×

สีจิ้นผิงจับมือผู้นำ ‘บิ๊กเทคจีน’ สัญญาณปิดฉากยุคมืด 4 ปี

19.02.2025
  • LOADING...
สีจิ้นผิงประชุมผู้นำบริษัทเทคยักษ์ใหญ่จีน พร้อม Jack Ma - Pony Ma ส่งสัญญาณยุติการปราบปราม

HIGHLIGHTS

6 min read
  • สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จับมือกับบรรดาผู้นำบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีผู้นำบริษัทเทคจีน เช่น Pony Ma ซีอีโอ Tencent และ Jack Ma ผู้ร่วมก่อตั้ง Alibaba รวมทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่อื่นๆ คิดเป็นมูลค่ารวมกันอย่างน้อย 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 50 ล้านล้านบาท เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ 
  • สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กล่าวว่า “ภาคเอกชนมีความหวังอันกว้างไกลและมีศักยภาพอันยิ่งใหญ่ในการเดินทางครั้งใหม่ในยุคใหม่ นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับองค์กรเอกชนและผู้ประกอบการที่จะแสดงความสามารถอย่างเต็มที่”
  • ดัชนี Hang Seng China Enterprises เพิ่มขึ้นมากถึง 2% ในวันนี้ (18 กุมภาพันธ์) คิดเป็นการพุ่งขึ้นถึง 23% ตั้งแต่จุดต่ำสุดช่วงเดือนมกราคม และถ้าดูเฉพาะหุ้นเทคจีนผ่านดัชนี Hang Seng Tech พุ่งขึ้นมากว่า 25% ตั้งแต่ต้นปี 2025
  • Shuli Ren คอลัมนิสต์ของ Bloomberg บอกว่า มี 4 เหตุผลที่นักลงทุนควรจะซื้อหุ้นเทคจีน โดยข้อแรกคือ ปัจจุบันรัฐบาลจีนพึ่งพาบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ในการสร้างรายได้ให้กับผู้ที่ตกงาน จำนวนพนักงานส่งอาหารของ Meituan เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าจากปี 2018-2023 ในขณะที่คนขับรถที่ได้รับใบอนุญาตสำหรับบริการเรียกรถเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าจากปี 2021-2024 ตามข้อมูลจาก Gavekal Research

ภาพของ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จับมือกับบรรดาผู้นำบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนด้วยรอยยิ้มเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ดูเหมือนจะเป็นการยืนยันว่ายุคมืดของบริษัทเทคโนโลยีจีนกำลังจบลงอย่างเป็นทางการ

 

เราได้เห็นผู้นำของหลายบริษัทเทคที่มีมูลค่ารวมกันอย่างน้อย 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 50 ล้านล้านบาท เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ ได้แก่

 

  • Pony Ma ซีอีโอ Tencent (มูลค่าตลาด 5.60 แสนล้านดอลลาร์)
  • Jack Ma ผู้ร่วมก่อตั้ง Alibaba (มูลค่าตลาด 3.02 แสนล้านดอลลาร์)
  • Zeng Yuqun ซีอีโอ CATL (มูลค่าตลาด 1.65 แสนล้านดอลลาร์)
  • Lei Jun ซีอีโอ Xiaomi (มูลค่าตลาด 1.45 แสนล้านดอลลาร์)
  • Wang Chuanfu ซีอีโอ BYD (มูลค่าตลาด 1.41 แสนล้านดอลลาร์)
  • Wang Xing ซีอีโอ Meituan (มูลค่าตลาด 1.36 แสนล้านดอลลาร์)
  • Ren Zhengfei ผู้ก่อตั้ง HUAWEI และ Liang Wenfeng ซีอีโอ DeepSeek ซึ่งเป็นบริษัทที่ยังไม่ได้เข้าจดทะเบียนในตลาด 

 

การประชุมที่เกิดขึ้นนี้ทำให้หลายคนเริ่มย้อนกลับไปนึกถึงช่วงเวลาเมื่อ 10 ปีก่อนอีกครั้ง พร้อมความคาดหวังว่านี่อาจเป็นขาขึ้นรอบใหม่ของหุ้นจีน

 

“ภาคเอกชนมีความหวังอันกว้างไกลและมีศักยภาพอันยิ่งใหญ่ในการเดินทางครั้งใหม่ในยุคใหม่ นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับองค์กรเอกชนและผู้ประกอบการที่จะแสดงความสามารถอย่างเต็มที่” สำนักข่าว Xinhua รายงานคำพูดของสีจิ้นผิงในการประชุมล่าสุดนี้

 

Shaun Rein ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ China Market Research Group และผู้เขียนหนังสือ The Split: Finding the Opportunities in China’s Economy in the New World Order มองว่า ประชุมครั้งนี้เป็น ‘ช่วงเวลาสำคัญ’ และ ‘ยิ่งใหญ่’

 

“บางคนเรียกมันว่าการเดินทางลงใต้ 2.0” ซึ่งคล้ายกับเมื่อปี 1992 ที่ เติ้งเสี่ยวผิง ผู้นำสูงสุดในขณะนั้น เดินทางเยือนภาคใต้ ที่นำไปสู่การปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งสำคัญของจีน และที่สำคัญคือการประชุมครั้งนี้ “เป็นสัญญาณว่ารัฐบาลจีนต้องการให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีของจีนนำโดยภาคเอกชนพัฒนาอีกครั้ง”

 

ตั้งแต่ต้นปี หุ้นเทคจีนให้ผลตอบแทน 25% 

 

หุ้นจีนในฮ่องกงพุ่งขึ้นทันทีหลังจากการประชุมระหว่างสีจิ้นผิงและบริษัทเอกชนชั้นนำของจีน 

 

ดัชนี Hang Seng China Enterprises เพิ่มขึ้นมากถึง 2% ในวันนี้ (18 กุมภาพันธ์) คิดเป็นการพุ่งขึ้นถึง 23% ตั้งแต่จุดต่ำสุดช่วงเดือนมกราคม และถ้าดูเฉพาะหุ้นเทคจีนผ่านดัชนี Hang Seng Tech พุ่งขึ้นมากว่า 25% ตั้งแต่ต้นปี 2025

 

สีจิ้นผิงสัญญาว่าจะยกเลิกค่าปรับที่ไม่สมเหตุสมผลต่อบริษัทเอกชน และกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น 

 

Charu Chanana หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของ Saxo Markets มองว่า “การประชุมระหว่างสีจิ้นผิงกับผู้ประกอบการจีน ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในแนวทางของจีนที่มีต่อภาคเอกชน สิ่งที่เกิดขึ้นเพิ่มแรงหนุนให้กับหุ้นเทคโนโลยีของจีน รวมทั้งกระแสของ DeepSeek และเงินทุนที่ไหลออกจากหุ้น Magnificent 7 ของสหรัฐฯ”

 

จริงๆ แล้วท่าทีของรัฐบาลจีนเริ่มอ่อนลงตั้งแต่ปี 2023 ตอนนั้นรัฐบาลจีนอนุญาตให้ DiDi แอปเรียกรถโดยสาร สามารถกลับมารับผู้ใช้ใหม่ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่แอปของบริษัทถูกแบนจาก App Store ในปี 2021 ต่อมาในปีเดียวกันหน่วยงานกำกับของจีนได้สรุปการสอบสวน Ant Group หลังผ่านไป 3 ปี โดยปรับบริษัทเป็นเงิน 1 พันล้านดอลลาร์

 

และในปี 2024 Alibaba ประกาศว่าจะอนุญาตให้ผู้ซื้อหลายร้อยล้านคนเลือกใช้ WeChat Pay ของคู่แข่ง Tencent ในการชำระเงิน ยุติปมปัญหาการผูกขาดที่ถูกตั้งคำถามจากรัฐบาลจีน 

 

ย้อนรอยยุคมืดเทคจีน

 

ยุคทองของหุ้นเทคโนโลยีจีนเริ่มต้นขึ้นประมาณปี 2014 หลังจาก Jack Ma ผู้ร่วมก่อตั้ง Alibaba Group Holding ดันบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE) พร้อมระดมทุนไปกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือกว่า 7 แสนล้านบาท 

 

ณ ตอนนั้น Alibaba ได้ชื่อว่าเป็นหุ้น IPO ที่มีมูลค่ามากที่สุด กระแสของ Alibaba รวมทั้งการเติบโตของ Tencent ตั้งแต่ก่อนหน้านั้น ทำให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีจีนเฟื่องฟูขึ้นอย่างมาก 

 

Jack Ma เองก็ร่ำรวยขึ้นอย่างรวดเร็ว จนความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นเกินเท่าตัว ทะยานไปเกือบ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 1.7 ล้านล้านบาท แต่ในประเทศสังคมนิยมแบบจีน การร่ำรวยอย่างรวดเร็ว ธุรกิจที่ใหญ่โตจนเหมือนจะผูกขาดและความนิยมที่เพิ่มขึ้นมากทั่วโลก นำไปสู่การตัดสินใจ ‘จัดระเบียบ’ อย่างเข้มงวดโดยรัฐบาลจีน

 

เริ่มตั้งแต่การสั่งระงับ Ant Group ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Alibaba ไม่ให้เข้าจดทะเบียนในตลาด ทั้งๆ ที่อีก 2 วันจะถึงวันเข้าจดทะเบียนตามแผน

 

หลังจากนั้น Jack Ma ก็แทบจะหายไปจากหน้าสื่อและสาธารณชน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นเขาเดินทางไปร่วมงานหรือบรรยายตามสถานที่ต่างๆ บ่อยมาก 

 

ไม่เพียงแค่ Alibaba เท่านั้น แต่บริษัทเทคจีนอีกหลายแห่งต่างต้องเผชิญกับกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งอุตสาหกรรมติวเตอร์ เกม และฟินเทค จนท้ายที่สุดก็นำไปสู่การดิ่งลงของหุ้นจีนอย่างต่อเนื่อง

 

ทำไมรัฐบาลจีนกลับมาสนับสนุนบริษัทเทค

 

ตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนเผชิญกับปัญหาหลายด้าน ทั้งวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ การบริโภคที่ซบเซา หนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่น ลามไปถึงภาวะเงินฝืด

 

ปัญหาเหล่านี้ทำให้รัฐบาลต้องมองหาเครื่องยนต์ใหม่ในการผลักดันเศรษฐกิจ และหนึ่งในนั้นคือเทคโนโลยี โดยเฉพาะเมื่อมองไปยังคู่แข่งสำคัญอย่างสหรัฐฯ ทำให้รัฐบาลจีนไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าการส่งเสริมเทคโนโลยีจะช่วยให้ประเทศกลับมาเติบโตอีกครั้ง

 

กระแสของ DeepSeek ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ว่าท้ายที่สุดแล้ว DeepSeek จะสามารถแข่งขันได้จริงหรือไม่ แต่เพียงแค่การเปิดตัวก็สร้างผลกระทบมหาศาลกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสหรัฐฯ

 

จากการฟื้นตัวอย่างร้อนแรงของหุ้นเทคจีน และสัญญาณที่ดูเหมือนจะเป็นไฟเขียวจากรัฐบาลจีน ล่าสุด Shuli Ren คอลัมนิสต์ของ Bloomberg บอกว่า มี 4 เหตุผลที่นักลงทุนควรจะซื้อหุ้นเทคจีน โดยสรุปก็คือ 

 

ข้อแรกคือ ปัจจุบันรัฐบาลจีนพึ่งพาบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ในการสร้างรายได้ให้กับผู้ที่ตกงาน จำนวนพนักงานส่งอาหารของ Meituan เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าจากปี 2018-2023 ในขณะที่คนขับรถที่ได้รับใบอนุญาตสำหรับบริการเรียกรถเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าจากปี 2021-2024 ตามข้อมูลจาก Gavekal Research

 

เมื่อปี 2023 จีนมีแรงงานที่ประกอบอาชีพอิสระ 180 ล้านคน คิดเป็น 30% ของกำลังแรงงานนอกภาคเกษตรกรรม ซึ่งอุตสาหกรรมหลักคือเทคโนโลยี

 

ข้อ 2 คือ ผู้จัดการสินทรัพย์ลงทุนทั่วโลกกำลังมองหาแหล่งลงทุนอื่นนอกเหนือจาก Magnificent 7 ซึ่งหุ้นจีนก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่กำลังพิสูจน์ให้เห็นอย่างต่อเนื่องว่าสามารถสร้างผลตอบแทนชนะค่าเฉลี่ยของโลกได้ในระยะหลัง

 

ข้อ 3 คือ ภูมิรัฐศาสตร์โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง และดูเหมือนว่าความขัดแย้งจะบรรเทาลงในยุคของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เข้ามาแทนที่ โจ ไบเดน แม้ว่าจะยังมีนโยบายกีดกันทางการค้า แต่เราก็เริ่มเห็นความพยายามในการเจรจามากขึ้น 

 

ข้อ 4 คือ เศรษฐกิจจีนโดยภาพรวมน่าจะดีขึ้น ในเดือนมกราคมที่ผ่านมาอุปทานเงินใหม่แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากแรงผลักดันทางการคลังที่สีจิ้นผิงเคยให้สัญญาไว้เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว การออกพันธบัตรรัฐบาลใหม่มีมูลค่ารวม 6.93 แสนล้านหยวน หรือ 9.6 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 2.95 แสนล้านหยวนในปีที่แล้ว 

 

ภาพ: Jackie Niam / Shutterstock, Mikhail Svetlov / Getty Images, Wu Hao – Pool / Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising