เหล่า Little Monsters ทั้งหลายน่าจะดีใจกับการกลับมาอีกครั้งของ Mother Monster อย่าง Lady Gaga กับสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 7 ที่มีกำหนดวางขายในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ซึ่งล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้เธอปล่อยซิงเกิลแรกในชื่อ Disease เพลงที่ให้กลิ่นอายสไตล์เฮฟวีเมทัลผสมป๊อปแบบที่เธอเคยทำมาแล้วในอัลบั้ม Born This Way พร้อมมิวสิกวิดีโอแนวดาร์กที่หลายคนคิดถึง
สำหรับ Stefani Joanne Angelina Germanotta หรือ Lady Gaga เราคงไม่ต้องเกริ่นอะไรไปมากกว่านี้ เธอถือเป็นหนึ่งในศิลปินหญิงที่ประสบความสำเร็จที่สุดในศตวรรษที่ 21 กับรางวัลดนตรีมากมาย รวมถึงการทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกให้เหล่าแฟนคลับนับล้านคนได้ประจักษ์ นอกจากงานเพลงแล้ว Lady Gaga ยังเป็นผู้นำด้านแฟชั่น โดยเฉพาะสไตล์แบบสุดโต่งอาว็องการ์ดเอกลักษณ์ที่สร้างชื่อเสียงให้เธอในวงการแฟชั่น
เพื่อต้อนรับการกลับมาของ Lady Gaga กับเพลงใหม่ล่าสุดของเธอ วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูวิวัฒนาการด้านแฟชั่นของเธอผ่านมิวสิกวิดีโอในแต่ละยุคกัน
PAPARAZZI
หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงจากซิงเกิล Just Dance, Poker Face และ LoveGame เธอปล่อยซิงเกิล Paparazzi เป็นลำดับต่อไป ซึ่งมิวสิกวิดีโอเพลงนี้กลายเป็นไวรัลทันทีจากสไตล์อันสุดโต่งของเธอ รวมถึงเนื้อหาของมิวสิกวิดีโอที่ตีแผ่ชีวิตคนดังที่คลั่งไคล้การมีชื่อเสียง สำหรับมิวสิกวิดีโอนี้ได้ผู้กำกับอย่าง Jonas Åkerlund มาช่วยกำกับ และ Bea Åkerlund ภรรยาของเขา มาช่วยดูแลเสื้อผ้าทั้งหมด ในมิวสิกวิดีโอนี้ Lady Gaga ได้ใส่ชุดอาร์ไคฟ์จากแบรนด์ Mugler มากถึง 5 ชุด โดยชุดที่โดดเด่นที่สุดคงไม่พ้นชุดเกราะเมทัลลิกที่เธอสวมออกมาพร้อมไม้ค้ำ อีกหนึ่งดีไซเนอร์ที่เธอเลือกใช้ในเพลงนี้หลายซีนก็คือ Jeremy Scott โดยมีเดรสหนูสีเหลืองในซีนผสมยาพิษเป็นชุดที่หลายคนกล่าวถึง และปิดท้ายด้วยเดรสคอร์เซ็ตเมทัลลิกจาก Dolce & Gabbana คอลเล็กชัน Spring/Summer 2007 ที่เธอใส่ตอนถูกจับ มิวสิกวิดีโอนี้ของเธอถือเป็นการเซ็ตมาตรฐานว่าที่แฟชั่นไอคอนของวงการเพลงเลย
BAD ROMANCE
Lady Gaga สร้างไวรัลผ่านเพลงสุดฮิตของเธออีกครั้งกับเพลง Bad Romance คราวนี้เธอได้ Francis Lawrence มาเป็นผู้กำกับ และได้สไตลิสต์คู่บุญอย่าง Nicola Formichetti มาดูแลเสื้อผ้าทั้งหมด เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ในมิวสิกวิดีโอนี้ 80% มาจากคอลเล็กชันสุดท้ายของ Alexander McQueen ที่เดินรันเวย์ฤดูกาล Spring/Summer 2010 ในชื่อ Plato’s Atlantis ไม่ว่าจะเป็นเดรสสีทองช่วงเปิดตัว เดรสสีดำที่เธอยืนร้องหน้ากระจก และบอดี้สูทเกล็ดงูสีรุ้ง Lady Gaga ยังนำรองเท้าส้นตึกรูปทรงประหลาดจากคอลเล็กชันดังกล่าวมาใส่ในหลายๆ ซีนอีกด้วย นอกจากนั้นเธอยังสวมชุดจาก Agent Provocateur, Burberry, Benjamin Cho และ Rachel Barrett โดยดีไซเนอร์คนหลังเป็นผู้ออกแบบชุดพลาสติกสีขาว ซึ่งเป็นชุดจากคอลเล็กชันจบการศึกษาของเธอ และเธอยังมีโอกาสออกแบบชุดนี้อีกครั้งในช่วงที่ Lady Gaga ออกทัวร์ทั่วโลกอีกด้วย
THE EDGE OF GLORY
อีกหนึ่งเพลงไฮไลต์จากอัลบั้ม Born This Way ซิงเกิลที่สามในชื่อว่า The Edge of Glory นอกจากจะผสมผสานระหว่างแนวเพลงร็อกและแจ๊สแล้ว มิวสิกวิดีโอยังทำออกมาได้น่าสนใจ โดยเฉพาะพาร์ตแฟชั่นที่เธอมีโอกาสร่วมงานกับ Sophia Phonsavahn และ Brandon Maxwell ซึ่งรายหลังกลายเป็นสไตลิสต์ประจำตัวของ Lady Gaga ในเวลาต่อมา รวมถึงยังได้ Nicola Formichetti มาช่วยออกแบบกำกับศิลป์ของมิวสิกวิดีโอ โดยชุดที่เธอเลือกใส่มาจากแบรนด์ Versace งานอาร์ไคฟ์จากคอลเล็กชัน ‘Miss S&M’ Fall/Winter 1992 ผลงานการออกแบบของ Gianni Versace ชุดหนังสุดเซ็กซี่ปักหมุดสีทองทั้งตัวและหัวเมดูซาสีทอง แม้ว่าภาพรวมของมิวสิกวิดีโอจะเรียบง่าย แต่แฟชั่นของเธอเป็นภาพที่ติดตาอย่างมาก
APPLAUSE
ซิงเกิลแรกจากอัลบั้ม ARTPOP ในปี 2013 ของเธอก็คือเพลง Applause ที่ได้ดูโอ้ช่างภาพแฟชั่นระดับตำนานอย่าง Inez & Vinoodh มาเป็นผู้กำกับมิวสิกวิดีโอ และยังเป็นการร่วมงานกับ Brandon Maxwell ในฐานะสไตลิสต์ประจำตัวของเธอ สำหรับเพลง Applause เน้นงานภาพที่สื่อถึงชื่ออัลบั้มอย่าง ARTPOP โดยนำงานศิลปะของศิลปินดังๆ มาใช้เป็นแรงบันดาลใจ ไม่แปลกเลยที่แฟชั่นของเธอคราวนี้จึงค่อนข้างหลากหลาย เพื่อถ่ายทอดตัวตนของเธอที่เปรียบได้กับงานศิลปะ เธอเลือกใช้แบรนด์ เช่น Maison Margiela, Mila Schön, Gareth Pugh, Olivier Theyskens, John Galliano รวมถึง Jean-Charles de Castelbajac ผู้ออกแบบ Glove-kini หรือชุดบิกินีรูปมือในฉากที่เธอเต้นกับแดนเซอร์นั่นเอง
MILLION REASONS
การร่วมงานกันอีกครั้งระหว่าง Lady Gaga และ Brandon Maxwell ในเพลง Million Reasons จากอัลบั้ม Joanne ในปี 2016 ซึ่งมิวสิกวิดีโอนี้ต่อเนื่องจากเพลงเปิดตัวอย่าง Perfect Illusion ซึ่งจบซีนด้วยชุดเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ขาสั้นจาก Levi’s ชุดไฮไลต์ของเพลงนี้เป็นชุดสูทสีชมพูสไตล์คาวบอยที่ได้ดีไซเนอร์หน้าใหม่อย่าง Alexander Lewis มาเป็นผู้ออกแบบและตัดให้ พร้อมหมวกคาวบอยสีชมพูจากแบรนด์ Gladys Tamez Millinery และรองเท้าส้นสูงสีชมพูนู้ดจาก Christian Louboutin เปิดศักราชแนวเพลงคันทรีของเธอแบบมีสไตล์
RAIN ON ME
Rain On Me ซิงเกิลลำดับที่สองจากอัลบั้ม Chromatica ที่ได้นักร้องสาวเสียงกังวานอย่าง Ariana Grande มาร่วมร้องด้วยจนเพลงเปิดตัวอันดับหนึ่งบนชาร์ต Billboard ได้สำเร็จ เพลงนี้ยังถือเป็นการโคจรมาร่วมงานกับ Nicola Formichetti อีกครั้งด้วยเช่นกัน ซึ่ง Nicola คราฟต์ลุคจากแบรนด์นิชจากหลากหลายที่เพื่อให้ได้ลุคที่สดใหม่สำหรับมิวสิกวิดีโอครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น Vex Clothing ผู้ออกแบบชุดลาเท็กซ์สีชมพูในช่วงแรกของเพลง, SSIK และ Jivomir Domoustchiev ผู้ออกแบบบอดี้สูทซิลิโคนสีชมพูและโซ่รัดตัวในช่วงที่เธอเต้นกับ Ariana และชุดสุดท้าย บอดี้สูทสีชมพูสุดเซ็กซี่จากแบรนด์ Garo Sparo เพื่อให้ภาพรวมของเพลงนี้ดูฟิวเจอริสติกติดแกลม
DISEASE
Disease ซิงเกิลใหม่ล่าสุดจาก Lady Gaga ที่หลายคนมองว่าเธอกำลังกลับมาที่รากเหง้าความดาร์กของเธออีกครั้ง มิวสิกวิดีโอนี้เธอเลือกใช้สไตลิสต์ดูโอ้ Nick Royal และ Peri Rosenzweig มาถ่ายทอดความดาร์กผ่านการเล่นเลเยอร์เสื้อผ้าจากดีไซเนอร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Charles de Vilmorin, Comme des Garçons, Yohji Yamamoto, Dilara Findikoglu, Maison Margiela และ Meruert Tolegen ที่ทั้งสองสไตลิสต์นำแต่ละชิ้นมาแมตช์ประกอบเป็นลุค Alter Ego ชุดดำของ Lady Gaga ในมิวสิกวิดีโอ ไม่ใช่แค่นั้น ในเพลงยังมีอีกหลายชุดที่ทั้ง Nick และ Peri สั่งตัดพิเศษสำหรับ Lady Gaga โดยเฉพาะ เช่น บอดี้สูทที่เธอสวมขณะกำลังเหยียบย่ำตัวเองอยู่ และเดรสผ้ามัดย้อมช่วงสุดท้าย มิวสิกวิดีโอนี้เป็นการกลับสู่คอนเซปต์อาว็องการ์ดของ Lady Gaga ที่เราคุ้นตาอย่างครบถ้วน ต้องมารอดูกันต่อว่าเธอจะสร้างไวรัลอะไรอีกจากอัลบั้ม LG7
ภาพ: Lady Gaga, Interscope Records