วันนี้ (22 มกราคม) เงินบาทแข็งค่าแตะ 33.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นการแข็งค่ามากสุดในรอบกว่า 1 เดือน ทำให้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าราว 1.23% (YTD) แล้วเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า หลังพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เงินบาทก็แข็งค่าอย่าง ‘รวดเร็ว’ โดยมองว่าน้ำหนักส่วนใหญ่มาจากตลาดคลายกังวลเกี่ยวกับการขึ้นภาษีนำเข้าทุกประเทศ (Universal Tariff) เนื่องจากท่าทีของทรัมป์ดูเหมือนจะจัดลำดับความสำคัญไปยังปัญหาทางสังคมและประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพลังงานเป็นหลัก
“รอบนี้ดูเหมือนว่าทรัมป์พยายามใช้มาตรการภาษีนำเข้า (Tariff) เพื่อมาแก้ไขปัญหาอื่นๆ มากกว่า ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่กล่าวว่ากำลังพิจารณาขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา ก็เพื่อต้องการจัดการกับปัญหาคนเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย” รุ่งกล่าว
นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินบาทยังมีส่วนมาจากการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์อื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน เช่น การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ และราคาทองคำในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นด้วย
เตือน ‘ความไม่แน่นอน’ ยังสูง
อย่างไรก็ตาม รุ่งเตือนว่าความไม่แน่นอนยังคงอยู่ในระดับสูงมาก เนื่องจากทรัมป์อาจประกาศมาตรการอื่นๆ ออกมาได้ตลอด และด้วยความไม่แน่นอนนี้อาจยังทำให้ราคาสินทรัพย์ต่างๆ รวมถึงเงินบาท อาจผันผวนสูงอยู่
นอกจากนี้ รุ่งยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่ตลาดจับตามองต่อไปคือแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เนื่องจากหากย้อนกลับไปเมื่อช่วงต้นปีที่บาทอ่อนและดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ก็เป็นผลมาจากตลาดมองว่า Fed อาจลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ตาม กรุงศรีฯ มองว่า Fed อาจลดดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้
บาทเคลื่อนไหว ‘เหวี่ยง’ เหตุ ธปท. กำกับดูแลน้อย?
ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ Head of Global Investment Strategy บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การแข็งค่าของเงินบาทอย่างรวดเร็วช่วงนี้มีปัจจัยหลักมาจากดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลง หลังจากทรัมป์ไม่ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าทุกประเทศตั้งแต่วันแรกอย่างที่หลายฝ่ายกังวล
นอกจากนี้ ดร.จิติพล ยังมองว่าแรงกดดันต่อสกุลเงินเอเชียที่ลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากประเทศต่างๆ เริ่มบริหารจัดการมาตรการทางการค้าของทรัมป์ได้มากขึ้น แตกต่างกับการรับตำแหน่งสมัยแรกของทรัมป์เมื่อช่วงปี 2017 ที่หลายประเทศตื่นเต้นตกใจ
กระนั้น ดร.จิติพล ยังตั้งข้อสังเกตว่าอีกสาเหตุที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเร็วมากขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ได้เข้ามากำกับดูแลค่าเงินบาทมากนัก เห็นได้จากการปล่อยบาทแข็งลงมาเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการบริหารจัดการ (Manage) ค่อนข้างยาก
นอกจากนี้ “ธปท. อาจมองว่าสาเหตุที่ทำให้บาทแข็งมาจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก มาจากดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงหลังจากแข็งค่าเร็วเมื่อช่วงต้นปี จึงอาจไม่มีความจำเป็นที่ต้องแทรกแซงมากนักหรือไม่” ดร.จิติพล กล่าว
