นับเป็นความร่วมมือของ 2 เชนร้านอาหารจานด่วนยักษ์ใหญ่ของเอเชียเลยทีเดียว เมื่อ Yoshinoya ประกาศร่วมทุนกับ Jollibee ในการตั้งบริษัทเพื่อเปิดร้านข้าวหน้าเนื้อสไตล์ญี่ปุ่นให้ได้ 50 สาขาในฟิลิปปินส์
ทั้งคู่ได้ร่วมทุน 50-50 ในการตั้งบริษัทซึ่งมีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 130 ล้านเปโซ หรือราว 50 ล้านบาท โดยทั้ง 50 สาขาที่วางแผนจะเปิดจะอยู่ภายใต้ ‘แผนระยะยาว’ ซึ่งไม่ได้กำหนดว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร ขณะเดียวกันแผนการขยายสาขาจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในทันทีต่อ Jollibee ซึ่งมีร้านอาหารในมือกว่า 5,800 สาขาทั่วโลก
Jollibee เชื่อมั่นในศักยภาพของ Yoshinoya ในการให้บริการจัดส่งแบบเดลิเวอรี ท่ามกลางข้อจำกัดในการนั่งรับประทานอาหารในร้าน ซึ่งปัจจุบันร้านอาหารส่วนใหญ่ในฟิลิปปินส์ถูกจำกัดให้ลูกค้าสามารถรับประทานอาหารได้ระหว่าง 50-75% ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด
การร่วมทุนครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่แบรนด์ญี่ปุ่นบุกดินแดนพันเกาะ เพราะก่อนหน้านี้ Yoshinoya เคยร่วมมือกับ Century Pacific ตั้งแต่ปี 1992 ก่อนจะเปลี่ยนการบริหารงานจากแฟรนไชส์มาเป็นการบริหารเอง ซึ่งปัจจุปันมีร้านอาหารอยู่ในมือทั้งสิ้น 3 แห่งด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม Jollibee ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1970 ได้วางเป้าที่จะเป็นหนึ่งในเชนร้านอาหารจานด่วนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทว่า การแพร่ระบาดของวิกฤตโควิด-19 ได้คุกคามความทะเยอทะยานของบริษัทฟิลิปปินส์ที่เพิ่งประกาศผลประกอบการ
โดยพบว่า Jollibee มีผลขาดทุนสุทธิ 1.15 หมื่นล้านเปโซ หรือราว 7.1 พันล้านบาท สวนทางกับผลงานในปี 2019 ที่ทำกำไร 7.3 พันล้านเปโซ หรือ 4.5 พันล้านบาท ขณะที่ยอดขายทั้งร้านที่เป็นของ Jollibee และแฟรนไชส์ลดลง 28% เป็น 1.76 แสนล้านเปโซ หรือ 1.09 แสนล้านบาท เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ Jollibee ต้องปิดร้านอาหารทั่วโลกไปกว่า 486 สาขา
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: