ถึงนาทีนี้ใครหลายคนน่าจะเคยผ่านหูผ่านตาชื่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในรูปแบบ Mixed-Use (มิกซ์ยูส) อย่าง The Forestias by MQDC กันมาบ้างไม่มากก็น้อย
ว่ากันอย่างรวบรัด โครงการนี้คือโปรเจกต์แฟลกชิปของ MQDC หรือบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ระดับโลกมากมายเพื่อร่วมกันออกแบบและพัฒนาหนทางสู่การเป็นต้นแบบของที่อยู่อาศัยบนพื้นฐานของการสร้าง ‘ความสุขที่ยั่งยืน’ ให้แก่ผู้คน
และนี่คือ 4 เหตุผล ที่จะทำให้ The Forestias by MQDC ก้าวสู่จุดนั้นได้อย่างไม่มีข้อสงสัย
เส้นทางต้นแบบ Smart City เมืองที่ทุกสิ่งอำนวยความสะดวกเชื่อมต่อกันอย่างง่ายดาย
หนึ่งในองค์ประกอบที่โดดเด่นของเมกะโปรเจกต์ย่านบางนาแห่งนี้คือ การวางผังเส้นทางการขับขี่รอบโครงการที่แสนจะเป็นมิตรกับรถยนต์ไร้คนขับ อนาคตของยานยนต์ที่ขยับใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกวัน ด้วยความล้ำหน้าด้านความปลอดภัย ใช้พลังงานสะอาด ไปจนถึงปราศจากมลภาวะทางเสียงที่จะรบกวนผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง
โดยเส้นทางดังกล่าวจะพาทุกคนเข้าถึงทุกพื้นที่เพื่อการใช้ชีวิตภายในโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบ Mixed-use Lifestyle โมเดลแรกของโลกที่ครบบริบูรณ์ทั้งที่อยู่อาศัย พื้นที่รีเทล อาคารและสำนักงาน ศูนย์สุขภาพ อาคารนวัตกรรมแห่งอนาคต ผืนป่าสันทนาการ พื้นที่สำหรับชุมชน ศูนย์เรียนรู้ และนับเป็นครั้งแรกของการสร้างระบบนิเวศของผืนป่าที่สมบูรณ์ขนาดใหญ่ด้วย
CUP เทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยอย่างรื่นรมย์
เพราะมองว่าการได้อยู่อาศัยท่ามกลางอุณหภูมิที่เหมาะสม คือส่วนหนึ่งในการสร้างความสุขให้ผู้คนได้ The Forestias by MQDC จึงเลือกใช้เทคโนโลยีอย่าง Central Utility Plant หรือ CUP มาใช้ในโครงการเป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยระบบนี้จะกักเก็บพลังงานความร้อนรวมไว้ในจุดเดียว จากนั้นจะส่งน้ำเย็นเข้าสู่ระบบพ่นไอเย็นของอาคารโดยตรง ส่งผลให้อุณหภูมิในบริเวณดังกล่าวลดลง 2-3 องศาเซลเซียส ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่อากาศถึง 30,000 ตันต่อปี เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 750,000 ต้น หรือปลูกป่าถึง 30,000 ไร่!
ในส่วนของระบบการจัดการน้ำก็มีประสิทธิภาพไม่แพ้กัน ด้วยการผ่านน้ำจาก Treatment System ส่งต่อไปยัง Polishing Pond เพื่อให้เกิดการตกตะกอน และปรับสภาพน้ำ ก่อนระบายลง Forest Lagoon เพื่อนำกลับมาใช้รดน้ำผืนป่าในโครงการอีกครั้ง
ไม่เพียงเท่านั้น โครงการนี้ยังใช้ระบบ Underground Tunnel นำโครงข่ายการจ่ายน้ำ จ่ายไฟ และเครื่องปรับอากาศต่างๆ ลงไปไว้ใต้ดิน เพื่อรักษาบรรยากาศในโครงการให้ผู้อาศัยได้ดื่มด่ำความรู้สึกของการอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง
พื้นที่ที่ถูกออกแบบสำหรับเจเนอเรชันที่แตกต่าง แต่ทุกคนยังมีกิจกรรมร่วมกันได้
ภายในพื้นที่หลายสิบไร่ของ The Forestias by MQDC ได้แบ่งเป็นโซนพักอาศัยสำหรับคนหลากหลายช่วงอายุให้เลือกอยู่ตามไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบ ครอบคลุมทุกเจเนอเรชันในครอบครัว ตั้งแต่ Whizdom คอนโดมิเนียมสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน, Mulberry Grove หมู่บ้านและคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีแบบ Low Rise, Branded Residence บ้านที่มาพร้อมการบริการระดับโรงแรมหกดาว และ The Aspen Tree คอมมูนิตี้เพื่อการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลจากผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ มั่นใจได้ว่าทุกครั้งที่เราก้าวออกจากบ้านไป พ่อแม่และปู่ย่าจะได้รับการเอาใจใส่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ส่วนกลางสำหรับสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้คนใหม่ๆ และเปิดโอกาสให้คนในครอบครัวได้ทำกิจกรรมร่วมกันอย่างมีความสุขด้วย
เพราะธรรมชาติของมนุษย์ คือการอยู่ท่ามกลางพื้นที่สีเขียว
จะดีแค่ไหนถ้าเราได้ตื่นมาท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ ได้สัมผัสความเขียวขจีของต้นไม้ใหญ่ในทุกๆ วัน โดยไม่ต้องออกเดินทางไกล
The Forestias by MQDC เข้าใจถึงพลังบวกที่พื้นที่สีเขียวส่งผลต่อมนุษย์ จึงเป็นที่มาของการแบ่งพื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งของโครงการไว้สำหรับการสร้างผืนป่าขนาดใหญ่ 30 ไร่ รวบรวมพันธุ์ไม้ท้องถิ่นและพันธุ์ไม้ที่เหมาะสมกว่า 38 สายพันธุ์ โดยใช้ทฤษฎีการปลูกป่าเชิงนิเวศแบบยั่งยืน หรือ Eco-Forest ทำให้ผืนป่าในโครงการอุดมไปด้วยระบบนิเวศที่มีทั้งพืช นก และสัตว์นานาชนิด ให้ธรรมชาติได้อยู่รายล้อมผู้อาศัยทั้งในยามเช้าและค่ำคืน
นอกจากนี้ ทาง MQDC ยังเล็งเห็นว่า ในแถบที่อยู่อาศัยย่านบางนานั้นยังไม่ค่อยมีพื้นที่สีเขียวหรือสวนสาธารณะที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ จึงบุกเบิกการสร้างพื้นที่สีเขียวสำหรับชุมชน จัดโซนสำหรับ Forest Pavillion ศูนย์การเรียนรู้ที่จะเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูล ปัญหา และแนวทางแก้ไขด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมเปิดโอกาสให้คนทั่วไปได้เข้ามาสัมผัสและเรียนรู้จากป่าของโครงการได้แบบไม่หวงของอีกด้วย
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ The Forestias by MQDC ได้ที่ www.theforestias.com
- ล่าสุด The Forestias by MQDC ได้ผุดแคมเปญ #ForestRescue ช่วยชีวิตต้นไม้ในเมืองจากการถูกทำลาย ซึ่งทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ เพียงถ่ายรูปต้นไม้ที่ต้องการความช่วยเหลือพร้อมข้อมูลเบื้องต้น ใส่แฮชแท็ก #ForestRescue แล้วโพสต์ลงเฟซบุ๊ก ทีมผู้เชี่ยวชาญจะเร่งรีบไปขนย้ายพวกเขาสู่พื้นที่ปลอดภัย และจะไม่มีใครมาตัดเขาได้อีก
- ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/theforestias