สถานีโทรทัศน์ CNN รายงานความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการปรับตัวลดลงอย่างมากของหุ้นของ Tesla ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำสัญชาติสหรัฐฯ จนเปลี่ยนสถานะจากหุ้นดาวรุ่งเป็นหุ้นดาวร่วง
ทั้งนี้หุ้นของ Tesla ปรับตัวลดลง 6% ในช่วงปิดตลาดของวันที่ 23 กุมภาพันธ์ โดยเป็นการปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องจากวันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ปิดตลาดลดลง 8.5% ทำให้ราคาหุ้นของ Tesla ลงไปทำจุดต่ำสุดในวันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ 619 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ถือเป็นครั้งแรกที่ราคาหุ้นของ Tesla ร่วงต่ำกว่า 700 ดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา
เหตุผลหลักที่ทำให้นักลงทุนแห่เทขายหุ้นของ Tesla มาจาก 4 ปัจจัยหลักด้วยกัน ปัจจัยแรกก็คือบิตคอยน์ ที่การออกมาแสดงความเห็นผ่านทวิตเตอร์ของมัสก์จนฉุดราคาบิตคอยน์ ทำให้นักลงทุนตระหนักถึงความเสี่ยงจากความผันผวนของสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าว สั่นคลอนสถานะทางการเงินของ Tesla
ปัจจัยที่สองคือ การประกาศหั่นราคารถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Model Y ของค่าย และรุ่นยอดนิยมอย่าง Model 3 ลงรุ่นละ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่านอกจากจะเป็นการหั่นเพื่อต้องการปรับสัดส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าระหว่างรุ่นถูกรุ่นแพงให้สมดุลแล้ว การตัดสินใจหั่นราคาดังกล่าวยังสามารถสะท้อนได้ว่าดีมานต์รถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ไม่ได้มีมากเหมือนที่บริษัทกล่าวอ้าง ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างเทความเห็นว่าเหตุผลอย่างหลังมีความเป็นไปได้มากกว่า
ส่วนปัจจัยที่สามที่ทำให้นักลงทุนแห่เทขาย Tesla เป็นผลมาจากการที่คู่แข่งเพิ่มมากขึ้น โดยบรรดาค่ายผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำอย่าง General Motors (GM) หรือ Ford Motors ต่างเดินหน้าพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของทางค่ายอย่างคึกคัก จนถึงขนาดประกาศจุดยืนว่าจะผลิตและขายรถยนต์ EV เพื่อตอบโจทย์ในบางตลาดภายในปี 2030 ยังไม่นับรวมหน้าใหม่ที่จะเข้ามาแข่งขันอย่าง Apple ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนชั้นนำระดับโลกที่ออกมาแง้มว่าบริษัทกำลังพิจารณาจับมือเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตรถยนต์เพื่อตั้งเป้าก้าวเข้าในนิวเวิลด์
และปัจจัยที่สี่ซึ่งเป็นปัจจัยสุดท้ายคือ นักลงทุนต่างหมดหวังกับการโมเดลการหารายได้ของ Tesla พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นคือ นักลงทุนรู้สึกว่า Tesla ไม่ได้สามารถทำรายได้จากการผลิตและขายรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัทได้ ยืนยันได้จากรายงานผลประกอบการที่ค่อนข้างน่าผิดหวังของ Tesla ที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในระดับต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ใน Wall Street คาดการณ์ไว้
ด้านสถานีโทรทัศน์ BBC ของอังกฤษรายงานว่า ราคาหุ้นของ Tesla ที่ร่วงลงถึง 8.6% เมื่อวานนี้ จนทำสถิติเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบวันนับตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว ส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์ของ อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) และผู้ก่อตั้ง Tesla หายไป 15,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 450,000 ล้านบาท) ฉุดมัสก์ร่วงจากตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
รายงานระบุว่า ขณะนี้มัสก์มีมูลค่าสินทรัพย์เหลือ 183,000 ดอลลาร์สหรัฐ รั้งตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับที่ 2 ตามหลัง เจฟฟ์ เบโซส์ ซีอีโอผู้ก่อตั้งอาณาจักรอีคอมเมิร์ซระดับโลกอย่าง Amazon ที่ก้าวขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกแทนด้วยมูลค่าทรัพย์สินที่ 186,000 ดอลลาร์สหรัฐ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: