×

Now & Next พลังประชารัฐ อนุรักษนิยมทันสมัย ชนะประชาธิปัตย์ เบียดภูมิใจไทย คว้าใจฝ่ายอนุรักษนิยม

โดย THE STANDARD TEAM
20.01.2025
  • LOADING...

วันนี้ (20 มกราคม) พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขนแกนนำคนสำคัญที่ยังยืนหยัดอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ เช่น ไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ, สันติ พร้อมพัฒน์, ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์, ตรีนุช เทียนทอง, พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ, สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานศูนย์นโยบายและวิชาการ, อุตตม สาวนายน ประธานกรรมการนโยบายและรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินทางจากกรุงเทพมหานครมาถึงอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี จัดงานสัมมนาประจำปี 2568 ภายใต้หัวข้อ ‘Now & Next พรรคพลังประชารัฐ’ ณ โรงแรมซี แซนด์ ซัน หัวหิน รีสอร์ท 

 


 

พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ พร้อมด้วยแกนนำพรรค พปชร.

พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ พร้อมด้วยแกนนำพรรค พปชร.

 


 

พล.อ. ประวิตร ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อมวลชนในรอบ 1 เดือน ด้วยท่าทีแข็งแรง เดินไปมาอย่างคล่องตัว โดยไม่ต้องใช้ทีมประคองตัว โดยร่วมกล่าวสปีชเปิดงานอย่างเสียงดังฟังชัดว่า “ในห้วงปีที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าการเมืองของประเทศเราได้กลับไปสู่ระบบเดิมๆ คือการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์ ทำลายกันเพื่อผลประโยชน์ ขาดคุณธรรมจริยธรรม ไม่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง พรรคพลังประชารัฐของเราแม้จะตกเป็นเป้าทางการเมืองเสมอมา แต่ขอยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐของเราจะยังคงเดินไปข้างหน้าอย่างสร้างสรรค์และมั่นคง เรามี สส. 20 คน กระจายทั่วทุกภูมิภาค มีบุคลากรทางการเมืองที่มีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์ในการบริหารประเทศ รวมถึงมีอดีตรัฐมนตรี สส. และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มีฝีมือและผลงานมากมาย”

 

พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐมีความพร้อมและแนวทางที่ชัดเจนในการยึดมั่นพิทักษ์รักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ การสัมมนาในครั้งนี้เป็นการแสดงจุดยืนในการทำงานการเมืองด้วยหัวใจที่มุ่งมั่น สร้างอนาคตที่ดีให้กับประเทศและประชาชน

 


 

อุตตม สาวนายน ประธานกรรมการนโยบายและรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 

อุตตม สาวนายน ประธานกรรมการนโยบายและรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 

 


 

สำหรับ Now & Next พรรคพลังประชารัฐนั้น แกนนำหลายคนได้ขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ในด้านที่แต่ละบุคคลมีความเชี่ยวชาญ เช่น อุตตม สาวนายน ประธานกรรมการนโยบายและรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้มุมมองด้านเศรษฐกิจ ที่เห็นว่าปี 2568 จะแห่งความท้าทายครั้งใหญ่ของประเทศไทย เศรษฐกิจจะฟื้นตัวหรือฟุบลงขึ้นอยู่กับความสามารถในการจัดการกับความท้าทายทั้งภายในและภายนอกประเทศ 

 

ความท้าทายสำคัญที่อยู่เบื้องหน้าคือเศรษฐกิจปากท้องของคนไทย ซึ่งยังคงเป็นปัญหาหลัก และยังต้องเผชิญกับสัญญาณเตือนจากภายนอก เช่นเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้าและไม่ครอบคลุม ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ

 

ประเทศไทยยังเผชิญกับข้อจำกัดภายใน คือขีดความสามารถในการแข่งขันลดลง เครื่องยนต์หลักทางเศรษฐกิจอ่อนกำลังลงอย่างต่อเนื่อง การส่งออกเผชิญความเสี่ยงที่จะหลุดจากขบวนเศรษฐกิจโลกใหม่ การท่องเที่ยวฟื้นตัวไม่เต็มศักยภาพ ความสามารถในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติลดลง 

 

การลงทุนรวมในประเทศตกต่ำถึงจุดต่ำสุดในรอบ 30 ปี เศรษฐกิจซบเซาอย่างต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่หลังวิกฤตโควิดและฟื้นตัวช้ากว่าเพื่อนบ้านในอาเซียน เราจำเป็นต้องพลิกเกมเศรษฐกิจใหม่เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้อย่างเร่งด่วน และสร้างความมั่นคงให้กับอนาคตเศรษฐกิจไทยในระยะยาว

 

โจทย์ใหญ่สำคัญของประเทศไทยโดยเฉพาะรัฐบาลคือการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างแท้จริงและยั่งยืน รวมถึงการเร่งวางรากฐานเศรษฐกิจและยกระดับการปฏิรูประบบเศรษฐกิจไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยมุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งและสร้างความมั่งคั่งของเศรษฐกิจฐานรากและชุมชน

 

อยากเห็นรัฐบาลจัดสรรงบประมาณอย่างเพียงพอ โดยเน้นการสร้างงานในชุมชนท้องถิ่น ส่งเสริมความเข้มแข็งในตัวเอง พร้อมยึดโยงกับการยกระดับภาคการเกษตร การท่องเที่ยว และวิสาหกิจชุมชน/การผลิตชุมชน ให้ผสานกันเพื่อผลักดันการพัฒนาให้ก้าวหน้าได้อย่างเต็มศักยภาพ

 

ชนะประชาธิปัตย์ เบียดภูมิใจไทย คว้าใจฝ่ายอนุรักษนิยม

 

ขณะที่ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานศูนย์นโยบายและวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง มองความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆ บนกระดานการเมืองเวลานี้ มั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐยังมีโอกาสทางการเมืองอีกมาก 

 

มีปัจจัยสำคัญจากการโต้กลับของพลังอนุรักษนิยมที่จะขยายตัวกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ จากการบริหารงานของรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งเอาแต่จะขับเคลื่อนนโยบายเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เช่น กรณีคาสิโนเสรี พนันบนดิน และเมื่อดูโพลต่างๆ ก็พบว่า พปชร. ยังคงเป็นพรรคที่อยู่บนกระดานการเมือง อยู่ในใจประชาชน ยังมี สส. ในสภาไว้เป็นปากเป็นเสียง มีกลุ่มการเมือง มีบ้านใหญ่ต่างๆ รวมพลังกันอย่างเหนียวแน่น

 


 

สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานศูนย์นโยบายและวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง

สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานศูนย์นโยบายและวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง

 


 

วันนี้ประชาชนยังหาพรรค ยังหาคนที่เหมาะสมสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ได้ โพลบอกว่าเป็นจำนวนมากถึง 20% พรรคของเราต้องเป็นตัวแทนของคนกลุ่มนี้ให้ได้ สร้างนโยบายให้โดนใจคนกลุ่มนี้ให้ได้ เราต้องปลุกคลื่นพลังอนุรักษนิยมให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้งหนึ่ง ใช้จุดเด่นของบุคลากรพรรค คือเรื่องปากท้อง เศรษฐกิจ มีมือเศรษฐกิจที่มีประสบการณ์มาร่วมกันวิพากษ์วิจารณ์ให้ข้อเสนอแนะต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาลอย่างสม่ำเสมอ เดินหน้าตรวจสอบรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง

 

คำวิจารณ์ที่มีเหตุมีผล กลั่นกรองจากข้อมูลที่เข้มข้นของพวกเรา จะช่วยดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่ไม่ชอบดราม่าทางการเมืองให้มาสนใจพรรคมากขึ้น แต่การมีข้อมูลเหล่านั้นก็จำเป็นต้องสร้างทีม ต้องลงแรง ต้องมีระบบการทำงานที่เข้มแข็ง ซึ่งท่านหัวหน้าพรรคได้ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี

 

สนธิรัตน์เสนอถึงยุทธศาสตร์การทำงานของพรรคในช่วงเวลา 2 ปีข้างหน้าที่รัฐบาลจะหมดวาระและมีการเลือกตั้ง 

 

  1. สร้างและรวมพลังชุดความคิดใหม่ ใช้ความคิดอนุรักษนิยมทันสมัย เป็นชุดอุดมการณ์ที่จะใช้เพื่อชนะทางความคิด เพื่อชนะทางการเมือง 

 

  1. เตรียมการทำงานในพื้นที่เป้าหมาย สร้างความเข้มแข็งของพื้นที่และขยายฐานผู้สนับสนุนของเราออกไปให้กว้าง 

 

  1. เร่งปรับภาพลักษณ์ สร้างแบรนด์ ทำให้พลังประชารัฐ​เป็นพรรคการเมืองแห่งความหวัง เป้าต่อไปคือชนะพรรคประชาธิปัตย์ และเบียดกับพรรคภูมิใจไทยให้ได้ ถ้าเราเบียดขึ้นไปได้ พรรคที่ตกลงมาคือพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐนั้นเป็นพรรคที่มีความหวังพร้อมจะได้ใจจากผู้ลงคะแนน และเป็นพรรคที่มีความพร้อมที่สุด

 

สนธิรัตน์กล่าวว่า สามารถพูดได้เต็มปากว่าพรรคพลังประชารัฐยังมีโอกาส ตนเองและพลังประชารัฐมีความผูกพันกันมานาน เพราะตนเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคในปี 2561 วันนั้นเรานับหนึ่งถือว่ายากและท้าทาย แต่ในที่สุดเรารวบรวมกลุ่มการเมืองและคนการเมืองมาเป็นพรรคการเมืองจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ วันนี้ ปี 2568 ผมรู้ว่ายากและท้าทายกว่ามาก แต่ตนเชื่อว่ายังคงมีประชาชนที่นิยมพรรคพลังประชารัฐอยู่ทั่วประเทศ ถ้าเราหาเจอแล้วเชื่อมต่อด้วยชุดความคิด ความเชื่อแบบเดียวกัน เราจะหาคะแนนเสียงจนเจอ นี่คือสิ่งที่ทำให้ผมเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐยังมีโอกาส 

 

“Now วันนี้ ผมเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐยังมีโอกาส Next วันข้างหน้า โอกาสในการเป็นรัฐบาลจะอยู่ในมือเรา เพื่อให้เราได้ดูแลพี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่ง พรรคพลังประชารัฐเคยสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในปี 2562 เราอาจเดินทางที่ขรุขระบ้าง สำเร็จและไม่สำเร็จบ้าง โดยได้ผ่านอุปสรรคมาจนถึงวันนี้ วันนี้ถือว่าเป็นวันที่พรรคได้บ่มเพาะตัวเองจนหาทางเดินที่แท้จริง

 

“หัวหน้าพรรคยืนยันแล้วว่าไม่คิดจะทิ้งพรรคไปไหน และพร้อมจะนำพรรคกลับมาสู่พรรคที่ยิ่งใหญ่ พลังประชารัฐวันนี้จะไม่เหมือนเดิม และพร้อมที่จะเติบโต ได้พิสูจน์ความเป็นของแท้ ถ้าไม่ดีจริง พรรคต้องล่มสลายไปแล้ว ภายใน 2 ปีจะเตรียมความพร้อมในการจัดการเลือกตั้งอย่างเป็นระบบให้ชัดเจน มั่นใจว่าต่อให้เป็นรองก็ล้มแชมป์ได้ โดยในการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคจะช่วงชิงชัยชนะกลับมา” สนธิรัตน์กล่าว

 

พลังประชารัฐต้องค้านจริง หนุนคะแนนนิยม

 

ส่วน ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ​ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า ผมคิดว่าเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้พรรคเรามีบทบาทที่ตรวจสอบรัฐบาลในสื่อสังคมต่างๆ อย่างมาก เช่น การคัดค้านมาตรา 44 การคัดค้านเรื่องพลังงาน ซึ่งทำให้พรรคมีคะแนนนิยมมากขึ้น มีการเติบโตของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนับสนุนพรรคที่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในประเทศ การเปลี่ยนแปลงรัฐบาล 

 


 

 


 

ตนเองเชื่อว่าหากพรรคพลังประชารัฐของเราทำหน้าที่ตรวจสอบ ทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้เข้มงวด ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาอย่างเต็มที่ เมื่อไปถึงการเลือกตั้งจะทำให้พรรคพลังประชารัฐของเรามีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น 

 

“หากดูตอนนี้พรรคฝ่ายค้านไม่ต้องพูดชื่อ เขาก็แบบค้านไปเชียร์ไป เหมือนไม่ได้ค้านจริงๆ เราก็รู้อยู่ว่าเขาเหมือนมาจากไข่ใบเดียวกัน สีส้ม สีแดงก็มาจากสีแม่เดียวกัน แต่พรรคพลังประชารัฐที่ตรงข้าม เราสู้จริงๆ การที่เราสู้อย่างตรงไปตรงมาและเต็มที่จะทำให้พรรคพลังประชารัฐกลับมาเข้มแข็ง และเป็นความหวังของพี่น้องประชาชนได้”

 

ขณะที่สมาชิกพรรคในพื้นที่ภาคกลางนั้นส่วนใหญ่ก็จะเป็น สส. เก่าจำนวนมาก คนที่ลงพื้นที่จะได้รับการเลือกตั้ง ภาคกลางไม่เหมือนภาคอื่นที่เป็นหน้าเดิมๆ หากสังเกตว่าเป็นคนลงพื้นที่รับฟังประชาชน แก้ปัญหาให้ประชาชน ใช้แต่คนที่ใจถึงพึ่งได้ ถ้าใจถึงพึ่งไม่ได้เป็นผู้แทนไม่ได้ ใจไม่ถึงพึ่งยาก หาตัวลำบาก ก็ไม่ต้องมาเป็นผู้แทนพรรคพลังประชารัฐ

 

สุดท้ายแล้วพรรคพลังประชารัฐที่ปัจจุบันมีอายุ 7 ปีตั้งขึ้นเพื่อสืบทอดอำนาจของรัฐบาล คสช. ในทุกมิติ พร้อมวางกลไกให้พรรคมีความชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญปี 2560 และดัน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรียาวนานเกือบทศวรรษ จะสามารถชนะพรรคประชาธิปัตย์และเบียดพรรคภูมิใจไทยเพื่อการทวงบัลลังก์ความนิยมพรรคอนุรักษนิยมก่อนการเลือกตั้งใหญ่ในปี 2570 ตามที่หวังได้หรือไม่ เป็นสิ่งที่คอการเมืองยังติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising