F1 ICON
สำหรับใครไม่ได้ติดตามการแข่งขัน F1 อย่างใกล้ชิด แน่นอนว่าอย่างน้อยคุณต้องเคยเห็นหน้าค่าตาหรือชื่อของ Lewis Hamilton ตามสื่อโซเชียลกันสักครั้ง เนื่องด้วยตัวเขานั้นคือนักแข่ง F1 ผิวดำคนแรกในประวัติศาสตร์ เจ้าของหมายเลข 44 คนนี้ คือผู้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ให้กับโลกความเร็วตั้งแต่การแข่งฤดูกาลแรกเมื่อราวๆ 18 ปีก่อน และกลายมาเป็นผู้คว้าแชมป์โลก 7 สมัยเทียบเท่า Michael Schumacher ซึ่งคาดว่าจะไม่มีใครมาล้มสถิติลงได้ง่ายๆ แต่ความสำเร็จของเขาไม่ได้จำกัดเพียงในสนามแข่งเพียงที่เดียว เพราะ Lewis ยังมีบทบาทสำคัญอีกมากกว่าการเป็นนักกีฬา ด้วยการใช้เสียงของเขาในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงทั้งวงการมอเตอร์สปอร์ตและสังคมโดยรวม อาทิ การสนับสนุนความหลากหลาย การต่อต้านการเหยียดสีผิว การสนับสนุนเยาวชนผู้ด้อยโอกาส ทำให้เรื่องราวเหล่านี้เกิดเป็นกระแสขึ้นมาเคียงคู่ไปกับชื่อเสียงของเขาที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสิ่งนี้เองก็เป็นอะไรที่เขามุ่งมั่นจะสร้างมันต่อไปตลอดเส้นทางอาชีพ
STRONG PERSONAL STYLE
อย่างที่เกริ่นไปว่าตัวตนของ Lewis Hamilton ไม่ได้ถูกจารึกชื่อแค่ในฐานะตำนานแห่งมอเตอร์สปอร์ตเท่านั้น แต่ยังเป็นที่จดจำในฐานะหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลด้านแฟชั่นมากที่สุดในยุคปัจจุบัน จากจุดเริ่มต้นที่ Paddock ของแต่ละสนามเขามักปรากฏตัวในลุคที่เต็มไปด้วยที่กล้าในการทดลองและสร้างสรรค์สไตล์ของตนเอง ทำให้ความเป็นแฟชั่นนิสต้าของเขาโดดเด่นไม่แพ้กับลีลาการแข่งขัน ด้วยการผสมผสานระหว่างแฟชั่นสตรีทแวร์และความลักชัวรี Lewis มักเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่มีดีไซน์เฉพาะตัว มีสีสันสดใส ลวดลายจัดจ้าน มีซิลูเอตค่อนข้างหลากหลาย เช่นลุคสูทออลแบล็กจาก Jacquemus และรองเท้าบู๊ต ลุคเชิ้ตและกางเกงสีเขียวนีออนจาก Versace หรือชุดจัมป์สูทประดับเลื่อมสีม่วงเข้ม ซึ่งเป็นลุคคัสตอมเมดจาก Rick Owens
ดีเทลอันโดดเด่นเหล่านี้ ทำให้เหล่าแฟนคลับผู้ติดตามการแข่งรถต้องพลอยสนใจในเซนส์แฟชั่นของเขาไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งเขายังเป็นที่รู้จักด้านการใช้เสื้อผ้าเป็นสื่อกลางเพื่อสื่อสารอัตลักษณ์และจุดยืนของตนเอง ซึ่งแม้ว่าเขาจะก้าวออกนอกสนามแข่งมาอยู่บนพรมแดงท่ามกลางเหล่าผู้มีชื่อเสียงจากทางฝั่งแฟชั่นและบันเทิง ความเปล่งประกายของเขาก็ไม่ได้ถูกบดบังไปแม้แต่น้อย ซ้ำยังได้รับเสียงชื่นชมมากขึ้นในทุกๆ โอกาสที่เขาปรากฏตัว
COLLABORATING WITH TOMMY HILFIGER
หากกล่าวถึงบทบาทสำคัญในด้านแฟชั่นที่มีร่วมกับแบรนด์ระดับโลก คอลเล็กชัน TommyXLewis คือหนึ่งในผลงานคอลลาบอเรชันที่โด่งดังที่สุดเลยก็ว่าได้ โดยความร่วมมือครั้งนี้ได้เผยโฉมออกมาครั้งแรกในเดือนกันยายน 2018 ช่วง New York Fashion Week ภายหลังจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นโกลบอลแอมบาสเดอร์ในช่วงต้นปี ซึ่งนับเป็นคอลเล็กชันแรกกับทางแบรนด์หรูระดับโลกที่ Lewis Hamilton เข้ามามีส่วนร่วมออกแบบอย่างเต็มตัว และได้ผลตอบรับในทางบวกอย่างล้นหลาม จนเกิดเป็นอีก 3 คอลเล็กชันที่ปล่อยต่อมาในปี 2019-2020 โดยแต่ละคอลเลกชันเน้นที่การผสมผสานระหว่างสไตล์อเมริกันคลาสสิกกับแฟชั่นสตรีทแวร์ รวมไปถึงมีดีเทลสะท้อนตัวตนของ Lewis อย่างชัดเจน ทั้งในด้านสไตล์ส่วนตัว กลิ่นอายความสปอร์ตี้ และการเคลื่อนไหวทางสังคม อาทิ ลายเซ็น LH ที่ปรากฏอยู่บนหลากหลายไอเท็ม การหยิบชุดวอร์มนักกีฬามาตีความใหม่ การสอดแทรกแนวคิดเรื่องความยั่งยืนผ่านวัสดุรีไซเคิล ตลอดจนการใช้โมเดลหลากหลายเชื้อชาติ สีผิว และเพศสภาพ ทั้งในแคมเปญและแฟชั่นโชว์ที่เซี่ยงไฮ้
คอลเล็กชันดังกล่าวนี้ นอกจากจะส่งผลดีในแง่ธุรกิจที่ขยายฐานผู้บริโภคของแบรนด์ไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ และเปิดประตูให้กับกลุ่มผู้บริโภคที่มีความหลากหลายโดยเฉพาะกลุ่ม BIPOC แล้ว ยังเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของนักกีฬาต่อวงการแฟชั่นว่าพวกเขาก็สามารถเป็นสไตล์ไอคอน และผลักดันมุมมองใหม่ๆ ได้เช่นกัน
DIOR GLOBAL BRAND AMBASSADOR
อีกหนึ่งการร่วมงานครั้งสำคัญระหว่างนักแข่งระดับตำนานกับแบรนด์แฟชั่นลักชัวรีที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้คือ การประกาศจาก Dior เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2024 ที่แต่งตั้งให้เขาเป็นโกลบอลแอมบาสเดอร์ พร้อมระบุว่า Lewis Hamilton จะร่วมเป็น Guest Designer สำหรับคอลเล็กชันพิเศษร่วมกับ Kim Jones โดยหยิบยกแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมแอฟริกาและกีฬาเอ็กซ์ตรีมในฤดูหนาวมาผสมผสานกัน เสื้อผ้าในคอลเล็กชันนี้จึงเน้นที่ไอเท็มฤดูหนาว ไม่ว่าจะเป็นสเวตเตอร์ แจ็กเกต นิตแวร์ ซึ่งผลิตขึ้นจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกว่า 80% และใช้ผ้าทอแอฟริกันจากช่างทอพื้นบ้าน ส่วนสินค้าไลฟ์สไตล์นั้นโฟกัสที่ความชอบส่วนตัวของเขาที่มีต่อกีฬาสกีสำหรับฤดูหนาว ถ่ายทอดออกมาเป็นชุดและอุปกรณ์ที่หรูหราตามสไตล์ Dior และครบครันด้วยฟังก์ชันจากเทคนิคล้ำสมัยในการผลิต นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวรองเท้าสนีกเกอร์รุ่นลิมิเต็ดเอดิชัน ‘B44 Blade’ ที่มีการผลิตจำนวนจำกัดเพียง 1,947 คู่ทั่วโลก จากฝีมือการดีไซน์ร่วมกันระหว่าง Lewis และ Dior ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากความเร็วและความล้ำสมัยของรถแข่ง F1 นั่นเอง
LULULEMON AMBASSADOR
ในปี 2025 นี้ ชื่อเสียงของ Lewis Hamilton ยังคงโด่งดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้รับอีกหนึ่งตำแหน่งสำคัญของ Lululemon แบรนด์แอ็กทีฟแวร์จากแคนาดา กับการเป็นโกลบอลแอมบาสเดอร์ที่จะมีบทบาททำงานร่วมกับทีมวิจัยและพัฒนาของ Lululemon ทั้งด้านข้อมูลเชิงลึกและให้คำแนะนำ เพื่อร่วมออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในคอลเล็กชันเสื้อผ้าทั้งฝั่งกีฬาแลไลฟ์สไตล์ เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานจริงมากที่สุด พร้อมปล่อยแคมเปญ No Holding Back เพื่อชูความโดดเด่นของคอลเล็กชันเสื้อผ้าผู้ชายล่าสุดของแบรนด์ รวมถึงสินค้าตระกูล Metal Vent Tech ที่ขึ้นชื่อด้านประสิทธิภาพและดีไซน์ที่ตอบโจทย์นักกีฬา โดยการร่วมมือครั้งนี้ยังถือเป็นก้าวสำคัญของ Lululemon ในการขยายตลาดไปยังผู้ชายและนักกีฬามืออาชีพโดยเฉพาะวงการมอเตอร์สปอร์ต และบ่งบอกถึงอิทธิพลของแฮมิลตันที่มีผลต่อการเลือกซื้อของผู้บริโภคในวงกว้าง
OTHER COLLABORATIONS
นอกเหนือจากความร่วมมือกับทั้ง 3 แบรนด์ใหญ่ในฐานะโกลบอลแอมบาสเดอร์ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว Lewis Hamilton ยังได้แสดงความคิดสร้างสรรค์และวิสัยทัศน์ทางแฟชั่นผ่านแบรนด์ของเขาเองในชื่อ ‘+44’ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแฟชั่นที่เน้นความหลากหลาย ความยั่งยืน และการส่งเสริมเสียงของกลุ่มคนที่มักถูกมองข้าม ซึ่งมีการคอลลาบอเรชันที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน อาทิ การจับมือกับศิลปินระดับโลก Takashi Murakami จากญี่ปุ่น ออกมาเป็นคอลเล็กชัน Psychedelic Speed Demon ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโลกของอนิเมะและมังงะในปี 2022 และอีกหนึ่งคอลเล็กชันในปีต่อมา The Vegas Trip ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งขัน Formula 1 ที่ลาสเวกัส อีกทั้งยังร่วมมือกับ Hajime Sorayama ศิลปินและนักวาดภาพประกอบชาวญี่ปุ่นที่โด่งดังจากสไตล์ Futuristic ผสมผสานกับ Hyperrealism ในการสร้างสรรค์แคปซูลคอลเลกชัน INFINITY ภายใต้แบรนด์ +44
นอกจากนี้สำหรับทางฝั่งแอ็กเซสซอรี ในช่วงที่ Lewis แข่งให้กับทีม Mercedes-AMG Petronas เขายังได้ร่วมงานกับแบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิส IWC Schaffhausen ในการออกแบบนาฬิกาในรุ่นพิเศษ โดยรุ่นที่โดดเด่นที่สุดคือ Big Pilot’s Watch Perpetual Calendar ‘Lewis Hamilton’ Edition ที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 100 เรือนทั่วโลกนั่นเอง
MET GALA CO-CHAIR
และอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญอันใกล้ที่สะท้อนถึงอิทธิพลของเขาต่อวงการแฟชั่นระดับโลก คือการที่ชื่อ Lewis Hamilton ถูกประกาศว่าเป็น Co-chair อย่างเป็นทางการสำหรับงาน MET Gala 2025 ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันนี้ ร่วมกับ Anna Wintour และบุคคลผู้มีชื่อเสียงจากวงการบันเทิงอีก 3 ท่านอย่าง Colman Domingo, A$AP Rocky และ Pharrell Williams ซึ่งจัดขึ้นภายใต้ธีมนิทรรศการประจำปีอย่าง ‘Superfine: Tailoring Black Style’ โดยเน้นการนำเสนอวิวัฒนาการการแต่งกายที่บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ของบุรุษผิวดำ และมีเดรสโค้ดสำหรับเหล่าคนดังที่จะมาอวดโฉมบนพรมแดงว่า ‘Tailored for You’ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ล้วนสอดคล้องกับบทบาทในการผลักดันความหลากหลายและความเท่าเทียมผ่านแฟชั่น ที่ Lewis เดินหน้าทำมาอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา และด้วยเหตุนี้เอง Lewis จึงถูกเลือกให้ปรากฏตัวบนปกนิตยสาร Vogue ของอเมริกา ฉบับเดือนพฤษภาคม ร่วมกับ Co-chair คนอื่นๆ ตอกย้ำอิทธิพลของเขาที่สร้างแรงกระเพื่อมต่อวงการแฟชั่นอย่างแท้จริง