‘ตลาดน้ำดื่มผสมวิตามิน’ กลายเป็นอีกหนึ่งตลาดที่เราได้เห็นกลุ่มผู้เล่นหน้าใหม่ต่างเปิดหน้าเข้ามาชกบนสังเวียนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา
หากจะถามถึงสาเหตุที่ทำให้น้ำดื่มผสมวิตามินดึงดูดนักชกหน้าใหม่ๆ เข้ามาเรื่อยๆ คงหนีไม่พ้นตัวเลขตลาดที่กำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด มีการประเมินปี 2663 จะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 5,500 ล้านบาท ตัวเลขนี้เคยนับว่ามากกว่า ‘ตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์’ ที่ครั้งหนึ่งเคยขึ้นไปถึงจุดสูงสุดด้วยมูลค่า 3,500-3,800 ล้านบาท ก่อนจะหดตัวเหลือประมาณ 800 ล้านบาทในวันนี้
คำถามที่ตามมาคือ ตลาดน้ำดื่มผสมวิตามินจะเจริญรอยตามตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์หรือไม่ เพราะมองเผินๆ น้ำทั้งหมดมีคุณสมบัติที่ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่ในมุมของ เจษฎา อุดมถิรพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จำกัด ให้ทิศทางกับ THE STANDARD ว่า มีโอกาสเป็นไปได้ยาก
เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคยุคนี้ต่างให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น จริงอยู่น้ำดื่มผสมวิตามินและฟังก์ชันนัลดริงก์ต่างมีคุณสมบัติที่แฝงเหมือนกัน แต่จุดตัดอย่างหนึ่งอยู่ที่น้ำดื่มผสมวิตามินมีน้ำตาลผสมอยู่น้อยมากเมื่อเทียบกับฟังก์ชันนัลดริงก์
“จริงๆ แล้วฐานลูกค้าหลักๆ ของน้ำดื่มผสมวิตามินไม่ได้ไปแย่งกลุ่มฟังก์ชันนัลดริงก์ แต่จริงๆ เป็นกลุ่มน้ำเปล่ามากกว่า เพราะน้ำดื่มผสมวิตามินให้ความสดชื่นเหมือนน้ำเปล่าก็จริง แต่เหนือกว่าตรงที่มีวิตามินเข้ามาสร้างความแตกต่าง” เจษฎากล่าว
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าตลาดน้ำดื่มผสมวิตามินนั้นมีกลิ่นที่หอมหวน ทำให้ตลาดนี้เริ่มขยับจาก White Ocean มาสู่ Red Ocean เรียบร้อยแล้ว เห็นได้จากการอัดโปรโมชันของผู้เล่นที่อยู่ในตลาด ตัวอย่างเช่น การขาย 2 ขวด 15 บาท เป็นต้น
ปัจจุบันมีผู้เล่นหลักๆ อยู่ในตลาดนี้ได้แก่ Goodmood ของค่ายซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ที่นำสินค้ายอดฮิตจากญี่ปุ่นอิมพอร์ตเข้ามาขายในไทย แต่เดิมนั้นวางขายขวดละ 25 บาท แต่ปัจจุบันได้ปรับราคาเหลือ 20 บาท อีกแบรนด์ที่อยู่ในเครือเป๊ปซี่คือ Aquafina BiO วางขายในราคา 20 บาท
และยังมี B’lue ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง Danone Group ยักษ์ใหญ่ด้านตลาดผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับนม (Dairy Products) และ Sappe เจ้าตลาดในกลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ที่เปิดตัวช่วงต้นปีที่แล้ว วางขายในราคา 20 บาท
สำหรับปีนี้นั้นได้มีนักชกหน้าใหม่อีก 2 รายได้แก่ Vitaday ของเจนเนอรัล เบฟเวอร์เรจ เปิดตัวปลายเมษายน วางขายในราคา 17 บาท และล่าสุดคือ ตัน ภาสกรนที ที่ได้ให้อิชิตันปั้น PH PLUS 8.5 เครื่องดื่มน้ำอัลคาไลน์ผสมวิตามินบีรวม ที่มีฤทธิ์ด่างอ่อน ขายในราคา 20 บาท โดยตันนั้นตั้งเป้ายอดขายไว้สูงถึง 1,000 ล้านบาท
แน่นอนว่าการมีคู่แข่งหน้าใหม่เข้ามาในตลาดเรื่อยๆ ทำให้ ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ ซึ่งเป็นรายแรกๆ ที่บุกเบิกตลาดนี้ไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้อีกต่อไป จึงต้องสกัดนักชกหน้าใหม่ด้วยการออก ‘ยันฮี วิตามิน ซี วอเตอร์’ โดยชูจุดเด่นวิตามินซี 200% เข้ามาเสริมทัพเดิมที่มีอยู่ 1 รสชาติ ได้แก่ รสชาติเก๊กฮวย วางขายในราคา 17 บาทเท่าเดิม
นอกเหนือจากสินค้าใหม่แล้ว ยันฮียังวางเกมตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเน้นสร้างการรับรู้ผ่านสื่อทั้งออฟไลน์และออนไลน์
“ความท้าทายของเราคือแข่งกับตัวเองมากกว่า ตัวเรานั้นไม่ได้เล่นกีฬาชกมวย แต่เรากำลังวิ่งแข่ง โดยวิ่งอยู่ในลู่ของตัวเอง ไม่ได้เข้าไปวิ่งในลู่ของคนอื่น สิ่งสำคัญคือเราต้องวิ่งในลู่ของตัวเองให้เร็วที่สุด” เจษฎากล่าวในที่สุด
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
