×

อ่านชะตากรรม 39 กปปส. ถูกพิพากษาจำคุก หลุดเก้าอี้ รมว. ตัดสิทธิการเมือง พ้น ส.ส. หมดสิทธิลงผู้ว่าฯ กทม.

โดย THE STANDARD TEAM
24.02.2021
  • LOADING...

วันนี้ (24 กุมภาพันธ์) ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีกบฏ กปปส. ชุดใหญ่สำนวนหลัก หมายเลขดำ อ.247/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. กับพวกแกนนำและแนวร่วม กปปส. รวม 39 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, ก่อการร้าย, ยุยงให้หยุดงานฯ, กระทำให้ปรากฏด้วยวาจาหรือวิธีการอื่นใดฯ ทำให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในราชอาณาจักรฯ, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ทำให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ, บุกรุกในเวลากลางคืนฯ และร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้งฯ โดยสุเทพกับพวกจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัวทุกคน 

 

คดีนี้อัยการโจทก์ระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิดพวกจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 23 พฤศจิกายน 2556 ถึง 1 พฤษภาคม 2557 ต่อเนื่องกัน สุเทพ จำเลยที่ 1 ได้จัดตั้งคณะบุคคล ชื่อ ‘คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข’ หรือกลุ่ม กปปส. มีสุเทพเป็นเลขาธิการ โดยร่วมกันมั่วสุมเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร กองกำลัง แบ่งหน้าที่กันกระทำก่อความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ฐานเป็นกบฏเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองทั้งอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ โดยร่วมกันยุยง ปลุกระดมให้ประชาชนทั่วประเทศกระด้างกระเดื่องร่วมชุมนุมขับไล่ ก่อความไม่สงบเพื่อขับไล่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ให้ออกจากตำแหน่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง ส.ส. ทั่วไป เพื่อมิให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เข้าบริหารประเทศ ให้ข้าราชการระดับสูงรายงานตัวกับกลุ่ม กปปส.  

 

จากนั้น กปปส. จะแต่งตั้งคณะบุคคลเข้าบริหารประเทศเป็นรัฐบาลประชาชน เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งจะออกคำสั่งแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และ ครม. โดยจะนำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูลเอง รวมทั้งจัดตั้งกองกำลังส่วนหนึ่งพร้อมอาวุธเข้าไปบุกยึดสถานที่ราชการและหน่วยงานสำคัญต่างๆ หลายแห่ง เช่น ทำเนียบรัฐบาล, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กองบัญชาการตำรวจนครบาล, สำนักงานเขตหลักสี่, ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง) เพื่อไม่ให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้ รวมทั้งการปิดกั้น ขัดขวางเส้นทางคมนาคมขนส่ง เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน นอกจากนี้ ช่วงระหว่างวันที่ 13 มกราคม ถึง 2 มีนาคม 2557 พวกจำเลยได้บังอาจปิดกรุงเทพมหานครด้วยการตั้งเวทีปราศรัยทั่วกรุงเทพฯ รวม 7 จุด ปิดกั้นเส้นทางการจราจร จัดตั้งกองกำลังรักษาพื้นที่ วางเครื่องกีดขวาง ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง การกระทำของพวกจำเลยล้วนไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 เพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงอำนาจบริหารตามรัฐธรรมนูญ เหตุเกิดในกรุงเทพมหานคร และอีกหลายท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเกี่ยวพันกัน 

 

โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษพวกจำเลยด้วย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116, 117, 135/1, 209, 210, 215, 216, 362, 364, 365 และ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2550 มาตรา 76, 152 

 

วันนี้สุเทพ เลขาธิการ กปปส. กับพวกจำเลยรวม 37 คน เดินทางมาศาล ส่วน พล.อ. ปรีชา จำเลยที่ 11 เสียชีวิตแล้ว ขณะที่ พ.ต.ท. ภัทรพงศ์ จำเลยที่ 32 ซึ่งถูกคุมขังในเรือนจำด้วยคดีอื่น ให้รับฟังคำพิพากษาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังเรือนจำ ขณะที่บรรยากาศในศาล มีผู้ชุมนุมอดีต กปปส. จำนวนหนึ่ง มามอบดอกไม้ให้กำลังใจจำเลยคดี กปปส. พร้อมร่วมรับฟังคำพิพากษาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ที่ศาลจัดแยกไว้ให้ที่ห้องพิจารณา 701 ด้วย ในส่วนการรักษาความปลอดภัย มีเจ้าพนักงานตำรวจศาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.พหลโยธิน ร่วมกันดูแลความสงบเรียบร้อย 

 

ศาลเริ่มอ่านคำพิพากษาเวลา 10.51 น. เสร็จสิ้นในเวลา 17.20 น. ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในส่วนความผิดฐานกบฏและก่อการร้าย พฤติการณ์ชุมนุมไม่มีการใช้กำลังประทุษร้ายบุคคลใด เพื่อล้มล้างการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ นิติบัญญัติ อำนาจบริหาร จึงไม่เป็นความผิดฐานกบฏ และก่อการร้าย และมีคำพิพากษาดังนี้

 

  1. สุเทพ เทือกสุบรรณ จำคุก 5 ปี
  2. สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ยกฟ้อง
  3. ชุมพล จุลใส จำคุก 9 ปี 24 เดือน
  4. พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จำคุก 7 ปี
  5. อิสสระ สมชัย จำคุก 7 ปี 16 เดือน
  6. วิทยา แก้วภราดัย จำคุก 1 ปี เเละปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี
  7. ถาวร เสนเนียม จำคุก 5 ปี
  8. ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ จำคุก 6 ปี 16 เดือน
  9. เอกนัฏ พร้อมพันธ์ จำคุก 1 ปีปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี
  10. อัญชะลี ไพรีรัก จำคุก 1 ปีปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี
  11. พล.อ. ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ เสียชีวิต
  12. สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ จำคุก 1 ปีปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี
  13. ยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ ยกฟ้อง
  14. ถนอม อ่อนเกตุพล จำคุก 1 ปีปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี
  15. สมศักดิ์ โกศัยสุข จำคุก 3 ปี 
  16. อดีตพระพุทธะอิสระ หรือ สุวิทย์ ทองประเสริฐ จำคุก 4 ปี 8 เดือน
  17. สาธิต เซกัล จำคุก 2 ปี ปรับ 26,666 รอลงอาญา 2 ปี
  18. รังสิมา รอดรัศมี ยกฟ้อง
  19. พล.อ.ท. วัชระ ฤทธาคนี จำคุก 1 ปีปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี
  20. พล.ร.อ. ชัย สุวรรณภาพ จำคุก 1 ปีปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี
  21. แก้วสรร อติโพธิ ยกฟ้อง
  22. ไพบูลย์ นิติตะวัน ยกฟ้อง
  23. ถวิล เปลี่ยนศรี ยกฟ้อง
  24. ร.ต. แซมดิน เลิศบุศย์ จำคุก 4 ปี 16 เดือน
  25. มั่นแม่น กะการดี จำคุก 1 ปีปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี
  26. คมสัน ทองศิริ จำคุก 2 ปี  
  27. พล.อ. ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ยกฟ้อง
  28. พิภพ ธงไชย ยกฟ้อง
  29. สาวิทย์ แก้วหวาน จำคุก 2 ปี
  30. สุริยะใส กตะศิลา จำคุก 2 ปี
  31. สุริยันต์ ทองหนูเอียด ยกฟ้อง
  32. พ.ต.ท. ภัทรพงศ์ สุปิยะพาณิชย์ ยกฟ้อง
  33. สำราญ รอดเพชร จำคุก 2 ปี 16 เดือน
  34. อมร อมรรัตนานนท์ จำคุก 20 เดือน
  35. พิเชษฐ พัฒนโชติ จำคุก 1 ปีปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี
  36. สมบูรณ์ ทองบุราณ ยกฟ้อง
  37. กิตติชัย ใสสะอาด จำคุก 4 เดือนปรับ 6,666 รอลงอาญา 2 ปี
  38. ทยา ทีปสุวรรณ จำคุก 1 ปี 8 เดือนปรับ 26,666 รอลงอาญา 2 ปี
  39. เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ยกฟ้อง 

 

สรุปยกฟ้องจำเลยที่ 2, 13, 18, 21, 22, 23, 27, 28, 31, 32, 36, 39 รวม 12 คน

 

ส่วนจำเลย 12 คนที่ได้รับการอการลงโทษ หรือรอลงอาญา เพราะบางคนเป็นเพียงผู้ร่วมชุมนุมเท่านั้น และเเม้บางคนจะเป็นแกนนำในการชุมนุมด้วยก็ตาม แต่ความผิดที่จำเลยแต่ละคนกระทำนั้นน้อยกว่าจำเลยอื่น อีกทั้งไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์อุกอาจหรือรุนแรงจากการชุมนุม ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยดังกล่าวเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยดังกล่าวกลับตัวเป็นพลเมืองดี 

 

นอกจากนี้ยังให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยที่ 3, 5, 8, 16, 24, 33, 38 มีกำหนดคนละ 5 ปี และให้นับโทษของจำเลยที่ 15, 25, 30 ต่อจากโทษตามท้ายฟ้องด้วย

 

ต่อมาศาลอาญาไม่ให้ประกันตัวแกนนำ 8 คน และเตรียมส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้แก่

 

  1. สุเทพ เทือกสุบรรณ
  2. ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ
  3. พุทธิพงษ์ ปุณณกัณฑ์
  4. ถาวร เสนเนียม
  5. ชุมพล จุมใส
  6. อิสรสะ สมชัย
  7. ร.ต. แซมดิน เลิศบุศก์
  8. สุวิทย์ ทองประเสริฐ (อดีตพระพุทธะอิสระ)

 

ผู้ที่ต้องหลุดจากเก้าอี้รัฐมนตรีทันที เนื่องจากต้องคำพิพากษา ได้แก่ พุทธิพงษ์, ถาวร และ ณัฏฐพล เนื่องจากต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 166 (7) ที่วางหลักไว้ว่า หากรัฐมนตรีต้องคำพิพากษาของศาลให้ลงโทษจำคุก ถึงแม้ว่าคำพิพากษาจะยังไม่ถึงที่สุด ยังอยู่ในกระบวนการอุทธรณ์ฎีกาตามกฎหมายอยู่ก็ตาม ก็ถือเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง

 

และทั้งสามคนต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. ด้วย เพราะถูกควบคุมตัวเพื่อไปคุมขังระหว่างรอการประกันหรืออุทธรณ์ ทำให้ขาดคุณสมบัติ ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ แม้คดียังไม่ถึงที่สุด และณัฏฐพลก็ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 5 ปีด้วย 

 

ขณะที่อีกหนึ่งแรงกระเพื่อมการเมืองคือ ทยา ทีปสุวรรณ ซึ่งถูกเพิกถอนสิทธิการเมือง 5 ปี ทำให้หมดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครตามที่วางไว้

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising