ช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2567 สำหรับใครที่ยังไม่ได้วางแผนภาษี โดยเฉพาะการใช้สิทธิลดหย่อนต่างๆ หนึ่งในนั้นคือการลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีอย่าง ThaiESG ซึ่งปีนี้เงื่อนไขการลงทุนเปลี่ยนไปบางส่วน ขณะเดียวกันก็มีอะไรที่นักลงทุนควรจะรู้อีกบ้าง เพื่อให้การลงทุนครั้งเดียวได้ทั้งลดหย่อนภาษีและผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
THE STANDARD WEALTH พาทุกคนไปทำความรู้จักกับกองทุน ThaiESG ให้มากขึ้นผ่าน 5 ข้อควรรู้ก่อนเลือกลงทุน
- ThaiESG คืออะไร
ThaiESG หรือ Thailand ESG Fund เป็นกองทุนรวมไทยที่เน้นการลงทุนในธุรกิจที่ยั่งยืน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุน ‘ระยะยาว’ ในกิจการที่เน้นความยั่งยืน พร้อมได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
โดยกองทุน ThaiESG จะเน้นลงทุนในประเทศไทยในกิจการหรือโครงการที่โดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อมหรือด้านความยั่งยืน โดยมีนโยบายลงทุนในทรัพย์สินอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างที่ออกโดยผู้ออกที่เป็นภาครัฐไทยหรือกิจการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ทั้งหุ้นไทย พันธบัตร และตราสารหนี้ไทย ที่ใส่ใจความยั่งยืน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีมากกว่า 80% ของ NAV
- สิทธิประโยชน์ทางภาษี
ข้อมูลอัปเดตปี 2567 กองทุน ThaiESG ปรับเกณฑ์ใหม่! สำหรับบุคคลธรรมดาสามารถหักลดหย่อนภาษีเงินได้ จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุน สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท (จากเดิม 100,000 บาท) หรือไม่เกิน 30% ของรายได้ และปรับระยะเวลาการถือครองลดลงเหลือเพียง 5 ปีนับจากวันลงทุน (จากเดิม 8 ปีนับจากวันลงทุน) (วันชนวัน)
ทั้งนี้ การขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ผู้ลงทุนจะต้องแจ้งความประสงค์ขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษีกับ บลจ. ภายในวันทำการสุดท้ายของปี ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถนำค่าซื้อหน่วยลงทุนไปลดหย่อนภาษีได้ แต่กรณีที่ผู้ลงทุนเคยแจ้งไว้แล้ว ไม่จำเป็นต้องแจ้งซ้ำอีก เว้นแต่ว่าจะเปลี่ยนไปซื้อกับ บลจ. อื่น
โดยผู้ลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้เมื่อถือครองมาแล้วไม่น้อยกว่าระยะเวลาตามที่กรมสรรพากรกำหนด (5 ปีนับจากวันที่ลงทุน – วันชนวัน) กำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gain) และเงินได้จากการขายคืนหน่วยลงทุนที่เป็นไปตามเงื่อนไข จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามที่กรมสรรพากรกำหนด
- เลือกกองทุน ThaiESG อย่างไร
โดยส่วนใหญ่แล้วกองทุน ThaiESG จะมุ่งลงทุนในหุ้นไทยที่มีการจัดอันดับ ESG Ratings โดยปัจจุบันมีหุ้นทั้งหมด 228 บริษัทที่ได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน อย่างไรก็ตาม การเลือกกองทุนเพื่อลงทุนควรเข้าไปดูรายละเอียดพอร์ตลงทุนของแต่ละกองทุนก่อนด้วย
เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนที่กระจุกตัวมากเกินไป ควรเลือกกองทุนที่ถือครองหุ้น 5 ตัวแรกรวมกันไม่เกิน 40% ขณะเดียวกันก็พิจารณาร่วมกับผลตอบแทนในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งอาจพิจารณาจากค่า Sharpe Ratio ที่ยิ่งมากจะยิ่งดี รวมทั้งค่าธรรมเนียมของกองทุนที่ไม่ควรจะเกิน 2%
ที่สำคัญคือควรเลือกกองทุนที่สอดคล้องกับเป้าหมายของตัวเอง เช่น กองทุนประเภท Passive ซึ่งนอกจากกองหุ้นไทยแล้ว กองทุน ThaiESG ยังมีกองทุนประเภทตราสารหนี้และกองทุนผสมอีกด้วย เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ตามสไตล์และความเสี่ยงที่สามารถรับได้ หรือกองทุนที่จ่ายเงินปันผลสำหรับคนที่ต้องการกระแสเงินสดระหว่างทาง
เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญก่อนที่จะเริ่มลงทุน ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์หรือสินทรัพย์ใด คือการวางเป้าหมายการลงทุนของตัวเองให้ชัดเจน
- ต้องถือกองทุนเดิมไปจนครบกำหนดหรือไม่
หลายคนอาจยังไม่ทราบว่ากองทุนลดหย่อนภาษีที่มีกำหนดระยะเวลาถือครองนี้สามารถสับเปลี่ยนกองทุนได้เช่นกัน และสามารถสับเปลี่ยนไปยังกองทุนของ บลจ. อื่นได้เช่นกัน (แต่อาจมีค่าธรรมเนียม) เพียงแต่เงื่อนไขคือ จะต้องเป็นกองทุน ThaiESG เหมือนกัน
ซึ่งการสับเปลี่ยนกองทุนนี้ก็เป็นเหมือนการปรับพอร์ตลงทุนระหว่างทาง เพื่อให้เหมาะกับสภาวะตลาดหรือสถานการณ์ทางเศรษฐกิจภาพรวม เช่น ในภาวะที่ตลาดหุ้นร้อนแรงมาก และกองทุน ThaiESG ที่เราถือให้ผลตอบแทนสูงในระดับหนึ่ง เราอาจพิจารณาเปลี่ยนไปลงทุนในกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวน
- ทางเลือกลงทุนอื่นเพื่อลดหย่อนภาษี
นอกจาก ThaiESG แล้ว นักลงทุนยังมีทางเลือกลงทุนอื่นๆ อีกเช่นกันที่สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยวงเงินรวมกันอีกไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี ประกอบด้วย
- กองทุน SSF ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
- กองทุน RMF ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
- Provident Fund / กองทุนสงเคราะห์ครู / กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
- PVD / กองทุนสงเคราะห์ครู ไม่เกิน 15% ของค่าจ้าง
- กบข. ไม่เกิน 30% ของค่าจ้าง สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
- ประกันบำนาญไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
- กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ไม่เกิน 30,000 บาท
นอกจากข้อควรรู้ทั้ง 5 ข้อนี้แล้ว ยังมีข้อมูลต่างๆ อีกหลายส่วนที่นักลงทุนควรพิจารณาประกอบเพิ่มเติม เช่น ผู้จัดการกองทุน นโยบายที่แตกต่างกันของแต่ละกองทุน หรือการผสมผสานกองทุนหลายๆ กองเข้าด้วยกัน เพราะเราไม่จำเป็นจะต้องซื้อกองทุนจนเต็มวงเงินใช้สิทธิ
โดยสรุปแล้วกองทุน ThaiESG สามารถเป็นตัวเลือกการลงทุนที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่ของการลดหย่อนภาษีและการสนับสนุนธุรกิจที่ยั่งยืน รวมทั้งสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้
ผู้ที่สนใจศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกองทุน ThaiESG เพิ่มเติม หรือดูรายชื่อกองทุน สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ https://thailandesg.com