×

สีจิ้นผิงร่วมประชุม BRICS วอนทุกฝ่ายยึดมั่นสันติภาพ พร้อมชี้ว่าการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจะย้อนกลับมาทำร้ายทุกฝ่าย

โดย THE STANDARD TEAM
23.06.2022
  • LOADING...
สีจิ้นผิง

ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน ให้สัมภาษณ์ระหว่างเข้าร่วมที่ประชุมภาคธุรกิจกลุ่ม BRICS ออนไลน์ ซึ่งมีขึ้นก่อนเริ่มต้นหารือของบรรดา 5 ผู้นำประเทศกลุ่ม BRICS ซึ่งประกอบด้วย บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีน และแอฟริกาใต้ ที่จีนเป็นเจ้าภาพ โดยเรียกร้องให้มีความพยายามร่วมกันในการค้นหาและปกป้องสันติภาพของโลก พร้อมชี้ให้เห็นว่า “วิกฤตยูเครนกำลังส่งเสียงเตือนสำหรับมนุษยชาติอีกครั้ง

 

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงกล่าวว่า วิกฤตในยูเครนเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทุกคนทั่วโลกตื่นขึ้น ด้วยการเตือนว่าการหลับหูหลับตาศรัทธาในตำแหน่งที่แข็งแกร่ง และความพยายามที่จะขยายพันธมิตรทางทหารและแสวงหาความปลอดภัยของตนเองด้วยการสูญเสียของคนอื่นนั้น มีแต่จะทำให้ตนเองติดอยู่ในวังวนที่ไร้ทางออก

 

ความเห็นและท่าทีของผู้นำจีนในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ได้วิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯ และพันธมิตรชาติตะวันกตกโดยตรง ซึ่งมีส่วนในการยุยงปั่นป่วนให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ผ่านการขยายตัวขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) และบีบบังคับข่มขู่ประเทศอื่นๆ ให้เข้าร่วมการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย

 

ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงกล่าวว่า บรรดาประเทศพัฒนาแล้วทั้งหลายควรหลีกเลี่ยงการก่อผลกระทบด้านลบจากการบังคับใช้นโยบายของตนเอง และหาแนวทางป้องกันผลกระทบรุนแรงที่จะเกิดกับบรรดาประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย

 

นอกจากการใช้โอกาสในเวที BRICS วิพากษ์สหรัฐฯ แล้ว ผู้นำจีนยังใช้โอกาสนี้ กระตุ้นให้นานาประเทศทั่วโลกใช้ความพยายามในการเสริมสร้างธรรมาภิบาลเศรษฐกิจโลก และเพิ่มจำนวนตัวแทนและเสียงของประเทศตลาดเกิดใหม่ และประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายบนเวทีโลก

 

ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงกล่าวชัดเจนว่า การใช้มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจอย่างการคว่ำบาตรกับประเทศอื่นๆ อาจกลายเป็นบูมเมอแรงที่สะท้อนกลับมาทำร้ายตนเองได้ และมาตรการคว่ำบาตรนี้ยังเปรียบเสมือนดาบสองคมที่ในท้ายที่สุดจะลงเอย ไม่เพียงทำลายผลประโยชน์ของผู้อื่น แต่ยังทำลายผลประโยชน์ของตนเองด้วย จนทำให้ทุกฝ่ายต่างเผชิญกับความทุกข์ด้วยกันทั้งหมด

 

นอกจากนี้ ผู้นำจีนยังเสริมอีกว่า ประชาคมโลกจะเดือดร้อนจากกระแสเศรษฐกิจและการเคลื่อนไหวทางการเงินที่ถูกทำให้เป็นประเด็นการเมือง และทำให้เป็นอาวุธทำร้ายกัน

 

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ชาวจีนส่วนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มประเทศ BRICS มีจุดยืนความเป็นกลางที่คล้ายคลึงกันเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในยูเครน และยังได้รับแรงกดดันจากชาติตะวันตกในประเด็นคว่ำบาตรรัสเซียเช่นเดียวกัน การประชุมในครั้งนี้จึงเป็นการแสดงความสามัคคีระหว่างประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เพื่อยืนหยัดทัดทานต่อแรงกดดัน และดำเนินการอย่างอิสระเพื่อปกป้องผลประโยชน์ร่วมกันในการยกระดับความร่วมมือและการพัฒนาระหว่างกัน

 

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญอีกส่วนหนึ่งมองว่า ความเห็นของผู้นำจีนยังชี้ให้เห็นทิศทางที่ถูกต้องในการแก้ปัญหาความท้าทายในปัจจุบัน ที่คุกคามการพัฒนาและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และว่าเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นสำหรับจีนและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่สำคัญอื่นๆ ตลอดจนประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายได้มีพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็นร่วมกัน เกี่ยวกับความท้าทายและวิกฤตระดับโลกในปัจจุบัน

 

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า บรรดาผู้นำกลุ่ม BRICS ที่เข้าร่วมในครั้งนี้ได้เรียกร้องให้ส่งเสริมโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจและการบูรณาการ ในขณะเดียวกันก็ร่วมแสดงจุดยืนต่อต้านการคว่ำบาตรและการแยกตัวออกจากกัน เนื่องจากเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นตัวของโลกหลังจากการระบาดของโควิด โดยนักวิเคราะห์ชาวจีนส่วนหนึ่งกล่าวว่า กลุ่ม BRICS เป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นโดยกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่รายใหญ่ ที่มีอิทธิพลเชิงสร้างสรรค์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในโลกที่กำลังสับสนวุ่นวาย ในขณะที่ระบบตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ กำลังพยายามแยกโลกออกจากกัน และทำให้เกิดการเผชิญหน้ามากกว่าที่จะหาทางแก้ไข ทั้งๆ ที่โลกในเวลานี้ต้องการความร่วมมือ ความไว้วางใจ และความเป็นธรรมที่เท่าเทียมมากกว่าครั้งใดๆ 

 

วันเดียวกันนี้ มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนได้จัดประชุมด้านโยบายการเงินที่สำคัญ โดยที่ประชุมเห็นชอบให้ทางการจีนเตรียมรวมธุรกิจการชำระเงินออนไลน์ ซึ่งรวมถึงบริษัทผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการชำระเงิน และกิจกรรมทางการเงินอื่นๆ ไว้ในขอบเขตการควบคุมดูแลของรัฐบาล ในขณะเดียวกันก็ผลักดันบริษัทผู้ให้บริการชำระเงินขนาดใหญ่ให้ ‘กลับสู่พื้นฐาน’ และป้องกันความเสี่ยงทางการเงินอย่างเป็นระบบ 

 

ทั้งนี้ แผนการข้างต้นมีขึ้นในการประชุมครั้งที่ 26 ของคณะกรรมาธิการกลางเพื่อการปฏิรูปเชิงลึกอย่างครอบคลุม เน้นว่าจีนจะเสริมสร้างกฎระเบียบและระบบการชำระเงินและกลไกการป้องกันความเสี่ยง เพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลทั้งห่วงโซ่และทุกภาคสนาม รวมถึงยืนยันว่าแพลตฟอร์มต้องมีใบอนุญาตเพื่อดำเนินธุรกิจทางการเงิน

 

นอกจากนี้ จีนจะผลักดันการชำระเงินจำนวนมากและแพลตฟอร์มฟินเทค พร้อมเดินหน้าปรับปรุงกฎข้อบังคับ เสริมจุดอ่อนของระบบ ปกป้องความปลอดภัยของการชำระเงินและโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน ตลอดจนป้องกันและแก้ไขอันตรายที่ซ่อนอยู่ของความเสี่ยงทางการเงินอย่างเป็นระบบ

 

ขณะเดียวกันในการประชุม มีการทบทวนและปรับใช้โปรแกรมการทำงานเพื่อเสริมสร้างการจัดการของบริษัทแพลตฟอร์มการชำระเงินขนาดใหญ่ และส่งเสริมการพัฒนาที่ดีของการชำระเงินและแพลตฟอร์มฟินเทค และนอกจากการกำกับดูแลการชำระเงินที่เข้มข้นขึ้นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังเน้นว่าจีนจะยกระดับการกำกับดูแลบริษัทแพลตฟอร์มด้วย

 

อ้างอิง: 

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising