วันนี้ (14 พฤศจิกายน) นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กประเด็น ‘โควิด แนวโน้มพบสูงขึ้นตามฤดูกาลของโรคทางเดินหายใจ’
นพ.ยง ระบุว่า โรคโควิดมีแนวโน้มพบเพิ่มสูงขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้เมื่อเข้าสู่โรคตามฤดูกาล การระบาดของโรคในประเทศไทยจะพบมากในฤดูฝนและช่วงปลายปีจนถึงต้นปีอีกครั้งหนึ่ง เช่นเดียวกับการระบาดในสมัยไข้หวัดใหญ่ 2009
อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงของโรคลดลง เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานเกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนและการติดเชื้อ รวมถึงมียาที่ใช้รักษาที่ดีขึ้นกว่าในช่วงแรกคือ Molnupiravir Paxlovid และ Remdesivir เช่นเดียวกับสมัยไข้หวัดใหญ่ 2009 เรามี Oseltamivir และวัคซีนเข้ามาปลายปี ในปัจจุบันยาสำหรับโรคโควิดก็หาได้ง่ายขึ้นกว่าเมื่อต้นปีมาก
จำนวนการฉีดวัคซีนขณะนี้น้อยกว่าธรรมชาติที่ฉีดวัคซีนให้หรือการติดเชื้อนั่นเอง ซึ่งเมื่อรวมกันก็จะทำให้ภูมิในประชากรเพิ่มมากขึ้น โดยหลักการแล้วเราอยากให้ประชากรไทยได้รับวัคซีนอย่างน้อย 3 เข็ม ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้ออะไรก็ได้ ไม่แตกต่างกัน และใครที่ได้มากกว่า 3 เข็มแล้ว ถ้าเข็มสุดท้ายได้รับมานานเกินกว่า 6 เดือน ระดับภูมิต้านทานที่เหลืออยู่ไม่เพียงพอ ก็ควรจะได้รับการกระตุ้นอีกครั้งหนึ่ง
นพ.ยง ระบุอีกว่า ขณะนี้ไม่ได้ขาดแคลนวัคซีน จึงอยากเชิญชวนให้กลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มที่เมื่อเป็นโรคแล้วจะรุนแรง ควรได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นได้แล้ว ถ้าฉีดเข็มสุดท้ายมาเป็นเวลานานแล้ว 4-6 เดือนขึ้นไปก็ควรได้รับการกระตุ้น เพื่อช่วยความจำของร่างกาย และช่วยลดความรุนแรงของโรค ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ไหน
“การระบาดในครั้งนี้จะยาวไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ และหลังจากนั้นก็จะเริ่มลดลงต่ำมากๆ แล้วจะไปเพิ่มอีกครั้งหนึ่งในเดือนมิถุนายน คาดว่าในปีหน้าประชากรเกือบทั้งหมดก็น่าจะมีภูมิต้านทานแล้ว ดังนั้นในขณะนี้ถ้าไม่ได้กระตุ้นด้วยวัคซีน ธรรมชาติหรือการติดเชื้อก็จะกระตุ้นให้การติดเชื้ออาการแทรกซ้อนก็จะมากกว่าการฉีดวัคซีน”
