ภาพของ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จับมือกับบรรดาผู้นำบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนด้วยรอยยิ้มเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ดูเหมือนจะเป็นการยืนยันว่ายุคมืดของบริษัทเทคโนโลยีจีนกำลังจบลงอย่างเป็นทางการ
เราได้เห็นผู้นำของหลายบริษัทเทคที่มีมูลค่ารวมกันอย่างน้อย 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 50 ล้านล้านบาท เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ ได้แก่
- Pony Ma ซีอีโอ Tencent (มูลค่าตลาด 5.60 แสนล้านดอลลาร์)
- Jack Ma ผู้ร่วมก่อตั้ง Alibaba (มูลค่าตลาด 3.02 แสนล้านดอลลาร์)
- Zeng Yuqun ซีอีโอ CATL (มูลค่าตลาด 1.65 แสนล้านดอลลาร์)
- Lei Jun ซีอีโอ Xiaomi (มูลค่าตลาด 1.45 แสนล้านดอลลาร์)
- Wang Chuanfu ซีอีโอ BYD (มูลค่าตลาด 1.41 แสนล้านดอลลาร์)
- Wang Xing ซีอีโอ Meituan (มูลค่าตลาด 1.36 แสนล้านดอลลาร์)
- Ren Zhengfei ผู้ก่อตั้ง HUAWEI และ Liang Wenfeng ซีอีโอ DeepSeek ซึ่งเป็นบริษัทที่ยังไม่ได้เข้าจดทะเบียนในตลาด
การประชุมที่เกิดขึ้นนี้ทำให้หลายคนเริ่มย้อนกลับไปนึกถึงช่วงเวลาเมื่อ 10 ปีก่อนอีกครั้ง พร้อมความคาดหวังว่านี่อาจเป็นขาขึ้นรอบใหม่ของหุ้นจีน
“ภาคเอกชนมีความหวังอันกว้างไกลและมีศักยภาพอันยิ่งใหญ่ในการเดินทางครั้งใหม่ในยุคใหม่ นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับองค์กรเอกชนและผู้ประกอบการที่จะแสดงความสามารถอย่างเต็มที่” สำนักข่าว Xinhua รายงานคำพูดของสีจิ้นผิงในการประชุมล่าสุดนี้
Shaun Rein ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ China Market Research Group และผู้เขียนหนังสือ The Split: Finding the Opportunities in China’s Economy in the New World Order มองว่า ประชุมครั้งนี้เป็น ‘ช่วงเวลาสำคัญ’ และ ‘ยิ่งใหญ่’
“บางคนเรียกมันว่าการเดินทางลงใต้ 2.0” ซึ่งคล้ายกับเมื่อปี 1992 ที่ เติ้งเสี่ยวผิง ผู้นำสูงสุดในขณะนั้น เดินทางเยือนภาคใต้ ที่นำไปสู่การปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งสำคัญของจีน และที่สำคัญคือการประชุมครั้งนี้ “เป็นสัญญาณว่ารัฐบาลจีนต้องการให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีของจีนนำโดยภาคเอกชนพัฒนาอีกครั้ง”
ตั้งแต่ต้นปี หุ้นเทคจีนให้ผลตอบแทน 25%
หุ้นจีนในฮ่องกงพุ่งขึ้นทันทีหลังจากการประชุมระหว่างสีจิ้นผิงและบริษัทเอกชนชั้นนำของจีน
ดัชนี Hang Seng China Enterprises เพิ่มขึ้นมากถึง 2% ในวันนี้ (18 กุมภาพันธ์) คิดเป็นการพุ่งขึ้นถึง 23% ตั้งแต่จุดต่ำสุดช่วงเดือนมกราคม และถ้าดูเฉพาะหุ้นเทคจีนผ่านดัชนี Hang Seng Tech พุ่งขึ้นมากว่า 25% ตั้งแต่ต้นปี 2025
สีจิ้นผิงสัญญาว่าจะยกเลิกค่าปรับที่ไม่สมเหตุสมผลต่อบริษัทเอกชน และกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น
Charu Chanana หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของ Saxo Markets มองว่า “การประชุมระหว่างสีจิ้นผิงกับผู้ประกอบการจีน ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในแนวทางของจีนที่มีต่อภาคเอกชน สิ่งที่เกิดขึ้นเพิ่มแรงหนุนให้กับหุ้นเทคโนโลยีของจีน รวมทั้งกระแสของ DeepSeek และเงินทุนที่ไหลออกจากหุ้น Magnificent 7 ของสหรัฐฯ”
จริงๆ แล้วท่าทีของรัฐบาลจีนเริ่มอ่อนลงตั้งแต่ปี 2023 ตอนนั้นรัฐบาลจีนอนุญาตให้ DiDi แอปเรียกรถโดยสาร สามารถกลับมารับผู้ใช้ใหม่ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่แอปของบริษัทถูกแบนจาก App Store ในปี 2021 ต่อมาในปีเดียวกันหน่วยงานกำกับของจีนได้สรุปการสอบสวน Ant Group หลังผ่านไป 3 ปี โดยปรับบริษัทเป็นเงิน 1 พันล้านดอลลาร์
และในปี 2024 Alibaba ประกาศว่าจะอนุญาตให้ผู้ซื้อหลายร้อยล้านคนเลือกใช้ WeChat Pay ของคู่แข่ง Tencent ในการชำระเงิน ยุติปมปัญหาการผูกขาดที่ถูกตั้งคำถามจากรัฐบาลจีน
ย้อนรอยยุคมืดเทคจีน
ยุคทองของหุ้นเทคโนโลยีจีนเริ่มต้นขึ้นประมาณปี 2014 หลังจาก Jack Ma ผู้ร่วมก่อตั้ง Alibaba Group Holding ดันบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE) พร้อมระดมทุนไปกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือกว่า 7 แสนล้านบาท
ณ ตอนนั้น Alibaba ได้ชื่อว่าเป็นหุ้น IPO ที่มีมูลค่ามากที่สุด กระแสของ Alibaba รวมทั้งการเติบโตของ Tencent ตั้งแต่ก่อนหน้านั้น ทำให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีจีนเฟื่องฟูขึ้นอย่างมาก
Jack Ma เองก็ร่ำรวยขึ้นอย่างรวดเร็ว จนความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นเกินเท่าตัว ทะยานไปเกือบ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 1.7 ล้านล้านบาท แต่ในประเทศสังคมนิยมแบบจีน การร่ำรวยอย่างรวดเร็ว ธุรกิจที่ใหญ่โตจนเหมือนจะผูกขาดและความนิยมที่เพิ่มขึ้นมากทั่วโลก นำไปสู่การตัดสินใจ ‘จัดระเบียบ’ อย่างเข้มงวดโดยรัฐบาลจีน
เริ่มตั้งแต่การสั่งระงับ Ant Group ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Alibaba ไม่ให้เข้าจดทะเบียนในตลาด ทั้งๆ ที่อีก 2 วันจะถึงวันเข้าจดทะเบียนตามแผน
หลังจากนั้น Jack Ma ก็แทบจะหายไปจากหน้าสื่อและสาธารณชน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นเขาเดินทางไปร่วมงานหรือบรรยายตามสถานที่ต่างๆ บ่อยมาก
ไม่เพียงแค่ Alibaba เท่านั้น แต่บริษัทเทคจีนอีกหลายแห่งต่างต้องเผชิญกับกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งอุตสาหกรรมติวเตอร์ เกม และฟินเทค จนท้ายที่สุดก็นำไปสู่การดิ่งลงของหุ้นจีนอย่างต่อเนื่อง
ทำไมรัฐบาลจีนกลับมาสนับสนุนบริษัทเทค
ตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนเผชิญกับปัญหาหลายด้าน ทั้งวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ การบริโภคที่ซบเซา หนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่น ลามไปถึงภาวะเงินฝืด
ปัญหาเหล่านี้ทำให้รัฐบาลต้องมองหาเครื่องยนต์ใหม่ในการผลักดันเศรษฐกิจ และหนึ่งในนั้นคือเทคโนโลยี โดยเฉพาะเมื่อมองไปยังคู่แข่งสำคัญอย่างสหรัฐฯ ทำให้รัฐบาลจีนไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าการส่งเสริมเทคโนโลยีจะช่วยให้ประเทศกลับมาเติบโตอีกครั้ง
กระแสของ DeepSeek ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ว่าท้ายที่สุดแล้ว DeepSeek จะสามารถแข่งขันได้จริงหรือไม่ แต่เพียงแค่การเปิดตัวก็สร้างผลกระทบมหาศาลกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสหรัฐฯ
จากการฟื้นตัวอย่างร้อนแรงของหุ้นเทคจีน และสัญญาณที่ดูเหมือนจะเป็นไฟเขียวจากรัฐบาลจีน ล่าสุด Shuli Ren คอลัมนิสต์ของ Bloomberg บอกว่า มี 4 เหตุผลที่นักลงทุนควรจะซื้อหุ้นเทคจีน โดยสรุปก็คือ
ข้อแรกคือ ปัจจุบันรัฐบาลจีนพึ่งพาบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ในการสร้างรายได้ให้กับผู้ที่ตกงาน จำนวนพนักงานส่งอาหารของ Meituan เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าจากปี 2018-2023 ในขณะที่คนขับรถที่ได้รับใบอนุญาตสำหรับบริการเรียกรถเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าจากปี 2021-2024 ตามข้อมูลจาก Gavekal Research
เมื่อปี 2023 จีนมีแรงงานที่ประกอบอาชีพอิสระ 180 ล้านคน คิดเป็น 30% ของกำลังแรงงานนอกภาคเกษตรกรรม ซึ่งอุตสาหกรรมหลักคือเทคโนโลยี
ข้อ 2 คือ ผู้จัดการสินทรัพย์ลงทุนทั่วโลกกำลังมองหาแหล่งลงทุนอื่นนอกเหนือจาก Magnificent 7 ซึ่งหุ้นจีนก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่กำลังพิสูจน์ให้เห็นอย่างต่อเนื่องว่าสามารถสร้างผลตอบแทนชนะค่าเฉลี่ยของโลกได้ในระยะหลัง
ข้อ 3 คือ ภูมิรัฐศาสตร์โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง และดูเหมือนว่าความขัดแย้งจะบรรเทาลงในยุคของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เข้ามาแทนที่ โจ ไบเดน แม้ว่าจะยังมีนโยบายกีดกันทางการค้า แต่เราก็เริ่มเห็นความพยายามในการเจรจามากขึ้น
ข้อ 4 คือ เศรษฐกิจจีนโดยภาพรวมน่าจะดีขึ้น ในเดือนมกราคมที่ผ่านมาอุปทานเงินใหม่แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากแรงผลักดันทางการคลังที่สีจิ้นผิงเคยให้สัญญาไว้เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว การออกพันธบัตรรัฐบาลใหม่มีมูลค่ารวม 6.93 แสนล้านหยวน หรือ 9.6 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 2.95 แสนล้านหยวนในปีที่แล้ว
ภาพ: Jackie Niam / Shutterstock, Mikhail Svetlov / Getty Images, Wu Hao – Pool / Getty Images
อ้างอิง:
- https://www.channelnewsasia.com/east-asia/china-xi-jinping-symposium-private-sector-tech-crackdown-jack-ma-4942901
- https://www.bloomberg.com/opinion/articles/2025-02-17/china-tech-four-reasons-to-buy-beyond-deepseek-and-one-fatal-snag?srnd=homepage-asia&sref=CVqPBMVg
- https://www.businesstimes.com.sg/international/global/why-china-investors-finally-believe-xis-tech-crackdown-over
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-02-17/china-investors-are-starting-to-believe-xi-tech-crackdown-is-over?sref=CVqPBMVg
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-02-18/china-stocks-extend-gains-as-xi-vows-support-for-private-sector?sref=CVqPBMVg
- https://tv.cctv.com/2025/02/17/VIDEKDP8lneOAXhVnmw5Gc3J250217.shtml?spm=C31267.PXDaChrrDGdt.EbD5Beq0unIQ.5