ปีที่แล้ว THE STANDARD เคยนำเสนอ 8 เคล็ดลับของผิว Glass Skin เทรนด์ผิวใสดั่งกระจกที่กำลังมาแรงในโลกออนไลน์ เพราะมองว่านี่แหละคือเทรนด์ผิวที่จะมาแรงทั่วโลก ในประเทศไทยเองเทรนด์ผิวใสดั่งกระจก หรือ Glass Skin ก็เริ่มมีการพูดถึงมากขึ้น แม้แต่ผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในสถาบันความงามต่างๆ ก็เริ่มหันมาโฟกัสเทรนด์ผิวใสฉ่ำวาวดูสุขภาพดีแบบ Glass Skin กันบ้างแล้ว หนึ่งในนั้นคือ หมอโอ๊ค หรือ นายแพทย์สมิทธิ์ อารยะสกุล จาก Smith Prive’ Aesthetique Clinic ที่ได้ร่วมพูดคุยกับ เมิร์ซ เอสเธติกส์ ผู้นำนวัตกรรมความงามจากเยอรมนีเกี่ยวกับเทรนด์นี้ ที่การันตีกันอีกครั้งว่าจะเป็นเทรนด์ผิวมาแรงประจำปีนี้และปี 2020 เลยทีเดียว
ผิวสวยเป็นผิวอย่างไร
หมอโอ๊ค: คำว่าผิวสวยในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องเป็นผิวขาวเสมอไป แต่ต้องเป็นผิวที่ดูสุขภาพดี มีความเรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอ ไม่มีริ้วรอยหรือจุดด่างดำ และต้องมีความชุ่มชื้นที่พอเหมาะ โดยในปีนี้ผิวแบบ Glass Skin ได้รับความนิยมจากสาวๆ ทั่วโลกเป็นอย่างมาก และยังเป็น New Beauty Trend ในปี 2019-2020 อีกด้วย ซึ่งเป็นลักษณะผิวที่มีสุขภาพดีจนสามารถเปล่งประกาย เงาวาว เหมือนมีน้ำใต้ผิว ยกตัวอย่างนักแสดงที่เห็นได้ชัด อาทิ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ กับเบลล่า ฮาดิด ในโซนตะวันตก หรือโซนของเอเชียก็อย่างเช่น ชอนจีฮยอน ที่มีความใกล้เคียงกับผิวแบบ Glass Skin มากที่สุด
การจะมีผิวแบบ Glass Skin เริ่มอย่างไร
หมอโอ๊ค: วิธีการที่จะดูแลผิวให้สวยใส ฉ่ำวาว และดูสุขภาพดีแบบ Glass Skin มีหลายวิธี ทั้งวิธีการที่เริ่มจากการดูแลจากภายในสู่ภายนอก เพื่อเสริมสร้างโครงสร้างภายในของผิวเราให้แข็งแรงก่อน และวิธีที่ช่วยให้เห็นผลได้รวดเร็วอย่างการปรึกษาคุณหมอในคลินิกเสริมความงามก็ช่วยได้เช่นกัน ทั้งนี้หมออยากแนะนำให้ตรวจสอบและเลือกสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน น่าเชื่อถือ มีแพทย์ที่เชี่ยวชาญ รวมทั้งมีเครื่องมือและนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อความปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนนะครับ
5 ข้อปฏิบัติสู่การมีผิวแบบ Glass Skin ที่แนะนำโดยหมอโอ๊ค
1. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
จุดเริ่มต้นของการดูแลตัวเองที่ดีในทุกด้าน เริ่มดูแลตัวเองจากภายใน การที่จะมีผิวแบบ Glass Skin ก็เช่นกัน ยังต้องอาศัยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้ร่างกายนำไปใช้เสริมสร้างกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ สามารถซึบซับแร่ธาตุและวิตามินที่มีประโยชน์จากผักผลไม้มาซ่อมแซมเซลล์ผิวของเราจากภายในให้แข็งแรง เปล่งปลั่ง กระจ่างใส สู่ภายนอก
2. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร
น้ำสะอาดจึงเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับร่างกายและผิวของเรา สาวๆ จึงควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร (อ่านวิธีดื่มน้ำ ที่นี่) เพื่อลดอาการผิวแห้ง ซึ่งอาจส่งผลให้ผิวของเราเหี่ยวย่นได้ และหากมีการดื่มน้ำสะอาดที่มากพอ ยังช่วยทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น กระจ่างใส อิ่มน้ำ ฉ่ำวาว แลดูสุขภาพดีได้เช่นกัน
3. นอนหลับพักผ่อนวันละ 7-8 ชั่วโมง
สังเกตไหมว่าเวลาที่เรานอนดึกหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ทั้งความสิว ความหมองคล้ำ ความถุงใต้ตาจะมาเยี่ยมเยือนผิวหน้าของเราทันที เพื่อให้ผิวของเรากระจ่างใสและมีชีวิตชีวา การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะจะทำให้ร่างกายหลั่งสารเมลาโทนินออกมาได้ดีในตอนกลางคืน ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ผิวหนังจากสารอนุมูลอิสระ แถมยังช่วยรักษาความอ่อนเยาว์ ทำให้ผิวของเราแลดูสดชื่น กระจ่างใส อีกด้วย (คลิกอ่าน 6 ฮีโร่ไอเท็มที่จะช่วยให้คุณนอนหลับง่ายขึ้น ที่นี่)
4. ทาครีมกันแดดทุกวัน
แดดเมืองไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก นอกจากความร้อนแรงที่สาดมาถึงตัวเราแล้ว ยังแฝงรังสี UV มาทำร้ายผิวของเราด้วย ซึ่งจะทำให้ผิวของเราหมองคล้ำ แห้งเหี่ยว ขาดความกระจ่างใส และไม่เนียนนุ่มชุ่มชื้น เพื่อป้องกันการโดนทำร้ายจากรังสี UV สาวๆ ควรที่จะทาครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UV สูง เพื่อปกป้องผิว โดยหากต้องทำงานที่โดนแดดบ่อยครั้ง ควรเลือกซื้อครีมกันแดดที่สามารถทาระหว่างวันได้ เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ (อ่าน Sunscreen 101: คู่มือเลือกซื้อและวิธีใช้ครีมกันแดด ฉบับคุณหมอขอแนะนำที่นี่)
5. ปรึกษาคุณหมอในคลินิกเสริมความงาม
การดูแลผิวจากภายในเป็นวิธีที่ดี แต่ยังต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอในการดูแล เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น สาวๆ อาจต้องปรึกษาคุณหมอในคลินิกเสริมความงามร่วมด้วย ซึ่งมีหลายวิธี เช่น การเลเซอร์ปรับสภาพผิว หรือการฉีดฟิลเลอร์โมเลกุลขนาดเล็กใต้ชั้นผิวตื้นๆ เพื่อให้ผิวมีความอิ่มน้ำกระจ่างใสแบบ Glass Skin มากขึ้น ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและเห็นผลอย่างชัดเจน สาวๆ ควรเลือกคลินิกที่เป็นสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ไทย และ US FDA โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟิลเลอร์แท้จากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีเทคนิคการฉีดแบบเฉพาะที่เรียกว่า ‘Hourglass Pattern’ โดยจะฉีดบริเวณพวงแก้ม ซึ่งเป็นจุกตกกระทบแสงหรือเป็นจุดที่โชว์ความเป็น Glass Skin ได้มากที่สุดนั่นเอง
ภาพประกอบ: Pichamon W.
ภาพ: instagram @junjihyun_81 @bellahadid @jlawthequeen @Oak_smith
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า