ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตอนนี้ข่าวสำคัญในแต่ละวันที่พวกเราต้องตามเกาะติดด้วยความสนใจและเอาใจช่วย คงหนีไม่พ้นข่าวของ พี่ตูน (คือทุกคนเรียกแกว่าพี่หมดไม่ว่าจะอายุเท่าไร) อาทิวราห์ คงมาลัย หรือพี่ตูน บอดี้สแลม ที่กำลังวิ่งทุกวัน วันละหลายกิโลเมตร ในโครงการ ‘ก้าวคนละก้าว’ เพื่อระดมทุนช่วยเหลือโรงพยาบาลและซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งเป้าหมายแรกๆ เขาตั้งใจเพียงให้คนไทย 70 กว่าล้านคน สมทบทุนกันคนละ 10 บาท รวมเป็น 700 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาล 11 แห่งทั่วประเทศ ที่ขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น และวันนี้ตัวเลขล่าสุดที่ตูนสามารถระดมทุนได้ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนเข้าสู่หลัก 200 ล้านบาทแล้ว (ข้อมูล ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2560)
ตัวเลขบริจาคก็เรื่องหนึ่ง แต่ระยะทางที่ตูนต้องวิ่งกว่า 2,191 กิโลเมตร จากอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ขึ้นเหนือไปถึงอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ก็ต้องยอมรับว่าเป็นระยะทางที่ชวนท้อถอยมากสำหรับใครหลายๆ คน
แต่ทั้งหมดทั้งปวง เมื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวันที่ผ่านไปกับทุกระยะทางที่ผ่านพ้นของการวิ่งครั้งประวัติศาสตร์ในวันนี้แล้ว บนเส้นทางอันยาวไกลนั้น มีเรื่องราวระหว่างทางเกิดขึ้นมากมายนับกันไม่หวาดไม่ไหว และผู้เขียนเชื่อว่ามันเกิดขึ้นแทบทุกขณะ แทบทุกลมหายใจเข้าออก แทบทุกย่างก้าวที่ตูนวิ่งไป จนดูเหมือนยิ่งตอกย้ำความเชื่อที่ว่า ความยิ่งใหญ่ใดๆ ในโลกนี้ ล้วนเกิดจากองค์ประกอบเล็กๆ เช่นนี้เอง และท้าย ที่สุดแล้วความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ก็ไม่ได้เกิดจากอะไรเลย นอกจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ น้อยๆ แต่ทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
ก้าวทุกก้าวของนักวิ่งส่งผลกับร่างกายของเขาเองทั้งในทางที่ดีและแย่ ขึ้นอยู่กับการปรับตัวและแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ ในทุกครั้งที่ออกวิ่ง นักวิ่งที่ดีล้วนเริ่มต้นจากการเป็นนักวิ่งที่ไม่ได้เรื่องมาก่อน เหมือนตัวผู้เขียนเอง ที่ตอนเริ่มต้นวิ่งก็ลำบากยากเย็นเหลือเกินกว่าจะเคี่ยวเข็นตัวเองให้ผ่านแต่ละกิโลเมตรไปโดยไม่หยุดนั่งเสียก่อน แต่การลุกขึ้นมาวิ่งทุกวันให้ได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาชนะใจตัวเองให้ได้ วันนี้ได้ 1 กิโลเมตร มันก็ต้องมีสักวันที่เราวิ่งได้มากกว่าเดิม เหมือนที่ตูนเองก็คงไม่ได้คาดคิดว่าวันนี้เขาจะทำลายสถิติตัวเองที่เคยวิ่งเมื่อครั้งหาเงินให้กับ โรงพยาบาลบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อปีที่แล้ว
ซึ่งการทำลายสถิติเดิมนั้น แปลว่าเขาวิ่งผ่านหลัก 400 กิโลเมตร ไปเรียบร้อยแล้ว
ไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์เราสามารถทำในสิ่งเหล่านี้ได้ ขณะเดียวกันก็ไม่น่าเชื่อว่าคนคนหนึ่งที่บอกเสมอว่าตัวเองไม่ใช่ฮีโร่ของใคร จะสามารถสร้างแรงบันดาลใจ สร้างรอยยิ้ม สร้างความเปลี่ยนแปลงในหัวใจคนได้มากมายอย่างที่แทบไม่เคยปรากฏมาก่อนเช่นนี้
แต่พูดกันตรงๆ ผู้เขียนก็ไม่ได้คิดว่าตูนเป็นมนุษย์ที่มีอะไรเหนือใคร เพราะกว่าจะมาเป็น ตูน บอดี้สแลม เขาก็ต้องใช้ความพยายาม ใช้เรี่ยวแรง และหัวใจต่อสู้ เพื่อยืนหยัดทำงานที่เขารักมาแล้วทุกวันตลอดหลายสิบปีที่อยู่ในวงการเพลง
เราไม่รู้หรอกว่าเขาเจออะไรมาบ้าง และกี่ครั้งที่ชีวิตทำให้เขาทดท้อ แต่ก็นั่นแหละ หากเขาไม่ยืนระยะ ไม่ใช้น้ำอดน้ำทน ไม่ใช้ความเข้มแข็งของหัวใจฝ่าฟันทุกความยากลำบาก พวกเราและแม้แต่ตัวเขาเอง ก็อาจไม่ได้เห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ทุกวันนี้
ระยะทางรวม 2,191 กิโลเมตร ของตูนยังเหลืออีกยาวไกล แต่เขาก็ยังออกวิ่งทุกวันไม่เคยหยุด และวันนี้ จะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่แค่ตูนเท่านั้นหรอกที่ออกวิ่ง แต่พวกเราทุกคนก็ทำเช่นกัน เพียงแต่ทำในเรื่องที่แตกต่างกันไป พวกเราล้วนมีหลักกิโลเมตรที่ตั้งใจจะเดินทางไปให้ถึง และเป็นระยะทางที่ สั้น-ยาวไม่เท่ากัน ใช้เรี่ยวแรงไม่เหมือนกัน แต่หากเรามีเป้าหมายที่ต้องไป ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะหยุด มันไม่เกี่ยวหรอกว่าเราจะไปได้ไกลกว่าใครหรือเปล่า สิ่งเดียวที่เกี่ยวข้องก็คือ มันเป็นเส้นทางที่เราอยากไปหรือไม่ และเราเก็บเกี่ยวอะไรได้ระหว่างทางที่ผ่านไป เพราะนั่นแหละคือคุณค่าของการออกวิ่ง ซึ่งแต่ละคนต่างก็เก็บเกี่ยวได้ไม่เท่ากันเลย
ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถวิ่งไปบนระยะทาง 2,191 กิโลเมตรได้ แต่เชื่อว่าทุกคนมีเส้นขอบฟ้าของตัวเอง ที่ตั้งใจจะออกไปแตะด้วยมือของ ตัวเองทั้งสิ้น
แม้วันนี้เส้นขอบฟ้านั้นยังอาจยาวไกล และไม่มีใครรู้ว่าเราจะไปถึงหรือไม่ แต่หากอยากรู้ก็ต้องก้าวออกไป ไม่ว่าจะต้องใช้สักกี่ก้าว ก็ต้องลองดู เพราะที่แน่ๆ ไม่มีเส้นขอบฟ้าที่ใดในโลก ก้าวออกมาหาคนที่ยืนอยู่กับที่