ช่วงเย็นของวันที่ 18 พฤศจิกายน สิ่งที่สื่อไทยหลายสำนักคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น เมื่อช่วงเย็นประมาณเวลา 17.15 น. พายุฝนเคลื่อนตัวเข้าปกคลุมสนามกีฬาแห่งชาติหมีดิ่ญ สนามซึ่งจะใช้เป็นสังเวียนสำหรับฟุตบอลทีมชาติไทยที่บุกมาเยือนเวียดนามในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบที่ 2 นัดที่ 5 ของกลุ่ม G 

 

 

พายุฝนถล่มลงมาอย่างหนักจนหลังคาของสนามที่เปิดใช้มาตั้งแต่ซีเกมส์ ปี 2003 ก็เริ่มรั่วลงมา พร้อมกับป้ายโฆษณาต่างๆ ปลิวไปตามสายลม ถาโถมลงใส่นักเตะเสมือนความคาดหวังของแฟนบอลทั้งสองทีม ก่อนเกมจะเริ่มต้นขึ้นในเวลา 20.00 น. ของวันอังคารที่ 19 พฤศจิกายนที่สนามแห่งนี้ 

 

 

ตลอดการเตรียมพร้อมของทีมชาติไทยตั้งแต่ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ด้วยเป้าหมาย 6 คะแนนจากการบุกออกไปเยือนมาเลเซียและเวียดนามเพื่อรักษาสถานะของทีมหัวตารางในกลุ่ม G 

 

 

แต่สถานการณ์ของไทยตั้งแต่เดินทางมาถึงกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง หลังจากที่เป็นหัวตารางมี 7 คะแนน มาวันนี้ไทยกลายเป็นอันดับที่ 2 รองจากเวียดนามที่เก็บได้ 10 คะแนนจากเกม 4 นัดที่ผ่านมา โดยยังไม่พบเจอกับความพ่ายแพ้ให้กับใครเลยในรอบนี้ 

 

“ถามโค้ชอากิระ นิชิโนะ หน่อยว่ารอยยิ้มที่เคยมีที่สนามกีฬาธรรมศาสตร์ รังสิต หายไปไหนแล้ว” 

 

 

สื่อเวียดนามกระหน่ำยิงคำถามเข้าใส่โค้ชนิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนของไทยภายในงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน เพื่อสร้างความกดดันอย่างต่อเนื่องให้กับไทย 

 

ที่กรุงฮานอยแห่งนี้ที่ THE STANDARD มาสัมผัสตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน ก็พบว่าความมั่นใจของแฟนเวียดนามมีสูงมาก ตั้งแต่แฟนบอล นักเตะ ทีมงาน และสตาฟฟ์โค้ช 

 

 

ทาง ซิโก้-เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดที่เคยบุกมาชนะเวียดนามไปถึง 3-0 ที่สนามแห่งนี้ให้สัมภาษณ์กับเดลินิวส์ มองว่าความมั่นใจนี้เองจะเป็นเหมือนกับช่องโหว่ที่ไทยจะมุดลอดเข้าไปสร้างโอกาสทำประตูได้ในระหว่างที่เวียดนามโหมเครื่องจักรเกมรุกดาวทองบุกเข้าใส่ไทยในเกมนี้ 

 

 

ซึ่งทางเวียดนามต้องยอมรับว่าติดตามการรายงานข่าวจากประเทศไทยอย่างใกล้ชิด การไลฟ์ของเพจนักข่าวไทยต่างๆ ก็มีแฟนบอลเวียดนามเข้ามาติดตาม 

 

 

นักข่าวเวียดนามนำเอาบทสัมภาษณ์ของโค้ชนิชิโนะที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อไทยกลับมาถามนิชิโนะภายในงานแถลงข่าว รวมถึงสื่อโทรทัศน์ก็ให้ความสำคัญกับข่าวสารที่ออกจากแคมป์ทีมชาติไทยไม่แพ้ความเคลื่อนไหวของทีมชาติพวกเขาเอง 

 

 

แต่แม้ว่าลมจะถาโถมเข้าใส่ด้วยแรงกดดันและความคาดหวังในส่วนที่มองว่าไทยเป็นรองนั้น ทีมชาติไทยเองก็ยังอยู่ในสภาพที่ดีจากการที่ได้นักเตะอย่าง อุ้ม-ธีราทร บุญมาทัน อีกหนึ่งนักเตะไทยที่ค้าแข้งอยู่ในเจลีกกลับมาลงสนามได้ในเกมนี้ ทำให้นิชิโนะมีโอกาสปรับปรุงแดนหลังจากเกมที่บุกพ่ายมาเลเซียมาก่อนหน้านี้ 

 

บวกกับสถิติของไทยในสนามกีฬาแห่งชาติหมีดิ่ญ สนามที่เปิดใช้งานในซีเกมส์ ปี 2003 และนับเป็นสนามที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของเวียดนาม กลับเป็นสนามเหย้าที่เวียดนามไม่เคยสามารถเอาชนะไทยได้เลยสักครั้งเดียว โดยไทยเราสามารถบุกมาเยือนและเก็บชัยชนะไปได้ 2 ครั้ง และเสมอกันไป 2 ครั้ง 

 

 

แต่สิ่งที่ต้องยอมรับคือเวียดนามในวันนี้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ทั้งอันดับโลกจากการจัดอันดับของฟีฟ่าที่แซงไทยขึ้นไปแล้ว รวมถึงการคว้าแชมป์ซูซูกิคัพสมัยล่าสุดไปครอง ทำให้เหลือเพียงชัยชนะที่สมบูรณ์แบบของพวกเขาคือการคว้าชัยเหนือไทย ซึ่งเป็นทีมที่เวียดนามยังคงให้ความเคารพอยู่ในภูมิภาคนี้ 

 

 

ที่ยืนยันว่าเวียดนามยังคงให้ความเคารพ แม้ว่าจะมีเสียงจากสื่อเวียดนามหรือแม้กระทั่งโค้ชพัคฮังซอ กุนซือชาวเกาหลีใต้ของเวียดนาม ที่ดูจะมีการเล่นสงครามจิตวิทยากับทีมไทยอยู่บ้าง

 

แต่การที่เวียดนามให้ความสำคัญกับเกมนี้เป็นอย่างมากก็เนื่องจากการจะก้าวข้ามไปสู่ระดับเอเชียอย่างสมบูรณ์แบบก็คือการเอาชนะไทยให้ได้  

 

 

สิ่งเดียวที่ไทยทำได้ในเวลานี้จึงเป็นการรักษาความหวังภายในทีม เพราะด้วยศักยภาพของนักเตะ ต้องยอมรับว่าไทยเรามีดีอยู่

 

ซึ่งเป็นสิ่งที่นิชิโนะย้ำเตือนทีมงานให้เร่งฟื้นสภาพร่างกายและจิตใจให้พร้อมสำหรับเกมนี้ เช่นเดียวกับซิโก้ที่ให้สัมภาษณ์ผ่านเดลินิวส์ว่า 

 

“สิ่งสำคัญคือเรื่องสภาพจิตใจของนักเตะที่ต้องเรียกความมั่นใจกลับมาให้ได้”

 

 

ในเวลานี้แม้ว่าสถานการณ์จะบ่งบอกว่าไทยดูเป็นรองในการมาเยือน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสสำคัญที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาสร้างเซอร์ไพรส์และบุกเก็บชัยชนะเพื่อรักษาสถานะของทีมชั้นนำของอาเซียนในตารางคะแนนกลุ่ม G

 

ทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับตัวนักเตะและทีมงานที่จะรักษาสมาธิ ใส่ใจในรายละเอียด และใช้พลังของทีมเวิร์กที่เป็นจุดเด่นของทีมชาติไทยในยุคสมัยของ อากิระ นิชิโนะ ทำผลงานให้ดีที่สุดในสนาม 

 

ส่วนแฟนบอลชาวไทย รวมทั้งทัพสื่อไทยทั้งที่เดินทางมาฮานอยและที่อยู่ในประเทศไทยก็ร่วมส่งกำลังใจเชียร์ผ่านทุกช่องทาง 

 

เพราะเราเชื่อว่าทุกกำลังใจมีความหมายในเกมที่เราต้องหวังในสิ่งที่ดีที่สุด แต่เตรียมพร้อมสำหรับเกมที่ยากที่สุด 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์