การได้งานใหม่นับเป็นข่าวดี แต่อีกด่านสำคัญก็คือ ‘การเจรจาต่อรองเงินเดือน’ ความกลัวที่ว่าหากเรียกเงินเดือนสูงเกินไปอาจทำให้พลาดงาน หรือถ้ายอมรับข้อเสนอทันทีอาจทำให้เสียดายทีหลัง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เสมอ
แต่อย่าปล่อยให้ความกลัวมาปิดกั้นโอกาสของเรา การเจรจาเงินเดือนไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็น ‘สิทธิ’ ที่เราควรทำความเข้าใจและเตรียมตัวให้พร้อม
เพราะฐานเงินเดือนปัจจุบัน คือบันไดขั้นแรกที่จะส่งผลต่ออนาคตการเงินของเราไปอีกนาน ไม่ว่าจะเป็นการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปี, การคำนวณโบนัส หรือแม้แต่ตอนที่เราย้ายงานในอนาคต บริษัทใหม่ก็มักจะใช้ฐานเงินเดือนเดิมของเราเป็นจุดอ้างอิง
และนี่คือ 7 เทคนิคที่จะช่วยให้เจรจาต่อรองเงินเดือนได้อย่างมั่นใจ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สมเหตุสมผลกับคุณค่าและความสามารถของเรา
1. อ่านสถานการณ์ให้ออก เริ่มเจรจาเมื่อได้เปรียบ
จังหวะที่ดีที่สุดในการเริ่มเจรจา คือ หลังจากที่เราได้รับข้อเสนองานอย่างเป็นทางการแล้ว
ณ จุดนี้ คือจุดที่นายจ้างแสดงความสนใจอย่างชัดเจนว่า ‘อยากได้เรา’ มาร่วมทีม บริษัทได้ลงทุนทั้งเวลาและทรัพยากรในการสัมภาษณ์ไปแล้ว การต่อรองของเราจึงมีน้ำหนักมากขึ้น
นอกจากนี้ สังเกตด้วยว่าเรากำลังคุยกับใคร คนนั้นมีอำนาจตัดสินใจหรือไม่? (เช่น หัวหน้าแผนกโดยตรง หรือ ผู้จัดการฝ่ายบุคคล) หากเป็น HR ที่ไม่มีอำนาจตัดสินใจ ให้พยายามพูดคุยกับคนที่มีอำนาจสูงกว่า การคุยกับคนที่ใช่จะช่วยให้การเจรจาจบเร็วและมีประสิทธิภาพ
2. ทำการบ้าน ข้อมูลคืออาวุธสำคัญ
อย่าต่อรองด้วยความรู้สึก แต่จงต่อรองด้วย ‘ข้อมูล’ การมีข้อมูลสนับสนุนจะทำให้ข้อเรียกร้องของเราน่าเชื่อถือ
จงรวบรวมข้อมูลเงินเดือน ค้นหาว่าตำแหน่งงานของเรา ในอุตสาหกรรมเดียวกัน มีอัตราเงินเดือนในตลาดอยู่ที่เท่าไหร่ เว็บไซต์หางาน หรือแพลตฟอร์มอย่าง LinkedIn, JobsDB สามารถช่วยได้
ให้ประเมินตัวเองว่า ทักษะ, ความเชี่ยวชาญ และ ประสบการณ์ ของเรา เป็นที่ต้องการของตลาดหรือไม่? ประสบการณ์ 3 ปี กับ 10 ปี ย่อมได้เรทไม่เท่ากัน
จากนั้น ควรกำหนด ‘ช่วงเงินเดือน’ ในใจไว้ 3 ตัวเลข คือ ตัวเลขขั้นต่ำที่รับได้ (ห้ามต่ำกว่านี้), ตัวเลขที่คาดหวัง และ ตัวเลขในฝัน (เผื่อต่อรอง)
3. เตรียมกลยุทธ์ว่า ทำไมต้องจ้างราคานี้
การต่อรองไม่ใช่การขอเงินเพิ่ม แต่คือการนำเสนอว่า ‘คุณค่า’ ที่เราจะมอบให้บริษัทนั้น คุ้มค่ากับตัวเลขที่ร้องขอ ควรเตรียมชุดข้อมูลที่เป็นจุดแข็งของเราและตอบโจทย์บริษัท
- ความสำเร็จ: เราเคยทำโปรเจกต์อะไรสำเร็จบ้าง? ช่วยลดต้นทุน หรือเพิ่มยอดขายให้ที่เก่าได้เท่าไหร่? ประสบการณ์ หรือทักษะเฉพาะทางที่โดดเด่น
- ใบรับรอง (Certificates): การมีใบรับรองเฉพาะทางช่วยเพิ่มแต้มต่อได้
- กรณีเปลี่ยนสายงาน: ถ้าสมัครงานไม่ตรงสาย ให้เน้นว่าเราจะ ‘ประยุกต์’ ความเชี่ยวชาญเดิมมาสร้างประโยชน์ให้งานใหม่ได้อย่างไร
4. ไม่ใช่แค่เงินเดือน แต่มองผลตอบแทนทั้งหมด
หากบริษัทไม่สามารถให้ตัวเลขเงินเดือนที่เราพอใจได้ 100% อย่าเพิ่งปิดดีล ลองพิจารณา ‘ผลประโยชน์และสวัสดิการอื่น’
- โบนัส (การันตีหรือไม่)
- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
- ชั่วโมงการทำงาน (เช่น ทำงานแบบ Hybrid, เวลาเข้าออกงานที่ยืดหยุ่น)
- วันลาพักร้อน
- สวัสดิการอื่นๆ (ค่ารักษาพยาบาล, ฟิตเนส, ค่าเดินทาง)
- งบประมาณในการอบรมพัฒนาตนเอง (Training Budget)
บางครั้ง สวัสดิการเหล่านี้อาจมีมูลค่ามากกว่าตัวเลขเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
5. อย่าต่อรองยืดเยื้อ ปิดเกมให้ไวและมีหลักฐาน
การเจรจาที่ดีควรจบภายในไม่กี่ครั้ง (เช่น การคุยโทรศัพท์ 1 ครั้ง และอีเมลยืนยัน 1-2 ฉบับ) การต่อรองที่ยืดเยื้อเกินไปอาจสร้างความรู้สึกไม่ดีต่อกันก่อนที่จะเริ่มงานด้วยซ้ำ จงเตรียมพร้อมข้อมูลและข้อเสนอของเราให้ชัดเจนตั้งแต่แรก
สิ่งสำคัญคือ เมื่อตกลงเรทค่าตอบแทนกันได้แล้ว ต้องเก็บหลักฐานข้อตกลงเงินเดือนเป็นลายลักษณ์อักษรเสมอ ไม่ว่าจะเป็นอีเมลยืนยัน หรือการระบุในสัญญาจ้างงาน ห้ามตกลงด้วยปากเปล่าเด็ดขาด
6. เตรียมตัวสำหรับคำถาม (ที่อาจอึดอัด)
ในระหว่างการเจรจา นายจ้างหรือผู้สัมภาษณ์อาจซักถามเพื่อประเมินสถานการณ์ของเราเพื่อการตัดสินใจ เช่น
- “พร้อมเริ่มงานเมื่อไหร่?” : ตอบตามจริง และเผื่อเวลาสำหรับการลาออกตามกฎหมาย (ปกติ 30 วัน)
- “มีข้อเสนอจากบริษัทอื่นหรือไม่?” : หากมี ไม่จำเป็นต้องโกหก การที่บอกว่ามีที่อื่นสนใจเราอยู่ อาจช่วยเพิ่มน้ำหนักต่อรองให้เราได้
- “เงินเดือนที่คาดหวังมาจากฐานคิดอะไร?” : นี่เป็นโอกาสดีที่จะได้ขายความสามารถของตัวเอง
คำแนะนำที่ดีที่สุดคือ ความซื่อสัตย์ การโกหกเรื่องความสำเร็จหรือข้อเสนอจากที่อื่น (ทั้งที่ไม่มีจริง) อาจทำลายความน่าเชื่อถือของเราทันทีหากถูกจับได้
7. จบการเจรจาด้วยความเป็นมืออาชีพ
ไม่ว่าผลลัพธ์การเจรจาจะออกมาเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญคือการรักษาความเป็นมืออาชีพไว้จนถึงที่สุด วงการไอที, การตลาด, หรืองานสายอื่น ๆ นั้น ‘เล็กกว่าที่คิด’ อย่าเผาอนาคตตัวเองด้วยการแสดงอารมณ์ไม่พอใจ
- หากสมหวัง: ขอบคุณอย่างจริงใจ และแสดงความกระตือรือร้นที่จะได้เริ่มงาน
- หากถูกปฏิเสธ (หรือไม่สามารถตกลงกันได้): อย่าแสดงอารมณ์ไม่พอใจ ให้ปฏิเสธอย่างสุภาพ และขอบคุณสำหรับเวลาและโอกาสที่มอบให้ เพราะโลกการทำงานนั้นกลม ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจมีตำแหน่งอื่นที่เหมาะสมกว่าเปิดรับ และเขาก็อาจนึกถึงเราเป็นคนแรก
การหางานใหม่เป็นเรื่องที่ท้าทาย และการเจรจาเงินเดือนก็เช่นกัน แต่อย่าท้อถอยที่จะเรียกร้องในสิ่งที่เราคู่ควร และที่สำคัญที่สุด อย่าประเมินคุณค่าและความสามารถของตัวเองต่ำเกินไป การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้เราได้งานที่ใช่ ในผลตอบแทนที่เราคู่ควร
ภาพ: Peter Cade/Getty Images
อ้างอิง:


