ในการเปิดประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 20 เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กล่าวถึง 5 นโยบายทางเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาเศรษฐกิจ ยุทธศาสตร์ความรุ่งเรืองรวมกัน การมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม และยืนยันว่าจะใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ต่อไป เพื่อปกป้องชีวิตและสุขภาพของผู้คน
-
ความรุ่งเรืองร่วมกัน
ในการประชุมครั้งนี้ สีจิ้นผิง ได้เน้นย้ำถึงสโลแกน ‘ความรุ่งเรืองร่วมกัน’ ตามที่นักวิเคราะห์หลายคนคาดไว้ โดยระบุว่า “เราจะผลักดันเพื่อความรุ่งเรืองร่วมกันต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง เราจะปรับปรุงระบบการกระจายรายได้ เราจะรับประกันว่า ผู้ที่ทำงานหนักกว่า ต้องได้เงินมากกว่า และจะสนับสนุนให้ผู้คนบรรลุความเจริญรุ่งเรืองผ่านการทำงานหนัก เราจะส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสอย่างเสมอภาคกัน เพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้ต่ำ และขยายขนาดกลุ่มคนรายได้ปานกลาง”
ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว สีจิ้นผิงได้ยกระดับนโยบาย ‘ความรุ่งเรืองร่วมกัน’ ผ่านการปฏิรูปกฎระเบียบของภาคเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ภาคการศึกษา และอสังหาริมทรัพย์ ทำให้เกิดความกังวลจากนักลงทุนที่ขาดทุนอย่างหนักจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างกะทันหัน
แม้แคมเปญดังกล่าวจะไม่ได้รับความสนใจมากในปีนี้ เนื่องจากการล็อกดาวน์ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจหนัก แต่เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม สีจิ้นผิงได้ทำให้ทุกฝ่ายเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า นโยบายความรุ่งเรืองร่วมกันยังคงเป็นนโยบายที่มีลำดับความสำคัญสูง
-
เดินหน้าผลักดันเศรษฐกิจต่อเนื่อง
แม้ว่านักวิเคราะห์บางคนคาดการณ์ว่า อาจมีการเปลี่ยนแปลงสุนทรพจน์เล็กน้อย โดยเน้นไปที่ความมั่นคงของชาติแทน และยอมสูญเสียการเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (16 ตุลาคม) สีจิ้นผิงยังย้ำว่า การพัฒนาเป็น ‘ความสำคัญสูงสุด’ ของพรรค ไม่ต่างจากการประชุมครั้งก่อน
“การพัฒนาที่เน้นคุณภาพมีความสำคัญสูงสุดในการสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ในทุกด้าน การพัฒนาคือสิ่งสำคัญสูงสุดของพรรค เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ที่เข้มแข็งในทุกด้าน โดยไม่มีรากฐานวัสดุและเทคโนโลยีที่มั่นคง”
-
สานต่อการพัฒนากลุ่มเทคโนโลยี
สีจิ้นผิงยังระบุว่า จะให้ความสำคัญกับภาคเทคโนโลยีและนวัตกรรมมากขึ้น เป็นการสร้างความหวังว่า สถานการณ์ในภาคอุตสาหกรรมดังกล่าวพลิกฟื้นอีกครั้ง หลังจากการปราบปรามบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ก่อนหน้านี้ รวมถึง Alibaba Group Holding และ Tencent Holdings ได้กวาดล้างมูลค่าตลาดดังกล่าวไปกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์
“เราจะมุ่งเน้นไปที่ความต้องการเชิงยุทธศาสตร์ของชาติ รวบรวมความแข็งแกร่งเพื่อดำเนินการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นนำ และเอาชนะการต่อสู้ในเทคโนโลยีสำคัญอย่างเด็ดเดี่ยว” ผู้นำจีนกล่าว
-
มุ่งสู่ Green Economy
ในการประชุมใหญ่ สีจิ้นผิงระบุว่า “เราจะทำงานอย่างจริงจังและรอบคอบเพื่อบรรลุเป้าหมายในการปล่อยคาร์บอนสูงสุด และการเป็นกลางของคาร์บอน เราจะพัฒนาความคิดริเริ่มเพื่อปล่อยคาร์บอนสูงสุด ด้วยวิธีการที่มีการวางแผนมาอย่างดีและเป็นขั้นเป็นตอน”
เป็นการตอกย้ำความพยายามของสีจิ้นผิง ที่ต้องการทำให้นโยบายสิ่งแวดล้อมเป็นผลงานสำคัญของเขา โดยสีจิ้นผิงได้ลดมลพิษทางอากาศที่รบกวนชาวเมืองลงได้อย่างมาก และกำหนดเป้าหมายที่ทะเยอทะยานสำหรับจีน รวมถึงเป้าหมายปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ภายใน 4 ทศวรรษด้วย
อย่างไรก็ตาม ปัญหาการขาดแคลนพลังงานทั่วประเทศ และความวุ่นวายด้านพลังงานทั่วโลก หลังจากสงครามในยูเครนได้เปลี่ยนโฟกัสของจีนให้กลับไปที่ความมั่นคงด้านพลังงานอีกครั้ง ส่วนเป้าหมายด้านสภาพอากาศต้องตกมาเป็นอันดับ 2
-
ยืนนโยบาย Zero-COVID
สำหรับนโยบาย Zero-COVID สีจิ้นผิงได้กล่าวชื่นชมการทำงานของพรรคคอมมิวนิสต์ ตลอดระยะเวลาของการระบาดใหญ่ที่ผ่านมา พร้อมย้ำว่า ยุทธศาสตร์นี้ช่วยปกป้องชีวิตและสุขภาพของประชาชน แม้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนจะเตือนว่า นโยบายดังกล่าวสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างหนักก็ตาม
“ในการตอบสนองต่อการระบาดของโรคโควิดอย่างกะทันหัน เราให้ความสำคัญกับผู้คนและชีวิตของพวกเขาเหนือสิ่งอื่นใด และดำเนินตามนโยบายติดเชื้อเป็นศูนย์อย่างเหนียวแน่น ในการทำสงครามกับไวรัสอย่างเต็มรูปแบบ” สีจิ้นผิงกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- กูรูชี้ จีนต้องเร่งดันเศรษฐกิจให้โต 2 เท่า เพื่อบรรลุเป้าหมาย ‘ประเทศรายได้ปานกลาง’ ของ ‘สีจิ้นผิง’
- ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนกำลังเฟื่องฟู แต่ความหวือหวานี้จะอยู่ได้นานอีกเท่าไร?
- ‘IMF’ แนะจีนอัดฉีดเศรษฐกิจเพิ่ม! เน้นกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ขณะที่สีจิ้นผิงยันใช้นโยบาย ‘Zero-COVID’
อ้างอิง: