วานนี้ (17 พฤศจิกายน) ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เห็นพ้องที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในระหว่างการหารือนอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC ครั้งที่ 29 แม้ว่านายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นจะแสดง ‘ความกังวลอย่างมาก’ เกี่ยวกับกิจกรรมทางทหารของจีนในภูมิภาคก็ตาม
คิชิดะและสีจิ้นผิงได้ร่วมหารือกันแบบตัวต่อตัวเป็นเวลาประมาณ 45 นาทีหลังจากที่เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ เมื่อช่วงเย็นวานนี้ โดยผู้นำทั้งสองเห็นพ้องที่จะยกระดับการสื่อสารกันในประเด็นด้านความมั่นคง โดยก่อนหน้านี้ ความสัมพันธ์ของญี่ปุ่นและจีนค่อนข้างตึงเครียด เนื่องจากประเด็นไต้หวัน รวมถึงข้อพิพาทด้านดินแดนบริเวณหมู่เกาะเซ็งกากุ (Senkaku) หรือที่จีนเรียกว่าหมู่เกาะเตี้ยวหยู (Diaoyu)
คิชิดะกล่าวว่า “ผมกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลจีนตะวันออก รวมถึงกรณีหมู่เกาะเซ็งกากุ ตลอดจนกิจกรรมทางทหารของจีน ซึ่งรวมถึงการยิงขีปนาวุธ และผมขอเน้นย้ำถึงความสำคัญด้านสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน”
ด้านสีจิ้นผิงได้ส่งสัญญาณถึงความตั้งใจของเขาที่จะประสานความร่วมมือกับญี่ปุ่นเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงและสร้างสรรค์ขึ้นกว่าเดิม โดยระบุว่า “ผมยินดีที่จะทำงานร่วมกับคุณ ตามความรับผิดชอบในฐานะนักการเมืองที่มุ่งสร้างความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่นที่ตอบสนองความต้องการของโลกยุคใหม่จากมุมมองเชิงกลยุทธ์”
ทั้งนี้ การสนทนาของสองผู้นำชาติใหญ่แห่งเอเชียมีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ขณะที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก หลังจากที่สหรัฐอเมริกายกระดับการคว่ำบาตรทางเทคโนโลยีต่อจีน รวมถึงยังเป็นช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองชาติอยู่ในช่วงถดถอย หลังจากที่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จีนได้ยิงขีปนาวุธ 5 ลูกตกลงสู่เขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น ในระหว่างที่จัดการซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันเพื่อตอบโต้การมาเยือนของ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ
นอกจากนี้ คิชิดะยังได้เรียกร้องให้จีนและญี่ปุ่นประสานความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจและพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่สีจิ้นผิงกล่าวว่าควรขยายขอบเขตของการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม
สำหรับในประเด็นสงครามยูเครนนั้น คิชิดะระบุว่า ทั้งตัวเขาและสีจิ้นผิงเห็นพ้องกันว่ารัสเซียจะต้องไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการทำสงคราม แต่ปฏิเสธที่จะกล่าวถึงรายละเอียดว่าสีจิ้นผิงได้พูดอะไรเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวบ้าง
ภาพ: JAPAN POOL VIA JIJI PRESS / JAPAN POOL / JIJI PRESS / AFP
อ้างอิง: