×

7 ตัวแทนภาคธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยื่นจดหมาย ศบค. ปลดล็อกห้ามขายสุรา ชี้ได้รับผลกระทบ หลายร้านปิดกิจการ

โดย THE STANDARD TEAM
27.04.2020
  • LOADING...

วันนี้ (27 เมษายน) กลุ่มภาคธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และตัวแทนผู้ประกอบการร้านอาหารกึ่งผับบาร์ นำโดย นิติพันธุ์ ครุธทิน ตัวแทนชมรมผู้ประกอบการร้านคราฟต์เบียร์ และอาชิระวัสส์ วรรณศรีสวัสดิ์ ตัวแทนชมรมผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายคราฟต์เบียร์ เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและประธานศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ ศบค. และภาครัฐรับทราบความเดือดร้อนในมุมผู้ประกอบการรายย่อยที่ประกอบธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเจ้าของธุรกิจร้านอาหารกึ่งผับบาร์ โดยขอให้มีมาตรการผ่อนปรนอนุญาตให้จำหน่ายแบบกลับบ้านเฉกเช่นอาหารทั่วไป โดยมี สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับเรื่อง ณ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

 

สำหรับรายละเอียดในหนังสือระบุว่า มากกว่า 30 วันที่ ศบค. ประกาศสั่งปิดผับ บาร์ และร้านอาหาร  อีกทั้งการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่สั่งขยายเวลาห้ามจำหน่ายสุราออกไปทั่วประเทศถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 นั้นส่งผลให้ภาคธุรกิจแอลกอฮอล์และผู้ประกอบการร้านค้าได้รับผลกระทบอย่างหนัก จนเกิดการรวมตัวกันของ 7 ตัวแทนจากสมาคมฯ และชมรมฯ ในภาคธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้แก่ สุรา ไวน์ คราฟต์เบียร์ และบาร์เทนเดอร์ ร่วมกันยื่นจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องขอมาตรการผ่อนปรนและการเยียวยาจากภาครัฐ โดยมีวัตถุประสงค์ให้ภาครัฐมองธุรกิจแอลกอฮอล์ในมิติของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการจ้างงาน โดยมีความยินดีจะปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านการสาธารณสุขของรัฐ และสนับสนุนมาตรการเคอร์ฟิวและการป้องปรามตรวจจับการมั่วสุมรายบุคคลมากกว่าการประกาศห้ามจำหน่ายสุราแบบเหมารวมทั้งประเทศ

 

จากตัวเลขการจัดเก็บภาษีเบียร์และสุราในปี 2562 ที่สรรพสามิตจัดเก็บภาษีเบียร์ได้ถึง 70,090 ล้านบาท ขณะที่สุราจัดเก็บได้ถึง 62,146 ล้านบาท รวมเป็นรายได้จากภาษีเบียร์และสุราทั้งสิ้น 132,236 ล้านบาท นำไปสู่การผันงบเพื่อพัฒนาประเทศ เช่น นำส่งกรุงเทพมหานครและหน่วยงานเทศบาล จำนวน 10% หรือ 14,100 ล้านบาท เพื่อเอาไปเป็นงบประมาณ, นำส่ง สสส., สมาคมกีฬา และคนชรา จำนวนที่ละ 2% หรือ 2,800 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ทำโครงการฯ ในหน่วยงานและสมาคมฯ, นำส่งสถานีไทยพีบีเอส จำนวน 1.5% หรือ 2,100 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายสถานี และนำส่งในรูปแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม จำนวน 7% หรือไม่ต่ำกว่า 11,500 ล้านบาท เพื่อนำไปเป็นงบประมาณรัฐ 

 

ทั้งหมดนี้รวมแล้วไม่ต่ำกว่าปีละ 177,000 ล้านบาทที่สร้างเงินหมุนเวียนในประเทศ ก่อให้เกิดการจ้างงาน การลงทุนของผู้ประกอบการรายย่อย การหมุนเวียนของห่วงโซ่อุปทาน เป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาคธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม ไปจนถึงการท่องเที่ยว

 

จากตัวเลขการจัดเก็บภาษีในปีที่ผ่านมานี้เอง จึงกลายเป็นคำถามจากภาคธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถึงมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการสั่งปิดร้าน สถานบันเทิง และการประกาศห้ามจำหน่ายสุรา ว่าภาครัฐจะมีมาตรการเยียวยาใดๆ ให้แก่ผู้เสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมายอย่างพวกตนบ้างหรือไม่

 

อาชิระวัสส์กล่าวถึงการขอให้รัฐพิจารณาผ่อนปรนมาตรการห้ามจำหน่ายสุราเพื่อต่อลมหายใจให้กับผู้ประกอบการรายย่อยที่ประกอบธุรกิจร้านอาหารแนวผับ บาร์ สถานบันเทิง และภาคธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ว่า 

 

“จากคู่มือเตรียมความพร้อมการเปิดธุรกิจของราชการที่ออกมา ทางเราอยากขอให้พิจารณาธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยอาศัยเกณฑ์ดังกล่าวด้วย อาจจะมีผู้ประกอบการบางประเภทที่อยู่ในกลุ่มสีแดง ก็ยินยอมหยุดดำเนินการ แต่ผู้ประกอบการบางรายที่อยู่ในกลุ่มสีเหลืองหรือกลุ่มสีเขียว อยากให้ทางราชการประเมินผู้ประกอบการกลุ่มนี้ตามหลักการในแบบเดียวกันกับธุรกิจอื่น โดยอาศัยอำนาจของผู้ว่าราชการในแต่ละจังหวัดเป็นผู้ประเมินเพื่อบรรเทาความเสียหายของธุรกิจ และยินดีที่จะปฏิบัติตามคู่มือรักษาความปลอดภัยป้องกันการแพร่เชื้อ”

 

  1. การขอมิให้มีการขยายเวลาห้ามจำหน่ายสุราออกไปหลังวันที่ 30 เมษายน 2563 อีก และขอให้ร้านที่มีใบอนุญาตจำหน่ายสุราสามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อซื้อกลับบ้านหรือส่งให้ถึงบ้านได้เหมือนอาหารประเภทอื่น

 

  1. ขอให้พิจารณาเรื่องการออกระเบียบปฏิบัติในการขอคืนภาษีและทำลายสินค้าสุราที่เสื่อมสภาพ เนื่องจากการสั่งห้ามเปิดร้านและสถานบันเทิงส่งผลแก่ผู้นำเข้าและผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยตรงที่ไม่สามารถจำหน่ายสินค้าออกจากสต๊อกได้ตามเวลาที่ควรจะเป็น ทำให้สินค้าที่นำเข้าหรือสั่งผลิตมาจำนวนมากบางประเภทกำลังจะหมดอายุ

 

  1. ขอให้พิจารณาผ่อนปรนเรื่องการขนย้ายสุราหากมีการห้ามจำหน่าย เนื่องจากคราฟต์เบียร์ ไวน์องุ่น และสุราแช่หลายชนิด เป็นสินค้าที่ต้องจัดเก็บตามอุณหภูมิที่กำหนด เมื่อมีการนำเข้ามาจึงต้องมีการชำระภาษีและขนย้ายเข้าไปเก็บที่คลังสินค้าของผู้ประกอบการให้เร็วที่สุด การประกาศห้ามขายส่ง (ใบอนุญาตขายสุราประเภทที่ 1) ทำให้ไม่สามารถนำสินค้าที่เสียภาษีแล้วไปเก็บในคลังของผู้ประกอบการได้ และเกิดภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการเช่าโกดัง รวมถึงปัญหาการควบคุมอุณหภูมิในเขตปลอดภาษี

        

โดยทั้งนี้หากมีการประกาศใดๆ จากภาครัฐ ขอให้มีการแจ้งล่วงหน้าเพื่อการเตรียมการ หรือมีความชัดเจนในเรื่องการขนส่งให้เสร็จสิ้นทันการณ์ เช่น ให้มีผลบังคับใช้หลังประกาศ 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน เพื่อให้สินค้าที่เปิดบิลในวันที่ประกาศได้ดำเนินการจัดส่งเสร็จสิ้นภายใน 3 วัน เป็นต้น

 

การขอผ่อนปรนและเรียกร้องมาตรการเยียวยาจากภาคธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งเสียงของผู้ที่ได้รับผลกระทบทางตรงที่ต้องการให้ภาครัฐมองอย่างใจเป็นกลางในมิติของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการจ้างงาน เพราะการที่ภาครัฐประกาศห้ามจำหน่ายสุราด้วยหวังจะป้องปรามการกระทำผิดเฉพาะบุคคล กำลังกลายเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้บริโภคทั้งประเทศที่เขาเองก็ประพฤติตนตามมาตรการอย่างเคร่งครัด 

 

และหากยังขยายระยะเวลาห้ามจำหน่ายสุราออกไปโดยไม่มีการชดเชยหรือมาตรการเยียวยาใดๆ เพิ่มเติมแล้ว ก็คาดว่าในไม่ช้าจะกระทบต่อการเลิกจ้างพนักงาน การทยอยปิดกิจการจากระดับร้านค้า ไปจนถึงผู้นำเข้าและผู้ผลิตฯ ขยายวงกว้างความเสียหายทางเศรษฐกิจจนยากจะกลับมาฟื้นฟูได้อีกครั้ง

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising