ยิ่งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหาร หรือ ผู้นำ ระดับสูงเท่าไร ยิ่งต้องระมัดระวังการแสดงออกทางอารมณ์มากขึ้นเท่านั้น เพราะทุกการแสดงออกของคุณจะถูกจับตามองและตีความจากทีมงานแตกต่างกันไปตามระดับตำแหน่ง
แบรนดอน สมิธ นักบำบัดและโค้ชด้านอาชีพที่รู้จักกันในนาม The Workplace Therapist เผยว่า แม้เพียงการเผลอยกระดับเสียงขึ้นเล็กน้อยในที่ประชุม ก็อาจถูกตีความแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่คุณดำรงอยู่ในองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณมีลูกน้องในการดูแลจำนวนมาก
“ทุกครั้งที่คุณได้เลื่อนตำแหน่ง ปฏิกิริยาทางอารมณ์ของคุณจะถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นในสายตาของทีม ระดับตำแหน่งของคุณมีผลต่อการตีความของพวกเขา” สมิธกล่าว พร้อมยกตัวอย่างว่า การที่ผู้บริหารแสดงสีหน้าไม่พอใจเพียงเล็กน้อย อาจถูกทีมตีความว่าเป็นความโกรธระดับรุนแรงได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- ‘ถ่อมตน’ สำคัญกว่า ‘เก่ง’! เผยเคล็ดลับ ‘ผู้นำ’ ที่พนักงานรักผ่าน 7 วิธีพัฒนาตัวเอง
- หมดไฟเพราะงานล้น! Outward Mindset สร้างแรงจูงใจให้ทีมมี ‘ไฟ’ ทำงาน ก่อนฟางเส้นสุดท้ายที่ชื่อว่า ‘ลาออก’ มาถึง
- เงินเดือนไม่ใช่ทุกอย่าง! SEAC เผย คนเก่งยุคใหม่มองหาองค์กรที่ให้โอกาสเติบโต แนะองค์กรเน้นพัฒนาภาวะผู้นำด้วย
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า ผู้นำ จะไม่สามารถแสดงความผิดหวังหรือความหงุดหงิดได้เลย เพียงแต่ต้องแสดงออกอย่างมีชั้นเชิงและเหมาะสม รวมถึงต้องรู้จักจังหวะเวลาในการถอยออกมาจากสถานการณ์ที่อาจทำให้เสียการควบคุม
ปัญหาสำคัญที่สมิธพบในองค์กรทั่วไปคือ ‘ไม่มีใครกล้าบอกความรู้สึกที่แท้จริง’ ทำให้เกิดช่องว่างในการสื่อสารระหว่างผู้นำกับทีมงาน ซึ่งอาจนำไปสู่การเข้าใจผิดและบรรยากาศการทำงานที่ตึงเครียด
เมื่อรู้สึกว่าควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ทางที่ดีที่สุดคือการถอยออกมาจากสถานการณ์นั้น “คุณควรถอยออกมาและหาคนที่คุณสามารถพูดคุยด้วยได้ หรือหาทางระบายความรู้สึกในรูปแบบอื่น” สมิธแนะนำ แต่สิ่งสำคัญคือต้องไม่เงียบหายไปโดยไม่บอกกล่าว
เอมี เอ็ดมอนด์สัน ศาสตราจารย์ด้านภาวะ ผู้นำ และการจัดการจาก Harvard University และผู้เขียนหนังสือ The Fearless Organization: Creating Psychological Safety in the Workplace for Learning, Innovation, and Growth แนะนำว่า ควรบอกทีมก่อนที่จะถอยออกมา เพื่อสร้างความเข้าใจและรักษาความสัมพันธ์ที่ดี
“คุณก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ลองพูดว่าตอนนี้ผมรู้สึกหงุดหงิดมากและกำลังเสี่ยงที่จะพูดอะไรบางอย่างที่อาจเสียใจภายหลัง ขอเวลาให้ผมจัดการกับความรู้สึกสักครู่ แล้วจะกลับมาพร้อมกับสภาพจิตใจที่ดีขึ้น” เอ็ดมอนด์สันยกตัวอย่างประโยคที่ผู้นำสามารถใช้สื่อสารกับทีมได้
การสื่อสารถึงความรู้สึกและความต้องการพักสักครู่จะช่วยสร้างบรรยากาศแห่งความโปร่งใสและความไว้วางใจในทีม ดีกว่าการเงียบหายไปโดยไม่บอกกล่าว สมิธเน้นย้ำว่า “หากคุณหายหน้าไปกะทันหันถึง 2 วันโดยไม่บอกกล่าว ทีมงานจะรู้สึกไม่มั่นคงและขาดความเชื่อมั่นในตัวคุณ”
ท้ายที่สุดการเป็นผู้นำที่ดีไม่ได้หมายถึงการไม่แสดงอารมณ์เลย แต่หมายถึงการรู้จักจัดการและสื่อสารอารมณ์ความรู้สึกอย่างเหมาะสม เพื่อสร้างบรรยากาศการทำงานที่เปิดกว้างและปลอดภัยสำหรับทุกคนในทีม
อ้างอิง: