอีกครั้งที่เขาประกาศว่าจะ ‘ทำลายกลุ่มก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรง’ ร่วมกับอินเดีย หลังจากเขาประกาศความร่วมมือนี้ไปกับซาอุดีอาระเบียและอิสราเอลในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ด้านนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีเน้นย้ำว่า ที่ผ่านมาอินเดียได้สนับสนุนสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานมาโดยตลอด

โดยทั้งสองประเทศตกลงกันที่จะเรียกร้องให้ปากีสถานไม่ปล่อยให้เขตแดนของปากีสถานกลายเป็นพื้นที่สำหรับการก่อการร้าย และนำกลุ่ม 26/11 Pathankot และกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ มาดำเนินคดี

การวางตัวของทรัมป์ในคู่ขัดแย้งต่างๆ

การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศตัวว่าอินเดียคือ ‘เพื่อนแท้’ ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามต่อจุดยืนของสหรัฐฯ ต่อปากีสถาน เนื่องจากอินเดียกับปากีสถานนั้นมีความขัดแย้งกันอยู่

เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเปิดเผยว่า พวกเขาได้เตรียมตัวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เกี่ยวกับการวางตัวเป็นกลางระหว่างอินเดียกับปากีสถานแล้ว และยืนยันว่าเขารับรู้ตระหนักต่อความขัดแย้งระหว่างสองประเทศนี้

อย่างไรก็ตามณ ตอนนี้ สหรัฐฯ มองเห็นความสำคัญของประเทศอย่างอินเดียที่มีประชากรกว่า 1,300 ล้านคน โดยเฉพาะความร่วมมือด้านอาวุธ ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีในการซื้อเครื่องยุทโธปกรณ์กับสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามสหรัฐฯ ยืนยันว่าจะยังดำเนินความสัมพันธ์กับปากีสถานต่อไป

ในช่วงเดียวกันสหรัฐฯ กำลังเผชิญภาวะที่จะต้องวางตัวเป็นกลางในภูมิภาคอื่นเช่นกัน อย่างในกลุ่มประเทศอาหรับ ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศยืนเขียงข้างซาอุดีอาระเบีย และสนับสนุนการคว่ำบาตรกาตาร์ของซาอุดีอาระเบีย เพราะมองว่ากาตาร์สนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งสวนทางกับกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่พยายามจะวางตัวเป็นกลาง โดยเฉพาะหลังจากที่ซาอุดีอาระเบียยื่นข้อเสนอ 13 ข้อให้กาตาร์ปฏิบัติตามเพื่อแลกกับการยกเลิกการคว่ำบาตร ซึ่งสหรัฐฯ เองก็ยังมองเช่นกันว่า ข้อเสนอเหล่านี้เป็นไปได้ยาก

Make in India และ Make America Great Again ของอินเดียและสหรัฐฯ

ขณะนี้อินเดียกำลังออกแคมเปญรณรงค์การผลิตสินค้าในอินเดียภายใต้นโยบาย ‘Make in India’ โดยนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีกล่าวระหว่างการเยือนสหรัฐฯ ครั้งนี้ว่า สโลแกน ‘Make America Great Again’ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์สอดคล้องกับทิศทางของอินเดีย และความสำเร็จด้านเศรษฐกิจของอินเดีย และความเป็นมหาอำนาจของสหรัฐฯ จะส่งเสริมซึ่งกันและกัน

ทั้งสองผู้นำยังเป็นผู้นำที่มีคนติดตามบนทวิตเตอร์จำนวนมาก โดยนายกรัฐมนตรีนเรนทราโมดีมีผู้ติดตาม 30 ล้านคน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีผู้ติดตาม 31 ล้านคน โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่า “ฉันภูมิใจที่จะประกาศว่าเราทั้งสองคนเป็นผู้นำโลกในสื่อออนไลน์”

อ้างอิง: