วันนี้ (26 กันยายน) ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงนโยบายรถไฟความเร็วสูงและการปรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศมูลค่า 2 ล้านล้านบาท โดยระบุว่า เมื่อปี 2556 เป็นวันที่รัฐบาลของดิฉันประกาศนโยบายรถไฟความเร็วสูงและการปรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศมูลค่า 2 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่ดี มีประโยชน์ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจตลอด เพราะโครงการใหญ่เช่นนี้จะก่อให้เกิดการจ้างงานตั้งแต่ระดับผู้ใช้แรงงาน ไปจนถึงเกิดการลงทุนของเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ที่สำคัญโครงการรถไฟความเร็วสูงจะเป็นการเชื่อมระบบคมนาคมและขนส่งสินค้าตั้งแต่ห่วงโซ่การผลิตต้นน้ำไปยังปลายน้ำ อำนวยความสะดวกให้กับทุกภาคส่วน
วันนั้นหลายคนอาจจะยังไม่เห็นภาพ ไม่เข้าใจประโยชน์และความจำเป็น แต่ดิฉันเชื่อว่าวันนี้สังคมเห็นแล้ว จึงขอย้อนเล่าแนวคิดการทำรถไฟความเร็วสูงอีกครั้งว่า ถ้าโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จจะเกิดผลอะไรขึ้นบ้าง
- การเชื่อมเมืองท่องเที่ยวจะสะดวกขึ้น สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้รู้จักสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ
- การเชื่อมอุตสาหกรรมจากผู้ผลิต แหล่งเพาะปลูกระดับจังหวัดไปจนถึงโรงงานอุตสาหกรรม ส่งผลให้ต้นทุนขนส่งโดยรวมของประเทศลดลง
- การเชื่อมเมือง จะเกิดการพัฒนาเมืองใหม่และการเข้าถึงระบบคมนาคมในจังหวัดรอง จังหวัดเล็ก เพื่อเพิ่มและกระจายความเจริญจากเมืองใหญ่ไปสู่ภูมิภาคต่างๆ ทำให้คนต่างจังหวัดเดินทางได้ง่ายขึ้น มีโอกาสเยี่ยมบ้านได้บ่อยขึ้น หรือถ้าอาศัยในเขตปริมณฑลก็สามารถไปทำงานในเมืองได้อย่างสะดวก
- การเชื่อมระบบคมนาคมจากไทยไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางของตลาดอาเซียน เช่น การเชื่อมต่อจากหนองคายผ่าน สปป.ลาว ไปยังจีน หรือแม้แต่จากเชียงรายเข้าเมียนมาและไปจีนที่เป็นตลาดใหญ่ของไทย ซึ่งจะกระตุ้นการค้าชายแดน ทำให้การขนส่งทั้งคนและสินค้าทำได้สะดวกรวดเร็ว
อดีตนายกรัฐมนตรีระบุต่อว่า เป็นที่น่าเสียดาย หากโครงการนี้ได้เกิดขึ้นตั้งแต่วันนั้น ขณะนี้ประเทศไทยจะมีรถไฟความเร็วสูงใช้กันแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้จะยังไม่มีโครงการแบบนี้เกิดขึ้น ดิฉันหวังว่าแนวคิดเช่นนี้จะไม่ถูกลืมหายไปเพราะจะเป็นการสร้างโอกาสให้คนไทย
“คนต่างจังหวัดอย่างดิฉันฝันและตั้งตารอที่จะได้เห็นระบบคมนาคมขนส่งที่ทำให้การเดินทางของคนไทยจากเมืองกรุงไปสู่ภูมิภาคสะดวก รวดเร็ว และทั่วถึงค่ะ” ยิ่งลักษณ์ระบุ
อ้างอิง: