×

3 Body Problem การรุกรานจากต่างดาวและคนเราควรค่าแก่การปกป้องจริงหรือ?

28.03.2024
  • LOADING...
3 Body Problem

HIGHLIGHTS

  • 3 Body Problem เป็นซีรีส์ฟอร์มใหญ่จาก Netflix สร้างสรรค์โดย David Benioff และ D.B. Weiss คู่หูเบื้องหลังความสำเร็จของ Game of Thrones และ Alexander Woo มือเขียนบทจาก True Blood โดยสร้างจากนิยายไซไฟชื่อดังของ หลิวฉือซิน ว่าด้วยเรื่องราวของความพยายามป้องกันการรุกรานจากมนุษย์ต่างดาวที่มีเทคโนโลยีเหนือกว่า
  • สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับในความสามารถของทีมผู้สร้างคือ การย่อยเรื่องวิทยาศาสตร์ยากๆ ให้เข้าใจง่าย (แต่แฟนนิยายหลายคนก็คิดว่า นี่คือจุดด้อยที่ทำให้ขาดเสน่ห์ของนิยายวิทยาศาสตร์ลงไป) และการสอดแทรกแนวคิดความเป็นมนุษย์ทั้งแง่ดีและร้ายเข้าไว้ด้วยกัน จนกลายเป็นคำถามว่า มนุษย์ควรค่าที่จะได้รับการปกป้องมากน้อยแค่ไหน

 

 

3 Body Problem เป็นซีรีส์ฟอร์มใหญ่จาก Netflix ที่หลายคนรอคอย ข้อแรกเลย นี่คือผลงานของ David Benioff และ D.B. Weiss คู่หูเบื้องหลังความสำเร็จของ Game of Thrones และ Alexander Woo มือเขียนบทจาก True Blood  

 

ข้อต่อมาคือ ซีรีส์เรื่องนี้สร้างจากนิยายไซไฟชื่อดังของ หลิวฉือซิน ว่าด้วยเรื่องราวของความพยายามป้องกันการรุกรานจากมนุษย์ต่างดาวที่มีเทคโนโลยีเหนือกว่า ซึ่งเต็มไปด้วยทฤษฎีทางธรรมชาติและวิทยาศาสตร์ที่ยากจะเล่าออกมาเป็นภาพให้สนุก น่าติดตาม แต่เมื่ออยู่ในมือของทีมงานที่เคยทำซีรีส์ขึ้นหิ้งอย่าง Game of Thrones ก็น่าลุ้นว่า 3 Body Problem จะออกมาดีได้เหมือนผลงานก่อนหน้าหรือเปล่า

 

แต่หลังจากสตรีมมาได้ 1 สัปดาห์ เสียงจากผู้ชมก็แตกออกเป็น 2 สาย ทั้งแบบชอบมากดูรวดเดียวจบและแบบขอเทตั้งแต่ยังไม่พ้นอีพี 3 เพราะเนื้อหาอาจไม่ได้สนุก ตื่นเต้น แบบเครื่องฟิตสตาร์ทติดง่ายเหมือนซีรีส์ว่าด้วยการรุกรานของมนุษย์ต่างดาวที่ผ่านๆ มา

 

 

3 Body Problem เปิดตัวด้วยเหตุการณ์ปฏิวัติวัฒนธรรมจีนในปี 1966 เย่เหวินเจี๋ย (Zine Tseng) ต้องเห็นพ่อของตัวเอง ซึ่งเป็นศาสตราจารย์วิชาฟิสิกส์ ถูกทุบตีจนตายบนเวทีโดยเหล่ายุวชนแดง มิหนำซ้ำแม่ของเธอก็ขึ้นไปประณามสามีตัวเองเพื่อเอาตัวรอด หลังจากนั้นก็ถูกส่งไปยังค่ายแรงงานในมองโกเลีย และถูกทรมานทรกรรมต่างๆ นานา แต่ด้วยทักษะด้านดาราศาสตร์ฟิสิกส์ ทำให้เธอได้เข้าร่วมในโครงการทางอวกาศของจีน เคราะห์กรรมก็ยังไม่จบแค่นั้น เย่เหวินเจี๋ยต้องเผชิญกับการทรยศหักหลัง จนเธอหมดศรัทธาในความเป็นมนุษย์ และตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่ส่งผลร้ายแรงต่อโลก

 

ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน เครื่องเร่งอนุภาคทั่วโลกเริ่มแสดงผลลัพธ์ท้าทายกฎฟิสิกส์ที่มนุษย์เคยรู้จักไปพร้อมๆ กับการฆ่าตัวตายอย่างปริศนาของนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังมากมาย หนึ่งในนั้นคือ เวรา เย่ (Vedette Lim) อาจารย์จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ทำให้เหล่าเพื่อนสนิทหัวกะทิทางวิทยาศาสตร์ 5 คนต้องกลับมารวมตัวกัน ซึ่งได้แก่ ซัล (Jovan Adepo) ผู้ช่วยของ เวรา เย่, อ็อกกี้ (Eiza González) สุดยอดวิศวกรด้านเส้นใยนาโน, จิน (Jess Hong) นักฟิสิกส์อัจฉริยะ, วิล (Alex Sharp) ครูวิทยาศาสตร์ที่หลงรักจิน และ แจ็ค (John Bradley) อดีตนักวิทยาศาสตร์ที่ผันตัวเองไปทำธุรกิจจนเป็นมหาเศรษฐี

 

 

ทั้ง 5 คนเริ่มเจอประสบการณ์แปลกๆ เช่น อ็อกกี้เห็นเลขนับถอยหลังเพียงคนเดียว และมีบุคคลปริศนาแนะนำให้หยุดพัฒนานวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ของเธอ ส่วนจินและแจ็คถูกดึงดูดเข้าสู่เกมวีอาร์แก้โจทย์ทางฟิสิกส์ โดยมี คลาเรนซ์ (Benedict Wong) อดีตนายตำรวจที่ทำงานให้กับหน่วยงานลึกลับ เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวอยู่ และพบว่าเรื่องราวทั้งหมดเชื่อมโยงไปถึงสิ่งมีชีวิตนอกโลกจากดาวซานถี่ที่กำลังวางแผนยึดครองโลก โดยมีเย่เหวินเจี๋ยในวัยชรา (Rosalind Chao) เป็นผู้นำลัทธิลึกลับให้การช่วยเหลืออยู่ นำมาสู่แผนการปกป้องมวลมนุษยชาติจากการโจมตีที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีก 400 ปี 

 

ด้วยความที่นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายไตรภาค ซึ่งคาดว่าจะถูกนำมาสร้างเป็นซีรีส์ทั้งหมด ช่วงแรกของซีรีส์จึงใช้เวลาในการปูเรื่องราวและเล่าเรื่องกระจัดกระจายไปพร้อมๆ กับเล่าความสัมพันธ์ในกลุ่มเพื่อนทั้ง 5 คน แต่กว่าทั้งหมดจะเชื่อมโยงถึงกันก็อาจทำให้หลายคนถอดใจเทไปตั้งแต่ยังไม่พ้นอีพี 3 อย่างไรก็ตาม ทีมผู้สร้างก็หยอดความน่าตื่นเต้นและน่าติดตามไว้เป็นระยะ โดยเฉพาะฉากตระการตาในเกมวีอาร์ และทิ้งประเด็นค้างคาให้ตามต่ออยู่บ้าง ซึ่งเป็นการวัดความอดทนว่าคนดูจะอดเปรี้ยวไว้กินหวานได้หรือเปล่า 

 

 

แต่เมื่อก้าวเข้าสู่อีพี 4 เนื้อหาก็เดินหน้าไม่หยุดยั้ง พร้อมกับคลี่คลายความสัมพันธ์ของตัวละคร ซึ่งอาจทำให้ย้อนนึกถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยระหว่างทางที่กลายเป็นประเด็นสำคัญของเรื่อง ต้องยอมรับว่าการให้น้ำหนักของตัวละครต่างๆ ปูทางไปที่บทของจินที่เหมือนจะโดดเด่นและมีมิติมากกว่าตัวละครอื่นๆ ตามมาด้วยอ็อกกี้ จนอาจถึงกับการตั้งคำถามถึงการมีอยู่ของสมาชิกในกลุ่มเพื่อนคนอื่นๆ แต่พอเมื่อทุกอย่างเฉลยก็พอเข้าใจได้ว่าส่วนที่ยืนยาวก่อนหน้านั้นทำมาเพื่ออะไร 

 

อีกส่วนที่ต้องชื่นชมคือ ทีมนักแสดงสมทบทั้ง Zine Tseng กับบทเย่เหวินเจี๋ยในวัยสาว ที่ทำให้คนดูเข้าใจสถานการณ์ที่ทำให้เธอกลายเป็นคนแบบนี้ Rosalind Chao บทเย่เหวินเจี๋ยในวัยชรา หรือแม้แต่ตัวละครลึกลับอย่าง ทาเทียน่า (Marlo Kelly) ก็เรียกได้ว่ามาน้อยแต่น่าพิศวงทุกครั้งที่อยู่หน้าจอ แต่ MVP ที่สุดของเรื่องก็ต้องยกให้กับ Benedict Wong ที่มีส่วนในการขับเคลื่อนเนื้อหา ขณะเดียวกันก็สร้างสีสันให้เรื่องไปด้วยในตัว 

 

3 Body Problem. Rosalind Chao as Ye Wenjie in episode 104 of 3 Body Problem. Cr. Courtesy of Netflix © 2023

 

สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับในความสามารถของทีมผู้สร้างคือ การย่อยเรื่องวิทยาศาสตร์ยากๆ ให้เข้าใจง่าย (แต่แฟนนิยายหลายคนก็คิดว่า นี่คือจุดด้อยที่ทำให้ขาดเสน่ห์ของนิยายวิทยาศาสตร์ลงไป) และการสอดแทรกแนวคิดความเป็นมนุษย์ทั้งแง่ดีและร้ายเข้าไว้ด้วยกัน จนกลายเป็นคำถามว่า มนุษย์ควรค่าที่จะได้รับการปกป้องมากน้อยแค่ไหน นับตั้งแต่ฉากเปิดที่ว่าด้วยการปฏิวัติวัฒนธรรมที่แสดงถึงความพยายามสร้างความเปลี่ยนแปลงสังคม แต่สุดท้ายก็ยังติดอยู่ในวังวนเดิม จนตัวละครหลักเลือกไปเข้าข้างผู้รุกรานจากต่างดาว รวมทั้งประเด็นหมิ่นเหม่ทางศีลธรรม อย่างเช่น ฉากกลางเรื่องเมื่อเหล่าฮีโร่เลือกทำอะไรบางอย่างในนามการกอบกู้โลก นำไปสู่ฉากสยดสยองไม่แพ้ฉากโหดๆ ใน Game of Thrones จนทำให้คิดว่ามนุษย์ล้วนเห็นแก่ตัวและพร้อมทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอด

 

3 Body Problem. Sea Shimooka as Sophon in episode 103 of 3 Body Problem. Cr. Courtesy of Netflix © 2023

 

โดยรวมแล้ว 3 Body Problem คือซีรีส์ไซไฟที่ไอเดียดีทั้งในแง่การรวมเอาวิทยาศาสตร์ ความเชื่อ และความเป็นมนุษย์ ไว้ด้วยกัน เพียงแต่การออกสตาร์ทค่อนข้างเชื้องช้า ถ้ามองในแง่ว่า นี่คือการปูทางไปสู่มหากาพย์ในซีซันต่อไปก็พอให้อภัยได้ อย่างไรก็ตาม ซีรีสืเรื่องนี้ก็อาจจะไม่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะคนที่อยากพักสมอง อ่อนล้า และอดนอนมาหลายวัน 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising