ท่าทีของ โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดี ที่โพสต์ข้อความผ่าน X แสดงความพร้อมเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย และพร้อมดำเนินการภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี มาพร้อมกับข้อเสนอสำคัญที่หลายฝ่ายจับตามอง คือ ‘แผนสันติภาพ’ ฉบับล่าสุด ซึ่งเซเลนสกียืนยันความพร้อมดำเนินการในขั้นแรก เพื่อยุติสงครามที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปี
โดยหากรัสเซียตอบรับเงื่อนไขขั้นแรกของแผนสันติภาพฉบับนี้ ก็จะสามารถเดินหน้าไปยังขั้นตอนต่างๆ และทำงานร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อบรรลุข้อตกลงสุดท้าย ที่อาจทำให้ทั้งสองประเทศยุติการสู้รบ และได้สันติภาพที่แท้จริงกลับคืนมา
อย่างไรก็ตาม คำถามสำคัญคือแผนฉบับนี้จะมีโอกาสสำเร็จโดยรัสเซียยอมรับ และไม่ถูกรัสเซียละเมิดข้อตกลงเหมือนที่ผ่านมาใช่หรือไม่?
แผนสันติภาพฉบับใหม่ของเซเลนสกีคืออะไร?
รายละเอียดขั้นตอนแรกของแผนสันติภาพที่เซเลนสกีนำเสนอมี 3 ข้อ ได้แก่
- ปล่อยนักโทษ
- ระงับการโจมตีทางอากาศ ห้ามการใช้ขีปนาวุธ โดรนพิสัยไกล การทิ้งระเบิดแหล่งพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน
- ระงับการสู้รบในทะเลทันที
โดยเขายืนยันว่า หากรัสเซียดำเนินการตามข้อเสนอนี้ ยูเครนก็จะทำเช่นเดียวกัน ก่อนจะเดินหน้าไปยังขั้นตอนต่างๆ และทำงานร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อบรรลุข้อตกลงสุดท้าย
ท่าทียุโรปต่อแผนสันติภาพฉบับนี้
หลังการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำชาติยุโรป แคนาดา NATO และยูเครน ที่จัดขึ้นในกรุงลอนดอนเมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร และ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งฝรั่งเศส ก็มีการระบุถึงแผนหยุดยิงที่สอดคล้องกับสิ่งที่เซเลนสกีนำเสนอในขณะนี้
มาครงกล่าวว่าสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสต้องการเสนอการหยุดยิงชั่วคราว 1 เดือน โดยระงับการโจมตีทางทะเลและทางอากาศ รวมถึงการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน
โดยสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส รวมถึงชาติยุโรปอื่นๆ ยังแสดงความเต็มใจที่จะส่งกองกำลังทหารไปยังยูเครนในฐานะกองกำลังรักษาสันติภาพ หากสามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับรัสเซีย แต่ทางรัสเซียคัดค้านข้อเสนอนี้
เคียร์ ไจล์ส (Keir Giles) ที่ปรึกษาอาวุโสจากสถาบันวิจัย Chatham House มองว่า “เป้าหมายสงครามโดยรวมของรัสเซียจะไม่เปลี่ยนแปลง” และ “กองกำลังใดๆ ในยูเครนที่ตั้งใจจะรักษาสันติภาพจะเป็นอุปสรรคต่อรัสเซีย และเป็นไปได้ว่ารัสเซียจะคัดค้านแนวทางดังกล่าว ด้วยภัยคุกคามร้ายแรงทั้งหมดที่พวกเขาสามารถทำได้”
บริบทเบื้องหลังแผนสันติภาพฉบับใหม่
หนึ่งวันก่อนเซเลนสกีโพสต์ข้อความเสนอแผนสันติภาพดังกล่าว ทรัมป์ประกาศระงับความช่วยเหลือทางทหารต่อยูเครน ซึ่งค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นการตอบสนองหลังเกิดเหตุวิวาทะอย่างดุเดือดและตึงเครียดระหว่างเซเลนสกีและทรัมป์ที่ทำเนียบขาว ซึ่งส่งผลให้แผนลงนามข้อตกลงแร่หายากต้องยกเลิก และเซเลนสกีถูกเชิญออกจากทำเนียบขาว
เซเลนสกีพยายามพลิกสถานการณ์ให้เป็นบวก ด้วยการโพสต์ข้อความ 6 ย่อหน้าใน X ซึ่งเต็มไปด้วยการขอบคุณต่อวอชิงตัน
“เราเห็นคุณค่าอย่างแท้จริงว่าอเมริกาได้ทำมากแค่ไหนเพื่อช่วยยูเครนรักษาอธิปไตยและเอกราชของตน เราจำช่วงเวลาที่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์จัดหาจรวดต่อต้านรถถังให้กับยูเครน เราขอบคุณสำหรับสิ่งนี้”
เซเลนสกียังระบุว่าการประชุมที่ทำเนียบขาวของเขา “ไม่ได้เป็นไปตามที่ควรจะเป็น
“น่าเสียดายที่มันเกิดขึ้นแบบนี้ ถึงเวลาที่จะแก้ไขสิ่งต่างๆ ให้ถูกต้อง”
สหรัฐฯ และรัสเซียจะยอมรับหรือไม่?
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนมองว่ายังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ เนื่องจากรายละเอียดข้อตกลงในแผนสันติภาพของเซเลนสกียังไม่มีความชัดเจนนัก
ไจล์สมองว่ารัสเซียนั้นอยู่ในจุดที่สามารถนั่งรอและมองดูว่ายุโรปจะจับมือกันสนับสนุนแผนสันติภาพที่ยังไม่ชัดเจนฉบับนี้ได้หรือไม่
ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าแผนสันติภาพล่าสุดของเซเลนสกีอาจไม่เป็นผลดีนักต่อรัสเซีย
โดย มารินา มิรอน (Marina Miron) นักวิจัยจากภาควิชาการศึกษาด้านการป้องกัน ที่วิทยาลัยคิงส์คอลเลจลอนดอน มองว่า “รัสเซียมีศักยภาพในการโจมตีระยะไกลมากกว่ายูเครน และมีการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญมากกว่ายูเครน ซึ่งการพักการลงนามจะทำให้รัสเซียเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“ฉันไม่คิดว่ารัสเซียจะสนใจที่จะลงนาม ฉันไม่คิดว่ารัสเซียจะไว้วางใจยุโรป”
ด้าน รศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ ให้ความเห็นว่า รัสเซียน่าจะต้องการให้เซเลนสกีออกจากตำแหน่งประธานาธิบดียูเครน ก่อนที่จะมีการเดินหน้าแผนสันติภาพใดๆ
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะยอมรับแผนสันติภาพของยูเครนหรือไม่ โดยไจล์สชี้ว่า “แรงจูงใจสำหรับทรัมป์นั้นแตกต่างจากแรงจูงใจสำหรับยูเครนและยุโรปอย่างมาก” ซึ่งการยอมรับหรือไม่ยอมรับแผนสันติภาพฉบับใหม่ของเซเลนสกีขึ้นอยู่กับว่าทรัมป์จะได้แรงจูงใจจากข้อตกลงแร่หายากได้มากน้อยแค่ไหน
“เราเห็นช่องว่างทางตรรกะมากมายในข้อเสนอของยูเครน ข้อเสนอแนะจากสตาร์เมอร์ ที่กล่าวว่าไม่มีอะไรเป็นไปได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ จะกลายเป็นหลุมทรายดูด หากสหรัฐฯ ระบุอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องสนับสนุน”
ขณะที่มิรอนชี้ว่า “สหรัฐฯ ต้องการคุยกับยูเครน แต่ไม่เฉพาะแค่เซเลนสกี” และชี้ว่า หลังลงนามแผนสันติภาพ ทำเนียบขาวอาจผลักดันให้มีการเลือกตั้งใหม่ในยูเครน
แฟ้มภาพ: Ukrainian Presidential Press Service / Handout via Reuters / File Photo
อ้างอิง: