ไม่ใช่สไตล์ไอคอนทุกคนเสมอไปที่จะเป็นที่รักของคนจำนวนมาก แต่ ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ กลับเป็นที่รักของประชาชนทั่วโลก ทั้งในแง่ของบทบาททางสังคมและสไตล์การแต่งตัวที่ขึ้นแท่นคลาสสิกตลอดกาล ในฐานะพระชายาของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร เจ้าหญิงไดอานามักฉีกกฎและนำเทรนด์อยู่เสมอ พระองค์มักใช้ฉลองพระองค์ในการบอกเล่าถึงตัวตนและสร้างสเตทเมนต์บางอย่างให้กับตัวท่านเสมอ
จากสไตล์สุดเรียบร้อยวางตัวในช่วงดำรงตำแหน่งเจ้าหญิงแห่งเวลส์ ไปจนถึงการออกจากราชวงศ์วินด์เซอร์ที่พระองค์ได้กระชากภาพลักษณ์จากสาวหวานสู่ผู้หญิงเซ็กซี่ มั่นใจและโก้มากขึ้น ซึ่งสไตล์ของพระองค์นั้นนอกจากเข้าถึงได้แล้วยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงนับล้านทั่วโลกที่ชื่นชมความมั่นใจในบริบทใหม่ของพระองค์
เพื่อเป็นการต้อนรับซีซันใหม่ของซีรีส์ The Crown ทาง Netflix ในอีกไม่กี่วันที่ทุกคนรอคอย THE STANDARD POP ก็ขอพาทุกคนย้อนไปดูสไตล์ที่โลกจำของเจ้าหญิงที่คนทั้งโลกรักมากที่สุดอีกครั้งกัน
THAT WEDDING GOWN
งานแต่งงานแบบเทพนิยายได้เริ่มต้นขึ้นในเดือนกรกฎาคม ปี 1981 เมื่อเจ้าชายชาร์ลส์ได้ฤกษ์เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับ ไดอานา สเปนเซอร์ งานแต่งงานที่ถูกถ่ายทอดสดไปทั่วโลก และมีผู้ชมหลายล้านคนนั่งชมเป็นสักขีพยานความรักสุดโรแมนติกดั่งเทพนิยาย ฉลองพระองค์แต่งงานแบบเจ้าหญิงดิสนีย์ที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ David และ Elizabeth Emmanuel กลายเป็นแรงบันดาลของชุดเจ้าสาวทั่วโลกในเวลาต่อมา รวมถึงงานแต่งงานสุดอลังการชวนฝันที่กลายเป็นงานแต่งที่ถูกจดจำไปตลอดกาล และยังเป็นต้นแบบงานแต่งงานของผู้หญิงอีกหลายคนจวบจนถึงทุกวันนี้
NORMCORE LEADER
หนึ่งในฉลองพระองค์ที่ถูกก๊อบปี้มากที่สุดของเจ้าหญิงไดอานาเกิดขึ้นในช่วงปี 1988 ที่งานแข่งโปโล พร้อมสไตล์แคชชวลลุคสุดชิคที่เกิดจากการมิกซ์แอนด์แมตช์เสื้อสเวตเชิ้ต กางเกงยีนส์ สูทโอเวอร์ไซส์ และรองเท้าคาวบอยบู๊ต ที่เซ็ตเทรนด์คูลๆ แบบ Normcore ก่อนที่จะเป็นกระแสในศตวรรษที่ 21 โดย Phoebe Philo ที่ Celine หรือแม้แต่ Hedi Slimane ก็ยังนำลุคนี้กลับมาทำใหม่ในเวอร์ชันของยุคนี้ที่แบรนด์ Celine เช่นกัน ที่สำคัญฉลองพระองค์ลุคนี้ยังขึ้นแท่นกลายเป็นลุคไอคอนที่ได้รับความนิยมและถูกนำกลับมาสวมใส่อยู่เรื่อยๆ จวบจนปัจจุบันนี้
SPORTY CHIC
ฉลองพระองค์ไปยิมสุดไอคอนิกของเจ้าหญิงไดอานาที่กลายเป็นยูนิฟอร์มของผู้หญิงในยุค 90 สเวตเชิ้ตตัวโคร่งแมตช์ด้วยกางเกงขาสั้นไบซิเคิลและรองเท้าผ้าใบ กลายเป็นยูนิฟอร์มสุดชิคของเซเลบริตี้ยุคใหม่นี้ เช่น Hailey Bieber หรือ Kendall Jenner แถมกางเกงรัดรูปไบซิเคิลนี้ยังเคยเป็นเทรนด์หลักของปี 2020 มาแล้ว แน่นอนว่าแรงบันดาลใจหลักของไอเท็มชิ้นนี้มาจากฉลองพระองค์ลุคไปยิมของเจ้าหญิงไดอานาที่เข้าใจง่ายและคลาสสิกมากๆ
BLACK SHEEP SWEATER VIBES
ไม่ว่าจะตั้งใจหรือแค่เรื่องบังเอิญก็ตาม แต่ฉลองพระองค์ของเจ้าหญิงไดอานาที่งานแข่งโปโลปี 1981 สร้างเฮดไลน์ไปทั่วอังกฤษ เมื่อเสื้อสเวตเตอร์สีแดงลายแกะสีขาวที่มองดีๆ จะเห็นแกะสีดำปรากฏตรงกลางเสื้อ ซึ่งหลายคนเดาว่าพระองค์กำลังบอกสถานะของพระองค์เองผ่านเสื้อผ้าในช่วงที่มีข่าวหนาหูว่าพระองค์ไม่สามารถเข้ากับราชวงศ์วินด์เซอร์ได้ ไม่ว่าเบื้องหลังจะเป็นอย่างไรก็ตาม ฉลองพระองค์นี้ของเจ้าหญิงไดอานาก็ดูน่ารักและแอบเก๋มากๆ ถือเป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่คนมักหยิบนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งตัวในยุคใหม่นี้
CANNES MOMENT
ในงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 1987 เจ้าชายชาร์ลส์และเจ้าหญิงไดอานาถูกเชิญให้เสด็จร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์ A Whales of August ถือเป็นงานคานส์ครั้งแรกและครั้งเดียวของเจ้าหญิงไดอานา นอกจากการปรากฏตัวเจอสื่อมวลชนแล้ว สิ่งที่ทำให้หลายคนต้องอ้าปากค้างคือฉลองพระองค์สีฟ้าเบบี้บลูราวกับเจ้าหญิงโรมัน ซึ่งฉลองพระองค์นี้ถูกดีไซน์โดยดีไซเนอร์คู่ใจของพระองค์ Catherine Walker นั่นเอง โดยฉลองพระองค์นี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเพื่อนเจ้าหญิงและนักแสดงคนสนิท Grace Kelly จากภาพยนตร์ To Catch a Thief ในปี 1955 จนกลายเป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่คนจดจำพระองค์มากที่สุด
LADY DIOR PHENOMENON
ไอเท็มชิ้นไอคอนิกที่ยังคงโด่งดังและเป็นที่ต้องการจวบจนทุกวันนี้จะต้องมีชื่อของกระเป๋าสุดคลาสสิกอย่าง Lady Dior อยู่อย่างไม่ต้องสงสัย ทุกอย่างเกิดขึ้นในปี 1995 เมื่อเจ้าหญิงไดอานาเสด็จเยือนกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และได้พบปะสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส Bernadette Chirac ซึ่งเธอได้มอบของขวัญเป็นกระเป๋าถือจากแบรนด์ Christian Dior ซึ่งดีไซเนอร์ John Galliano เป็นผู้ออกแบบ ต่อมาพระองค์ได้ถือกระเป๋าใบดังกล่าวขณะปฏิบัติภารกิจหน้าที่จนถูกปาปารัซซีถ่ายภาพอยู่บ่อยครั้ง และสร้างยอดขายสูงมากกว่า 200,000 ใบ ในระยะเวลาแค่ 2 ปีเท่านั้น จน Dior ต้องตั้งชื่อใหม่ให้กับกระเป๋าใบนี้ในชื่อ Lady Dior
THE REVENGE DRESS
Little Black Dress ฉลองพระองค์สุดสตรองของเจ้าหญิงไดอานาที่เลือกใส่ไปร่วมงานเลี้ยงของ Vanity Fair จุดเปลี่ยนของฉลองพระองค์ลุคนี้นอกจากจะเป็นการกระชากภาพจำช่วงที่พระองค์อยู่ในวังแล้วนั้น ยังเป็นฉลองพระองค์ที่เลือกสวมใส่หลังจากที่เจ้าชายชาร์ลส์ได้สารภาพกับสื่อว่าเป็นชู้กับ Camilla Paker Bolwes ในวันนั้นอีกด้วย เดรสดำสุดเซ็กซี่ตัวนี้จึงถูกขนามนามว่า ‘The Revenge Dress’ เพราะทั้งสไตล์และจังหวะมันช่างเหมาะเจาะเป็นอย่างมาก LBD จึงกลายเป็นเดรสโค้ดต้นตำรับการแก้แค้นของสาวๆ ไปทั่วโลก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- 7 Things We Love About Hailey Bieber ผู้หญิงที่เป็นมากกว่าแค่ภรรยาศิลปินชื่อดัง
- 7 THINGS WE LOVE ABOUT BLACKPINK’S FASHION ศิลปินกลุ่มที่มีอิทธิพลมากสุดในวงการแฟชั่น