สวัสดีครับ ผมเชื่อว่าหลายๆ ท่านคงคุ้นเคยกับคำว่า Digital Transformation เป็นอย่างดี แต่คำว่า Data Strategy หรือยุทธศาสตร์ข้อมูล อาจเป็นคำที่ยังไม่ค่อยได้ยินหรือคุ้นเคยกันมากนัก วันนี้เราจะมารู้จักและเข้าใจคำนี้ไปด้วยกันครับ เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ ผมขอเล่าถึงยุทธศาสตร์ข้อมูลผ่าน 5 คำถามดังนี้ครับ
1. ทำไมต้องทำยุทธศาสตร์ข้อมูล?
เพราะ Digital Transformation กว่า 70% ที่ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังไว้ ทุกคนทราบดีว่ายุคแห่งข้อมูลข่าวสารได้เริ่มขึ้นแล้ว World Economic Forum ประเมินว่า ในปี พ.ศ. 2563 มีปริมาณของข้อมูลดิจิทัลสูงถึง 44 zettabytes และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนสูงถึง 175 zettabytes ในปี พ.ศ. 2568 (1 zettabytes = 1 ล้านล้าน gigabytes) เมื่อข้อมูลจำนวนมหาศาลถูกสร้างขึ้น และเม็ดเงินการลงทุนมากมายถูกนำมาใช้กับ Digital Infrastructure เพื่อให้ตอบโจทย์ Digital Transformation แต่จากการสำรวจของ McKinsey ในปี พ.ศ. 2562 พบว่ามี Digital Transformation เกือบ 70% ที่ไม่ได้รับความสำเร็จ ในขณะที่ Gartner ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีชั้นนำได้เปิดเผยว่า บริษัทกว่า 80% ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่คาดหวังไว้ในการทำ Digital Transformation
การเจอข้อมูลเหมือนเจอน้ำมัน(ดิบ) Data is the New (Crude) Oil เชื่อว่าท่านผู้อ่านจำนวนมากเคยได้ยินการเปรียบเทียบประโยชน์ของข้อมูลที่ว่า เจอข้อมูลเหมือนเจอน้ำมัน แต่กว่าจะเป็นน้ำมันที่พร้อมใช้ เราจะต้องเจอน้ำมันดิบก่อน ซึ่งยังต้องผ่านอีกหลายกระบวนการกว่าจะเป็นน้ำมันพร้อมใช้ เช่นเดียวกัน ข้อมูลจำนวนมากที่มีก็ไม่ได้นำมาใช้ได้ทันที แต่ยังต้องการการจัดเก็บที่เป็นระบบ ปลอดภัยกับเจ้าของข้อมูล ผู้รวบรวมข้อมูล และผู้นำข้อมูลไปใช้ (Data Protection and Security) ยังต้องการการกำหนดขอบเขตการเผยแพร่ ข้อมูลชุดไหนเปิดเผยได้บ้าง ลงรายละเอียดได้แค่ไหน การจัดเก็บและการนำไปใช้ภายใต้กรอบธรรมาภิบาลและกฎหมาย (Data Governance) มีระบบสารสนเทศ เทคโนโลยี และแพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพ เสถียรภาพ และมั่นคงปลอดภัยสูงรองรับ เพื่อให้การนำข้อมูลไปใช้เกิดประโยชน์และปลอดภัยสูงสุด (Data Engineering and Platform) การนำข้อมูลไปใช้ยังต้องการการกลั่นกรอง แยกประเภท และสังเคราะห์ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เหมาะสมกับงานแต่ละประเภท และเกิดประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่ ทั้งในด้านปริมาณ (Quantity) และคุณภาพ (Quality) (Data Management and Data Analytics)
ยุทธศาสตร์ข้อมูล Data Strategy คือหนึ่งในคำตอบที่จะช่วยให้ Digital Transformation ขององค์กรประสบความสำเร็จได้ โดยคำว่า Data Strategy เป็นคำที่เพิ่งเกิดขึ้นมาไม่ถึง 10 ปี เนื่องจากข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ได้ถูกสร้างขึ้นมาและมีการเก็บเอาไว้ในฐานข้อมูล ทำให้องค์กรต่างๆ ต้องการมียุทธศาสตร์ในการจัดการ และขับเคลื่อนความสามารถในการใช้ประโยชน์และการวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์กับข้อมูล
ภาพ: เจอข้อมูลเหมือนเจอน้ำมัน(ดิบ)
ภาพ: ทำไมต้องมียุทธศาสตร์ข้อมูล
2. ยุทธศาสตร์ข้อมูลคืออะไร?
ยุทธศาสตร์ข้อมูลคือการสร้างมูลค่าจากสินทรัพย์ทางข้อมูล (Creating Value from Data Assets) เนื่องจากเป็นแขนงวิชาที่เพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่ แนวคิดยุทธศาสตร์ข้อมูลจึงเป็นแนวคิดที่ยังมีความหลากหลาย และไม่ได้มีทฤษฎีหลักดังเช่นศาสตร์อื่นๆ โดยแนวคิดที่ผมจะพูดถึงนี้เป็นแนวคิดยุทธศาสตร์ข้อมูลที่ดัดแปลงมาจาก Harvard University และ University of California, Berkeley
ยุทธศาสตร์ข้อมูลแบ่งเป็น 2 ด้าน คือเชิงรับ (Defensive) และเชิงรุก (Offensive)
- ยุทธศาสตร์ข้อมูลเชิงรับ มุ่งเน้นที่การจัดการธรรมาภิบาล (Data Governance) และคุณภาพข้อมูล (Data Quality) ซึ่งรวมถึงการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล (Data Privacy) ให้ตรงตามหลักกฎหมายและกฎระเบียบ เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรฐานรัฐบาลดิจิทัล (มรด. 6 : 2566) ว่าด้วยกรอบธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ ฉบับปรับปรุง: แนวปฏิบัติ การจัดการความปลอดภัย (Data Security) และการจัดระเบียบการเข้าถึงข้อมูล รวมถึงการจัดการคุณภาพและมาตรฐานของข้อมูล (Data Access, Quality และ Standard)
- ยุทธศาสตร์ข้อมูลเชิงรุก เน้นที่การนำข้อมูลมาต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าให้กับองค์กร โดยเน้นที่การปรับปรุงความสามารถในการแข่งขัน การให้บริการ และความสามารถในการทำกำไร สำหรับข้อมูลที่นำมาใช้อาจจะเป็นทั้งข้อมูลภายในหรือภายนอกองค์กร หรือนำมาใช้ร่วมกันก็ได้ และสามารถอยู่ในรูปแบบของข้อมูลตัวเลข ตัวอักษร รูปภาพ (Structured and Unstructured Data) หรืออยู่ในรูปความคิดเห็น การลงคะแนนจากโลกออนไลน์ (Social Listening และ/หรือ e-Polling) และสามารถเป็นได้ทั้งข้อมูลขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ (Small Data หรือ Big Data) โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาใช้ร่วมกับเทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลในแบบต่างๆ เช่น Descriptive, Predictive, Prescriptive, Analyses, เศรษฐมิติ (Econometrics) และ/หรือ Machine Learning, Artificial Intelligence
ภาพ: ยุทธศาสตร์ข้อมูลแบ่งได้เป็น 2 ด้าน คือยุทธศาสตร์เชิงรับและเชิงรุก
ภาพ: ยุทธศาสตร์ข้อมูลทำแล้วได้อะไร?
3. ทำยุทธศาสตร์ข้อมูลแล้วได้อะไร?
ขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูล (Data Driven) และใช้ข้อมูลเป็นหลักฐานสนับสนุนการตัดสินใจ (Evidence-Based Decisions) แทนที่จะใช้ความเชื่อส่วนบุคคล (Gut Feelings) หรือฟังคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจหลักการทางธุรกิจแต่อาจไม่ได้เข้าใจข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับองค์กรโดยตรง
ข้อมูลมีคุณภาพมากขึ้น สามารถนำไปต่อยอดสร้างมูลค่าให้กับองค์กรได้มากขึ้น
- หน่วยงานภาครัฐ จากที่เคยเป็นหน่วยงานหวงข้อมูล ซึ่งแท้จริงแล้วผมเชื่อว่ามาจากความห่วงมากกว่า (3 ห่วง: ห่วงเรื่องกฎหมาย, ห่วงเรื่องคุณภาพข้อมูล และห่วงว่าจะมีการนำข้อมูลไปใช้แบบผิดๆ) การจัดทำยุทธศาสตร์ข้อมูลจะช่วยให้มีข้อมูลคุณภาพสูงใช้ในงานวิเคราะห์วิจัยได้มากขึ้น โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (e-Authentication) ที่สะดวกและมีประสิทธิภาพ ใช้ข้อมูลประกอบในการทำนโยบายที่มีลักษณะทันท่วงที เน้นเฉพาะกลุ่ม และชั่วคราว (3T: Timely, Targeted และ Temporary) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ (Budget Efficiency)
- หน่วยงานเอกชน นอกจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ (Improving Decision-Making) แล้ว การจัดทำยุทธศาสตร์ข้อมูลยังสามารถเพิ่มความเข้าใจลูกค้าและตลาด (Understanding Customers and Markets) การสร้างสินค้าใหม่และปรับปรุงสินค้าเดิมให้ดีขึ้น (Creating Better Products) การพัฒนาบริการที่ดีขึ้น (Creating Better Services) การพัฒนาการดำเนินงานทางธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน (Improving Business Processes) รวมถึงการสร้างรายได้จากข้อมูลได้อีกด้วย (Creating Revenue from Data)
ระบบฐานข้อมูล, บัญชีข้อมูล รวมถึงระบบข้อมูลที่แบ่งปันหรือเปิดเผยได้ (Database, Data Catalog, Data Sharing and Open Data) ที่มีการจัดการธรรมาภิบาลและตรวจสอบจัดการคุณภาพข้อมูล รวมถึงมีระบบความมั่นคงปลอดภัยในการคุ้มครองข้อมูล (Data Security) โดยสามารถกำหนดขอบเขตการเปิดเผยให้ภายในและภายนอกองค์กร เพื่อนำไปต่อยอดใช้ประโยชน์ได้
ระบบ/แบบจำลองอัจฉริยะเพื่อการวิเคราะห์และติดตาม ตรวจสอบ แจ้งเตือน พยากรณ์ (Dashboard, Data Analytic Models/Platform, Machine Learning and AI Models) ซึ่งจะเป็นการต่อยอดสร้างมูลค่าของข้อมูลให้ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ขององค์กร
4. ขั้นตอนการทำยุทธศาสตร์ข้อมูลเป็นอย่างไร?
- การเข้าใจบริบท (Contextualization) ซึ่งประกอบไปด้วย
- การทำความเข้าใจพันธกิจ วิสัยทัศน์ กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องขององค์กร เพื่อที่จะทำให้ยุทธศาสตร์ข้อมูลตอบโจทย์ยุทธศาสตร์องค์กรมากที่สุด หลังจากนั้นจะเป็นการทำความเข้าใจโครงสร้างพื้นฐานทางด้านข้อมูลขององค์กรว่ามีโครงสร้างการจัดเก็บข้อมูล ระบบสารสนเทศ และการจัดเก็บข้อมูลในปัจจุบันเป็นอย่างไร
- รวมถึงจะมีการประเมินสถานะด้านยุทธศาสตร์ข้อมูล โดยการใช้ SWOT Analysis เพื่อประเมินจุดแข็ง (Strengths), จุดอ่อน (Weaknesses), โอกาส (Opportunities) และความท้าทาย (Threats) ของข้อมูลในองค์กรที่มีอยู่
- การสร้างแนวคิดในการใช้ประโยชน์ข้อมูล (Ideation) โดยในขั้นตอนนี้จะประกอบไปด้วย
- การระดมแนวคิด (Brainstorm) ซึ่งจัดทำจากการสำรวจ สัมภาษณ์ และจัดประชุมกลุ่ม เพื่อระดมความเห็นจากทั้งผู้บริหารและผู้ปฏิบัติการในองค์กร เพื่อหาแนวคิดการใช้ประโยชน์ข้อมูล (Use Cases)
- การจัดลำดับความสำคัญ (Prioritization) เพราะด้วยทรัพยากรที่มีจำกัดทั้งด้านงบประมาณ ทรัพยากรบุคคล รวมถึงระยะเวลา หลังจากที่ได้รับแนวคิดในการใช้ประโยชน์ข้อมูล (Use Cases) แล้วจำเป็นต้องมีการจัดลำดับความสำคัญ โดยสร้างหลักเกณฑ์ (Criteria) ในการประเมินและตัดสินใจเลือกอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ได้ Use Cases ที่สามารถทำให้สำเร็จได้เร็ว (Quick Win) และมีผลดีต่อองค์กรนัยสำคัญ (High Impact)
- กรณีการใช้งานข้อมูล (Use Cases) เหล่านี้จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้การทำยุทธศาสตร์ข้อมูลเห็นผลที่เป็นรูปธรรมและจับต้องได้ เพื่อที่จะให้คนในองค์กรรู้สึกถึงความสำคัญในการทำยุทธศาสตร์ข้อมูล และขยายไปสู่การทำ Use Cases อื่นๆ ได้ต่อไป
- การจัดทำแผน (Prescription) ซึ่งจะประกอบไปด้วยการอธิบายประเด็นสำคัญของแต่ละ Use Cases ทำแผนการดำเนินงาน การตั้งงบประมาณ การบริหารจัดการ และกำหนดเวลาในการดำเนินโครงการ รวมถึงการรวบรวมปัจจัยแห่งความสำเร็จและบทเรียนในแต่ละ Use Cases เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับ Use Cases ที่จะทำในอนาคต
- การจัดทำรายงานยุทธศาสตร์ข้อมูลและการดำเนินการตามกรณีการใช้งานข้อมูล (Report and Execution)
1.1 รายงานยุทธศาสตร์ข้อมูล จะเป็นการรวบรวมและสรุปขั้นตอนต่างๆ ในการจัดทำยุทธศาสตร์ข้อมูล รวมถึง Use Cases และผลการวิเคราะห์เชิงลึกที่นำไปปฏิบัติได้จริง (Actionable Insights)
1.2 การดำเนินการตามกรณีการใช้ข้อมูล จะเป็นการเปลี่ยนจากยุทธศาสตร์มาสู่ระบบการดำเนินงานในรูปแบบของ Dashboard, แบบจำลอง Data Analytic ที่รวมถึงแบบจำลองด้านเศรษฐมิติ (Econometrics) ด้าน Machine Learning และ/หรือ ด้าน Artificial Intelligence ซึ่งแต่ละองค์กรสามารถเลือกให้เหมาะสมกับแต่ละ Use Cases
ภาพ: 3 ขั้นตอนหลักในการทำยุทธศาสตร์ข้อมูล
5. ปัจจัยที่จะทำให้ยุทธศาสตร์ข้อมูลประสบความสำเร็จ?
การทำยุทธศาสตร์ข้อมูลให้ได้ประโยชน์ต้องทำทั้งเชิงรับ (Defensive) และเชิงรุก (Offensive)
- ยุทธศาสตร์ข้อมูลเชิงรับ ช่วยเรื่องการจัดการธรรมาภิบาล (Data Governance) และคุณภาพข้อมูล (Data Quality) ซึ่งรวมถึงความเป็นส่วนตัว (Data Privacy) การจัดการความปลอดภัย (Data Security) และการจัดระเบียบการเข้าถึงข้อมูล รวมถึงการจัดการคุณภาพและมาตรฐานของข้อมูล (Data Access, Quality และ Standard) และการจัดทำ Data Catalog
- ยุทธศาสตร์ข้อมูลเชิงรุก เน้นที่การนำข้อมูลมาต่อยอดโดยผ่านกระบวนการวิเคราะห์ วิจัย เพื่อสร้างมูลค่าให้กับองค์กร (Value Creation) โดยนำข้อมูลขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ (Small Data หรือ Big Data) ก็ได้ มาใช้ร่วมกับเทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลในแบบต่างๆ เช่น Data Analytics หรือ Machine Learning, Artificial Intelligence
ยุทธศาสตร์ข้อมูลต้องตอบโจทย์ยุทธศาสตร์องค์กร และมี Use Cases ที่จับต้องได้ มีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน
- ยุทธศาสตร์ข้อมูลต้องตอบโจทย์ยุทธศาสตร์องค์กร ช่วยแก้ Pain Points ต่างๆ รวมถึงจะมีการประเมินสถานะด้านยุทธศาสตร์ข้อมูล โดยการใช้ SWOT Analysis เพื่อประเมินจุดแข็ง (Strengths), จุดอ่อน (Weaknesses), โอกาส (Opportunities) และความท้าทาย (Threats) ของข้อมูลในองค์กรที่มีอยู่
- มีการสร้างแนวคิดการใช้ประโยชน์ข้อมูล (Use Cases) จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้การทำยุทธศาสตร์ข้อมูลเห็นผลที่เป็นรูปธรรมและจับต้องได้ และมีการจัดลำดับความสำคัญ (Prioritization) ว่าควรทำ Use Cases ใดก่อนหลัง โดยสร้างหลักเกณฑ์ (Criteria) ในการประเมินและตัดสินใจเลือกอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ได้ Use Cases ที่สามารถทำให้สำเร็จได้เร็ว (Quick Win) และมีผลดีต่อองค์กรนัยสำคัญ (High Impact)
- ยกตัวอย่างในกรณีของหน่วยงานภาครัฐ สามารถอ้างอิงตามพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 ตัวอย่าง Use Cases มีดังนี้
1.1 Use Cases เชิงรับ: จัดให้มีระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล สำหรับบริการประชาชน และการสร้างความมั่นคงปลอดภัยในการคุ้มครองข้อมูล (Data Security)
1.2 Use Cases เชิงรุก: เพิ่มประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ (Budget Efficiency), นำระบบดิจิทัลมาใช้ในการบริหารและการให้บริการ (Digital Services), พัฒนาการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อให้บริการประชาชน (Data Sharing) และการเปิดเผยข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะ (Open Data)
- การจัดทำแผน (Prescription) ที่ชัดเจน ซึ่งจะประกอบไปด้วยการอธิบายประเด็นสำคัญของแต่ละ Use Cases ทำแผนการดำเนินงาน การตั้งงบประมาณ การบริหารจัดการและกำหนดเวลาในการดำเนินโครงการ รวมถึงการรวบรวมปัจจัยแห่งความสำเร็จและบทเรียนในแต่ละ Use Cases เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับ Use Cases ที่จะทำในอนาคต
โดยสรุปแล้ว ยุทธศาสตร์ข้อมูล Data Strategy คือหนึ่งในคำตอบที่จะช่วยให้ Digital Transformation ขององค์กรประสบความสำเร็จได้ เพราะการเจอข้อมูลไม่ใช่การเจอน้ำมันที่พร้อมใช้ แต่เป็นการเจอน้ำมันดิบ ที่ยังต้องผ่านกระบวนการสังเคราะห์ จัดเก็บ แยกประเภท การนำข้อมูลไปใช้โดยยังไม่ได้ผ่านกระบวนการการจัดทำธรรมาภิบาลข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างถูกต้อง หรือไม่ได้จัดทำยุทธศาสตร์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ นอกจากมีโอกาสที่จะไม่ประสบความสำเร็จสูงแล้ว ยังอาจกลายเป็นโทษตามมาได้ด้วย พูดง่ายๆ ว่านอกจากข้อมูลจะไม่ได้กลายเป็น Data Asset แล้ว ยังอาจกลายเป็น Data Liability ให้กับองค์กรด้วย