ถ้าประวัติศาสตร์เบียร์ไม่ได้ถูกบิดเบือน ‘เบียร์’ เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทแรกของโลกที่คิดค้นโดยชาวบาบิโลเนียนมากว่าพันปี และถือกำเนิดขึ้นจากความบังเอิญของชาวนาคนหนึ่งที่ไปชิมน้ำที่ทำขนมปังตกใส่ เอ้า! อร่อยเฉย!
หลักฐานที่ปรากฏในหนังสือสุขภาพราวๆ ค.ศ. 1159 ยังพบต้นตอรสชาติขมเฉพาะตัวของเบียร์ที่เกิดจากการใส่ ‘ดอกฮอปส์’ ลงไปในเบียร์นั้นมาจากแม่ชีที่เชื่อว่าฮอปส์ มีสารที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพและยังมีสารพิเศษที่ช่วยยืดอายุและฆ่าแบคทีเรียในเบียร์ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้มีการบันทึกว่าฮอปส์สายพันธุ์แรกที่ถูกใส่ลงไปในเบียร์เป็นสายพันธุ์อะไร แต่ที่แน่ๆ ค.ศ. 1516 William IV, Duke of Bavaria เป็นผู้ออกระเบียบในการต้มเบียร์ว่าต้องมีส่วนผสมอะไรบ้าง
Explore ส่วนผสมหลักของเบียร์ก่อนยกแก้ว Cheers!
คอเบียร์น่าจะรู้กันอยู่แล้วว่ารสชาติที่พวกคุณดื่มด่ำจากน้ำสีอำพันเกิดจากส่วนประกอบหลักๆ 4 อย่าง ได้แก่ น้ำ, มอลต์, ยีสต์ และฮอปส์ ซึ่งองค์ประกอบทั้ง 4 อย่างล้วนแล้วแต่มีความปัจจัยที่ส่งผลต่อรสชาติ สี กลิ่น ไปจนถึงรสสัมผัสที่ต่างไป เพราะรสชาติของ ‘น้ำ’ และแร่ธาตุที่อยู่ในน้ำจากแหล่งต่างๆ ก็มีผลต่อรสชาติของเบียร์ แม้แต่ชนิดของมอลต์ที่เลือกใช้และประเภทของยีสต์ที่แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ Ale Yeast และ Lager Yeast ก็เช่นกัน
ประเด็นที่คอเบียร์สนใจพอๆ กับที่คอไวน์ลงลึกเรื่องพันธุ์องุ่นนั่นก็คือ ‘ฮอปส์’ (Hops) วัตถุดิบที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการผลิตเบียร์ โดยเฉพาะนักดื่มเบียร์คราฟต์ที่พิถีพิถันกับการคัดเลือกสายพันธุ์ฮอปส์ที่มีกว่าร้อยสายพันธุ์ทั่วโลก
เพราะคอเบียร์ที่อภิรมย์กับการเสาะหาประสบการณ์แปลกใหม่ของรสชาติเบียร์รู้ดีว่าฮอปส์แต่ละสายพันธุ์เมื่อสกัดออกมาแล้วจะให้กลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และแม้จะเป็นสายพันธุ์เดียวกัน แต่ปลูกคนละพื้นที่ ก็สร้างให้รสชาติที่ต่างไป
และอย่างที่บอก คุณสมบัติในฮอปส์ยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและช่วยปรับสมดุลความหวานของมอลต์ด้วยรสขม ฮอปส์สายพันธุ์ไหนที่มีความเข้นข้นของกรดอัลฟาสูงจะส่งผลให้เบียร์มีรสชาติขม เมื่อนำไปต้มก็ยิ่งเพิ่มความขมยิ่งขึ้น
Explore ‘ฮอปส์ 3 สายพันธุ์’ ประสบการณ์ของรสชาติใหม่เพื่อคอคราฟต์เบียร์ทุกสายพันธุ์
เมื่อฮอปส์มีหลากสายพันธุ์ ครั้นจะให้คอเบียร์ร่ำน้ำดื่มสีอำพันทุกวันเพื่อเสาะหาสายพันธุ์ที่ตรงใจที่สุดอาจเป็นเรื่องยาก เราจึงคัดฮอปส์ 3 สายพันธุ์ จาก 3 แห่งผลิต ที่มีคาแรกเตอร์ของรสชาติที่ชัดเจน ตอบโจทย์คอคราฟต์เบียร์ทุกสายพันธุ์
‘ฮอปส์สายพันธุ์ Columbus’ จากอเมริกากรดอัลฟาเฉลี่ยร้อยละ 8-19 โดยน้ำหนัก (AABW) จึงติดรสขมเข้มข้น เข้มเครื่องเทศ ให้กลิ่นสมุนไพรอย่างพริกไทยดำที่โดดเด่น พร้อมกลิ่นหอมซิตรัสบางๆ
แต่ถ้าคุณเป็นสายดื่มที่ชอบกลิ่นผลไม้ชัดเจน ‘ฮอปส์สายพันธุ์ Yellow Sub’ European ที่เด่นรสสัมผัสของผลไม้เขตร้อนอย่างเสาวรส พีช สับปะรด และออกรสแบล็กเบอร์รีในบางครั้ง
ส่วนที่ชอบความฉ่ำและกลิ่นผลไม้รสเปรี้ยว สดชื่นๆ ‘ฮอปส์สายพันธุ์ Galaxy’ จากออสเตรเลีย ที่โดดเด่นด้วยท็อปโน้ตกลิ่นซิตรัส และยังได้รสหวานของแอปริคอต พีช และเสาวรส
ที่สำคัญคราฟต์เบียร์ที่ใช้ฮอปส์ทั้ง 3 สายพันธุ์ ยังผ่านกรรมวิธีแบบ Dry Hop ซึ่งเป็นกระบวนการผลิตที่จะใส่ฮอปส์ลงไปในช่วงท้ายของการหมัก เพื่อเพิ่มความหอมและเพิ่มกลิ่นอโรมาในเบียร์