กระเป๋าแบรนด์แนมกลายเป็นหนึ่งในสินทรัพย์สุดฮอตในช่วงที่ตลาดหุ้นและค่าเงินผันผวน เพราะจากการศึกษาของ Business of Fashion ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่าผู้บริโภคชาวอเมริกันกว่า 40% ซื้อและวางแผนว่าจะซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมไว้ครอบครอง ทำให้มูลค่าตลาดพุ่งสูงถึง 72,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ และคาดว่าจะพุ่งไป 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2026
นอกจากจะซื้อไปสะพายเพื่อความสวยงามแล้ว กระเป๋าแบรนด์เนมยังให้ผลตอบแทนที่น่าประทับใจเมื่อนำไปขายในตลาดมือสอง โดยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Credit Suisse Group AG บริษัทด้านการเงินและการลงทุนรายงานว่า กระเป๋าแบรนด์เนมมีค่าความผันผวนอยู่ที่ 2.5-5% ต่อปี และกระเป๋าหลายรุ่นสร้างผลตอบแทนอย่างน่าประทับใจ ตัวอย่างเช่น กระเป๋า Chanel มีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 24.5% จากปีก่อนหน้า
บทความที่เกี่ยวข้อง
- 6 กระเป๋าที่ ‘คุ้มค่าแก่การซื้อ’ เพราะไม่ใช่แค่ถูกใจ แต่ยังเป็นการลงทุนชั้นดีอีกด้วย!
- กระเป๋าหรูพากันขึ้นราคา แต่ยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าถ้าเลือกถูกใบ
- ความอัดอั้นเป็นเหตุ! นักช้อปจีนควักกระเป๋าซื้อนาฬิกา-เครื่องสำอาง ดันยอดขายแบรนด์ดัง-เพิ่มทราฟฟิกห้างกว่า 80%
และจากการวิจัยของ The RealReal เว็บไซต์ขายต่อชื่อดังเมื่อเดือนสิงหาคม พบว่า 41% ของผู้ซื้อกระเป๋าคือเหล่า Gen Z และนักช้อปรุ่นมิลเลนเนียล โดย Gen Z เป็นกลุ่มอายุที่ซื้อเร็วที่สุด และพยายามเปลี่ยนสินค้าอย่างรวดเร็วเพื่อทำกำไร
ปัจจุบันราคาของกระเป๋ามีตั้งแต่ราวๆ 50,000 บาท สำหรับกระเป๋า Goyard ขนาดเล็กไปจนถึงมากกว่า 1.84 ล้านบาท สำหรับ Birkin หนัง Exotic หายาก แต่ใบไหนที่คุ้มค่ากับการลงทุน ลองไปสำรวจกระเป๋า 7 รุ่นที่ทำราคาได้อย่างน่าสนใจในตลาดรีเซลกันดีกว่า
Goyard Plumet Pocket Wallet ราคาประมาณ 48,300 บาท
ความพิเศษของ Goyard คือการเข้าถึงยาก เพราะเป็นแบรนด์ที่แทบไม่มีโฆษณา ไม่มีการขายในระบบออนไลน์อย่างเป็นทางการ และมีร้านค้าไม่กี่แห่งในบางเมือง อีกทั้งทางร้านก็ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพของในร้านด้วย ดังนั้นทางเดียวที่เป็นเจ้าของได้คือเดินทางไปซื้อเอง หรือไม่ก็ต้องเสาะหาในตลาดรีเซล ซึ่งชิ้นที่น่าลงทุนคือรุ่น Plumet Pocket Wallet นอกจากเป็นกระเป๋าสตางค์แล้ว ยังทำเป็นกระเป๋าสะพายข้างได้อีกด้วย เปิดตัวครั้งแรกในปี 2018 ด้วยราคาราวๆ 39,800 บาท ปัจจุบันราคาขายปลีกอยู่ที่ราวๆ 48,300 บาท
Bottega Veneta Mini Jodie ราคาประมาณ 92,000 บาท
ถึงจะไม่ใช่แบรนด์ที่หวือหวา แต่ Bottega Veneta ปรับราคาขายปลีกเพิ่มขึ้นอย่างเงียบๆ เกือบ 40% ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าจะสะท้อนราคาขายต่อในอนาคต Daniel Lee ดีไซเนอร์ชาวอังกฤษกุมบังเหียนเป็นครีเอทีฟไดเรกเตอร์เข้ารับตำแหน่งเพียง 3 ปี (เขาเพิ่งออกจากตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายนเมื่อปีที่แล้ว) แต่ทำให้ยอดขายกระเป๋า Bottega ในตลาดรองเพิ่มสูงขึ้นมาก อย่างใน Fashionphile เว็บไซต์ขายกระเป๋ามือสองก็เพิ่มขึ้นถึง 242% โดย Bottega Veneta Mini Jodie ที่เปิดตัวในปี 2020 มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 22% ในช่วงสองปีที่ผ่านมา
Gucci Jackie Hobo ราคาประมาณ 105,000 บาท
โด่งดังในฐานะกระเป๋าประจำกายของ Jackie Kennedy อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งของอเมริกา และมักจะถูกนำมาตีความใหม่โดยครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของ Gucci อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น Tom Ford, Frida Giannini และ Alessandro Michele ทำให้กระเป๋ารุ่นนี้รักษาระดับราคาไว้ได้ดีเมื่อเวลาผ่านไป โดย Rebag เว็บไซต์ขายต่อชื่อดังประมาณการว่า Gucci Jackie 1961 Hobo ขนาดกลางรุ่น GG Supreme Canvas มีราคาอยู่ที่ 85,600-95,000 บาท ขณะที่รุ่นใหม่ๆ ราคาหน้าร้านอยู่ที่ราวๆ 105,000 บาท
Chanel Classic Flap ราคาประมาณ 222,000 บาท
กระเป๋าคลาสสิกที่เปิดตัวในปี 1989 และเป็นกระเป๋าคู่กายของเจ้าหญิงไดอานาผู้ล่วงลับ กระเป๋าใบนี้จึงมีชื่อเรียกเล่นๆ ว่า Chanel Diana รุ่นที่น่าสะสมคือรุ่นฮาร์ดแวร์ทอง 24k หนังลูกแกะ โดยมีเวอร์ชันที่รีบูตในปี 2015 แต่รุ่นคลาสสิกเป็นที่นิยมสำหรับนักสะสมมากกว่าราคาใบขนาดกลางที่เว็บไซต์ Rebag อยู่ที่ราวๆ 222,000 บาท
Louis Vuitton Monogramouflage Speedy ราคาประมาณ 282,000 บาท
ผลงานความร่วมมือระหว่างศิลปินชาวญี่ปุ่น Takashi Murakami และ Marc Jacobs ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Louis Vuitton ในขณะนั้น เรียกได้ว่าเป็นยุคที่ LV กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โดยการวางจัดจำหน่ายอย่างจำกัด ทำให้กระเป๋ารุ่นนี้ราคาทะยานขึ้นจาก 56,500 บาทเมื่อจำหน่ายครั้งแรก สู่ 282,000 บาทในช่วง 14 ปีที่ผ่านมา
Hermès Kelly ราคาประมาณ 554,000 บาท
กระเป๋าเปิดตัวตั้งแต่ปี 1930 แต่มาได้ชื่อเล่นและกลายเป็นชื่ออย่างเป็นทางการในภายหลังว่า Kelly หลังจากเจ้าหญิงเกรซ เคลลี ใช้กระเป๋าใบนี้ปิดหน้าท้องขณะทรงพระครรภ์เมื่อปี 1956 โดยสีที่น่าสะสมเก็งกำไรคือ สีดำฮาร์ดแวร์สีทอง เพราะความคลาสสิกอยู่เหนือกาลเวลา ราคาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 358,000-554,000 บาท สำหรับขนาด 35 เซนติเมตร ในตลาดรีเซล
Hermès So Black Birkin ราคาประมาณ 6.5 ล้านบาท
Hermès So Black Birkin เป็นรุ่นลิมิเต็ดเอดิชันจากฝีมือการออกแบบของ Jean Paul Gaultier อดีตครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของ Hermès โดยทั้งฮาร์ดแวร์และหนังเป็นสีดำ และคาดว่าจะไม่มีรุ่นนี้ออกมาอีก ทำให้ในปี 2018 กระเป๋าหนังจระเข้ในรุ่นนี้เคยทำราคาได้สูงถึง 7.6 ล้านบาท จากการประมูลที่สถาบัน Christie’s ฮ่องกง ส่วนราคาในตลาดมือสองสำหรับกระเป๋า Matte Alligator ขนาด 35 เซนติเมตร มีราคาอยู่ที่ 6.5 ล้านบาท ขณะที่รุ่นหนังธรรมดาขนาด 30 เซนติเมตร ราคาอยู่ที่ราวๆ 2.7 ล้านบาท
ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร
อ้างอิง: