หากย้อนกลับไป 10-20 ปีก่อนหน้านี้ คนในวัย 20 อาจรู้สึกว่าสกินแคร์ประเภท Anti-Aging ยังคงเป็นเรื่องไกลตัว ยิ่งถ้าเป็นเรื่องหัตถการยิ่งแล้วใหญ่ โดยมากมักจะพึ่งมือแพทย์เมื่อผิวมีปัญหาหรือต้องการการรักษาอย่างจริงจัง
แต่ในปัจจุบันเทรนด์การดูแลตัวเองได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ผู้คนตื่นตัวในเรื่องเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging Medicine) หรือการดูแลสุขภาพในเชิงป้องกันก่อนที่ร่างกายจะเสื่อมไวขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องความงาม จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นคนวัย 20 ต้นตบเท้าเข้าคลินิกพึ่งหัตถการป้องกันริ้วรอยก่อนวัย หรือมีสกินแคร์ประเภทชะลอริ้วรอยติดโต๊ะเครื่องแป้งไว้เสมอ
คำถามคือ “รอให้ผิวมีปัญหาแล้วค่อยไปรักษาไม่ได้เหรอ” คำตอบคือ “ได้” แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็อาจแตกต่างกันตามต้นทุนปัญหาของผิว
ตามปกติแล้วร่างกายของเราจะผลิตคอลลาเจน (Collagen) หรือโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนังได้เองตามธรรมชาติ แต่เมื่อเข้าสู่วัย 25 ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง และจะยิ่งลดน้อยลงเรื่อยๆ ตามวัยที่เพิ่มมากขึ้น
ดังนั้นเมื่อสังเกตเห็นว่า สภาพผิวเริ่มมีความหย่อนคล้อย รูขุมขนกว้างขึ้น ผิวไม่อุ้มน้ำ เริ่มเห็นร่องรอยความยับ นั่นเป็นสัญญาณว่าคอลลาเจนในร่างกายเริ่มลดแล้ว
วิธีสุดคลาสสิกที่จะช่วยให้คุณชะลอความร่วงโรยแห่งวัยได้โดยธรรมชาติคือ โภชนาการที่ดี สารอาหารครบถ้วน เลี่ยงอาหารแปรรูปและน้ำตาล ลดการดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ทำสุขภาพจิตให้แจ่มใส ไม่เครียด หรือจะเพิ่มคอลลาเจนในรูปแบบอาหารเสริมก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน
ใดๆ แล้ว ล้วนต้องอาศัยวินัยการทำอย่างต่อเนื่อง แต่ในปัจจุบันเราต่างรู้ว่าบางทีความสวยนั้นรอไม่ได้ หัตถการที่ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวและกระตุ้นคอลลาเจนจึงบังเกิด
ช่วงที่ผ่านมาเราอาจได้ยินกิตติศัพท์ความแรงของ Biostimulator กันบ้าง สิ่งนี้เป็นสารเติมเต็มที่ช่วยเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวดูกระชับแน่นยิ่งขึ้น แต่สำหรับนาทีนี้ นวัตกรรมใหม่ที่มาแรงไม่แพ้กันในแวดวงความงามคือ Bio Remodeling จาก Profhilo โปรแกรมฟื้นฟูและปรับโครงสร้างผิวใหม่จากสวิตเซอร์แลนด์ที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและแก้ความหย่อนคล้อยของผิวหน้าและลำคอ
เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยว่า Bio Remodeling แตกต่างอย่างไรกับ Biostimulator งานนี้เราเลยให้ หมอพร้าว-พญ.ภัทรพันธ์ ออสวัสดิ์ แพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านผิวหนังและสุขภาพหนังศีรษะจาก Astrid Anti-Aging Studio 1 ใน 50 คลินิกแรกของประเทศไทยที่ให้บริการโปรแกรม Profhilo มาไขความกระจ่าง
“Bio Remodeling จะเน้นการฟื้นฟูซ่อมแซมมากกว่า มีความปลอดภัยสูง มีสารประกอบเป็นไฮยาลูรอนิกแอซิดเข้มข้นสูง สามารถกระตุ้นลงลึกได้ทุกชั้นผิว ในขณะที่ Biostimulator ฉีดได้บางชั้นผิว
“ในส่วนเทคนิคการฉีดก็แตกต่างกัน มีการใช้เข็มต่างกัน สำหรับ Profhilo จะเหมาะกับคนที่กลัวเจ็บเพราะจุดฉีดน้อย โดยหลักจะฉีดที่แก้มและลำคอ แบ่งเป็นฝั่งละ 5 จุด
“รวมแล้ว Profhilo จะเน้นฟื้นฟูความหย่อนคล้อย ช่วยให้คุณภาพผิวดี ผิวดูอิ่มฟูชุ่มชื้น รักษาหลุมสิวได้ และยังช่วยปรับเม็ดสีให้ดูสม่ำเสมอขึ้น
“หลังทำจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนใน 2 สัปดาห์ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล และจะอยู่ได้ 6-9 เดือน ตาม Protocol แนะนำให้ฉีดอย่างน้อย 2 ครั้ง ห่างกัน 1 เดือน”
นอกจากนี้ Profhilo ยังตอบโจทย์คนที่อยากได้งานผิวและการยกกระชับที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่อยากให้ใบหน้าเปลี่ยนหรือผิดรูปจนคนทัก
สรุปแล้วการพึ่งพาหัตถการความงามนั้นถือเป็นอีกทางเลือกของการดูแลตัวเองตามจุดประสงค์ของแต่ละบุคคล บางคนพอใจจะทำเพื่อป้องกันไว้ก่อน บางคนสะดวกทำตอนเริ่มเห็นปัญหาแรกเริ่ม บางคนพอใจจะฟื้นฟูตอนอายุเยอะ ซึ่งล้วนไม่มีผิดหรือถูก
มันเป็นเรื่องของ ‘ความพอใจและกำลังทรัพย์’ ในช่วงชีวิตนั้นๆ
เหนือสิ่งใดแล้ว การเลือกปรึกษาและรับบริการกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสถาบันความงามที่ได้มาตรฐานต่างหากคือเรื่องที่ควรให้ความสำคัญที่สุด จะสวยทั้งทีความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอ
อ้างอิง: