×

WWDC มีอะไรใหม่บ้าง เปิดตัว iOS 14 ฟีเจอร์ใหม่เด็ดแค่ไหน watchOS 7 ตรวจจับการนอนหลับได้แล้ว!

23.06.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

6 mins. read
  • เป็นปีแรกๆ ที่ Apple จัดงานคีย์โน้ต WWDC 2020 งานประชุมสำหรับนักพัฒนาครั้งที่ 31 ขึ้นที่ Apple Park โดยไร้ผู้เข้าร่วมชมงานในฮอลล์แบบสดๆ
  • iOS 14 ที่เปิดตัวในครั้งนี้จะเน้นการปรับดีไซน์ให้ตอบโจทย์การใช้งานจริง สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เริ่มตั้งแต่การเพิ่มฟีเจอร์ Widgets และ App Library เพื่อให้การจัดการหน้าโฮม แอปพลิเคชันเป็นระบบระเบียบ

น่าจะเป็นปีแรกๆ ที่ Apple จัดงานคีย์โน้ต WWDC 2020 หรืองานประชุมสำหรับนักพัฒนาครั้งที่ 31 ขึ้นที่ Apple Park โดยไร้ผู้เข้าร่วมชมงานในฮอลล์แบบสดๆ แต่ใช้วิธีการถ่ายทำในสตูดิโอแทน เนื่องจากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ที่ได้สร้างผลกระทบไปทั่วโลก

 

ปีนี้ Apple ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ๆ ออกมาอีกตามเคย ประกอบด้วย iOS 14, iPadOS 14, watchOS 7 และ macOS Big Sur ส่วนแต่ละระบบปฏิบัติการที่เปิดตัวใหม่นี้จะมีของเล่นใหม่ๆ ฟีเจอร์เด็ดๆ เจ๋งๆ อะไรบ้าง THE STANDARD ได้สรุปเอาไว้ให้คุณแล้ว

 

 

iOS 14 จุดขายคือ ‘Widgets’ เพิ่มความสะดวกจัดการและปรับแต่งหน้าโฮม

เชื่อว่าหน้าโฮมใน iPhone ที่ไม่เป็นระเบียบเอาเสียเลยน่าจะเป็นปัญหาหนักใจที่ใครหลายคนแก้ไม่ตก โดยเฉพาะผู้ใช้งานที่มีแอปพลิเคชันในเครื่องเต็มไปหมด ที่ทำให้แต่ละครั้งอาจจะลืมไปด้วยซ้ำว่าเราเคยดาวน์โหลดแอปฯ นี้มาไว้ในเครื่องของเรา

 

แต่ปัญหาทั้งหมดกำลังจะได้รับการคลี่คลาย เพราะใน iOS 14 ทาง Apple ได้พัฒนาฟีเจอร์ ‘App Library’ ที่เปรียบเสมือนสารานุกรมในการจัดการหมวดหมู่แอปพลิเคชันต่างๆ ให้เป็นระบบระเบียบตามประเภท รวมถึงสามารถค้นหาและเรียกใช้งานได้อย่างง่ายดายด้วยอินเทอร์เฟซที่ดีงาม

 

 

ตามมาด้วย ‘Widgets’ ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งาน iPhone สามารปรับแต่งหน้าโฮมด้วย Widgets จากแอปพลิเคชันต่างๆ ได้ตามต้องการ เพื่อความคล่องตัวและความสะดวกในการใช้งาน ซึ่งตัว Widget ที่เราเห็นในตัวอย่างแล้วรู้สึกว่าน่าจะมีประโยชน์มากๆ และใช้งานได้จริงแน่นอนคือ ‘Smart Stack’ ที่สามารถเปลี่ยนหน้า Widget ต่างๆ ไปได้เรื่อยๆ ตามการใช้งานภายใน Widget เพียงอันเดียว

 

 

ส่วน ‘Picture in Picture’ คือฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้เราสามารถดูวิดีโอต่างๆ ไปพร้อมๆ กับการใช้งาน iPhone ได้ตามปกติ โดยสามารถเลื่อนหน้าต่างของวิดีโอที่เราดูย้ายไปส่วนใดของจอก็ได้ตามที่ต้องการ (เหมือนที่เราดู Netflix ใน Android แล้วกลับมาหน้าโฮม หน้าต่างวิดีโอที่เราดูยังคงเปิดอยู่ แต่ย่อส่วนเล็กลง)

 

ผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ Siri เองก็ถูกปรับแต่งหน้าตาการใช้งาน UI เช่นกัน เพื่อให้เป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม โดยเมื่อเราเรียกใช้งานมัน Siri จะไม่ปรากฏขึ้นทั้งจอ iPhone แล้ว แต่จะโผล่มาในรูปโฉมไอคอนของมันที่บริเวณด้านล่างจอ แล้วช่วยให้การออกคำสั่งต่างๆ ทำงานได้ง่าย สะดวก และเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่คล่องตัวขึ้น แถมยังสามารถอัดข้อความแบบเสียงแล้วส่งออกไปยังผู้รับได้อีกด้วย (Apple เคลมว่า Siri ถูกเรียกใช้งานไม่ต่ำกว่า 25,000 ล้านคำสั่งในแต่ละเดือน)

 

 

และถึงเราจะมี Google Translate แล้ว แต่ดูเหมือนว่า Apple ก็ไม่ยี่หระเลยแม้แต่น้อย เพราะพวกเขาได้เปิดตัวแอปฯ ใหม่ นั่นคือ ‘Translate’ ง่ายๆ ตรงตัว เพื่อช่วยแปลภาษาต่างๆ ทั้งในรูปแบบตัวอักษรและข้อความเสียง แถมยังทำงานแบบออฟไลน์ได้ด้วย ซึ่งจะเริ่มต้นครอบคลุม 11 ภาษาในช่วงแรก ประกอบด้วย ภาษาอังกฤษ, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, สเปน, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เกาหลี, อาหรับ, โปรตุเกสและรัสเซีย

 

ตามมาติดๆ ด้วย Messages ที่สามารถ Pinned ผู้ใช้งานที่เราติดต่อผ่าน Messages บ่อยๆ ได้แล้ว เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ส่วน Memoji จะมีการเพิ่มทรงผมและหัวใหม่ๆ มากกว่า 20 รูปแบบ มีหน้ากากอนามัยให้ใส่ สัญลักษณ์บางอย่างที่บ่งบอกอาชีพ หรือปรับอายุ (ริ้วรอยความเหี่ยวย่นบนใบหน้า) เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ สะท้อนความเป็นตัวตนของตัวเองได้เหมือนมากขึ้น (เพิ่มสติกเกอร์ใหม่ 3 รูปแบบคือ ท่ากอด ชนมือกับเพื่อน และปิดปาก) นอกจากนี้ในการแชตบน Messages แบบกลุ่มยังเพิ่มฟีเจอร์การ Replies และ Mention เพื่อเพิ่มความชัดเจนในบทสนทนาของผู้ใช้งานได้ดีกว่าเก่า

 

Maps ใน iOS 14 จะมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ในการนำทางเข้าไป ที่เห็นชัดๆ คือ การนำทางด้วยพาหนะแบบจักรยาน หรือ Cycling Directions หรือ EV Routing ที่ช่วยแสดงพิกัดจุดชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าระหว่างเส้นทางการเดินทางให้กับผู้ใช้งาน แต่น่าเสียดายที่ฟีเจอร์บน Maps เหล่านี้ยังรองรับการใช้งานครอบคลุมเฉพาะในบางประเทศและบางพื้นที่เท่านั้น

 

อีกหนึ่งลูกเล่นที่น่าสนใจคือการเปลี่ยน iPhone (ทั้ง iOS 13 และ iOS 14) ให้กลายเป็นกุญแจรีโมตรถยนต์ BMW (รองรับใน Series 5 ที่วางจำหน่ายในปี 2021) โดยในกรณีที่ทำ iPhone เครื่องที่แปลงเป็น CarKey หายก็สามารถตัด iPhone เครื่องนั้นออกจากการเป็นกุญแจรถเวอร์ชันดิจิทัลได้ผ่าน iCloud

 

 

ที่ดูจะน่าสนใจไม่แพ้กันคือ ‘App Clips’ เพราะช่วยให้ต่อไปเราไม่ต้องโหลดแอปพลิเคชันใหม่ๆ ที่รู้ทั้งรู้ว่ามีโอกาสใช้งานน้อยและต้องเปลืองพื้นที่ในเครื่องมาติดใน iPhone ไว้ทุกครั้ง โดยเป็นวิธีการเรียกใช้งานแอปฯ แบบชั่วคราว เน้นความคล่องตัว รวดเร็ว และสะดวก ผ่านเทคโนโลยี NFC และ QR Code

 

ส่วนอีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นคือการปรับอินเทอร์เฟซ ‘สายเรียกเข้า’ ให้เป็นแถบบาร์ขนาดเล็กบริเวณด้านบนของจอในเวลาที่เรากำลังใช้งาน iPhone หรือเปิดแอปพลิเคชันอื่นๆ อยู่

 

 

iPadOS 14 เปลี่ยนลายมือเป็นตัวอักษร ปรับอินเทอร์เฟซให้น่าใช้ขึ้น

Craig Federighi รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของ Apple เริ่มต้นเซกชันการแนะนำ iPadOS 14 ด้วยการชี้ให้เห็นว่า Apple และเหล่านักพัฒนาให้ความสำคัญกับประสบการณ์ใช้งานบนแท็บเล็ตเครื่องนี้มากแค่ไหน โดยทุกวันนี้มีแอปพลิเคชันมากถึง 1 ล้านแอปบน App Store ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อ iPad โดยเฉพาะ (Designed for iPad)

 

ที่เหมือนกับ iOS 14 คือการ Widgets ที่ถูกปรับดีไซน์แบบใหม่ให้น่าใช้งานมากขึ้น ขณะที่ Sidebar ก็ถูกออกแบบใหม่ที่ช่วยให้การทำงานต่างๆ สะดวกมากกว่าที่เคย เช่น การจัดการย้ายภาพไปยังอัลบั้มต่างๆ ผ่าน Sidebar หรือการใช้งานใน Files ที่ทำได้ดี และจัดการสิ่งต่างๆ ได้หลากหลายมากขึ้น

 

 

ปรับแต่งอินเทอร์เฟซสายเรียกเข้าไม่ให้กินพื้นที่ทั้งหน้า iPad โดยจะปรับเป็นแถบบาร์เล็กๆ บริเวณด้านบนจอแทนเพื่อลดการรบกวนการใช้งานในด้านต่างๆ ของผู้ใช้ให้น้อยที่สุด (สามารถเลื่อนแถบสายเรียกเข้าขึ้นบริเวณด้านบนของจอได้)

 

ขณะที่ Search ก็ได้ถูกปรับดีไซน์ใหม่ให้สามารถเรียกใช้งานได้ในทุกหน้า ไม่ใช่แค่เฉพาะหน้าโฮมเท่านั้น และยังถูกปรับแต่งด้วยแนวคิดแบบ ‘Universal Design’ ให้สามารถ Lauch แอปต่างๆ ได้ทันที หรือแม้แต่การเสิร์ชสิ่งต่างๆ ภายในแอปที่ฉลาดมากๆ ไม่ว่าจะ Messages, Mail หรือ Files เพื่อทำให้การใช้งาน iPad ฉลาดและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

 

ส่วนการใช้งานคู่กับ Apple pencil มีการสาธิตให้เห็นว่า เมื่อเราวาดรูปอะไรก็ตามด้วย Apple Pencil มันจะสามารถเปลี่ยนรูปทรงจากเส้นสายไม่เป็นระบบระเบียบของเราให้กลายเป็น Shape ที่คลีนและเข้าที่เข้าทาง แถมยังเปลี่ยนลายมือให้กลายตัวอักษรได้อย่างชาญฉลาดอีกด้วย

 

 

AirPods Software สลับอุปกรณ์ใช้งานสะดวก ‘Spatial Audio’ แสดงผลเสียงตามทิศทางจริงได้ละเอียด

Apple ได้เพิ่มฟีเจอร์ Automatic Switching เพื่อให้การใช้งาน AirPods สามารถสลับอุปกรณ์การใช้งานระหว่างกันได้แบบอัตโนมัติ โดยทุกครั้งที่มีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับ AirPods เปิดเล่นเพลง คอนเทนต์ หรือสายเรียกเข้า เจ้า AirPods ก็จะสามารถสลับการใช้งานไป-มาจากอุปกรณ์ต่างๆ ได้ทันที

 

 

นอกจากนี้ยังมี ‘Spatial Audio’ ที่มาใน AirPods Pro ซึ่งจะช่วยยกระดับประสบการณ์ในการรับชมคอนเทนต์หนังได้แบบดื่มด่ำมากยิ่งขึ้น จำลองแหล่งกำเนิดของเสียงจากทิศทางต่างๆ เพื่อช่วยเพิ่มความสมจริงในแง่ของประสบการณ์การรับฟังผ่าน AirPods Pro

 

ที่เจ๋งคือ Spatial Audio ยังช่วยให้เวลาที่เราใส่ AirPods Pro แล้วหันหัวไปทางไหน การแสดงผลเสียงในหูฟังก็จะเคลื่อนไปยังทิศทางนั้นๆ ด้วย (ทำงานผ่านการจับการเคลื่อนไหวของอุปกรณ์ต้นทางและ AirPods Pro)

 

 

watchOS 7 หน้าปัดหลากหลาย แชร์ต่อให้เพื่อนได้ พร้อมฟีเจอร์วัดคุณภาพการนอนหลับ

หลังจากที่ Apple ได้เปิดตัว App Store เพื่อให้นักพัฒนาเริ่มพัฒนาแอปพลิเคชันต่างๆ เฉพาะกับการใช้งานบน Apple Watch มาตั้งแต่ใน watchOS 6 ปัจจุบันมีการเปิดเผยจำนวนแอปฯ ที่รองรับการใช้งานบน Apple Watch ว่ามีสูงถึงกว่า 20,000 แอปฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ส่วนใน watchOS 7 จะมีการเพิ่มหน้าปัดนาฬิการูปแบบใหม่ๆ ขึ้นมาตามธรรมเนียมปฏิบัติเพื่อเพิ่มความหลากหลายให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระ (มีหน้าปัดสำหรับคุณพ่อ คุณแม่ที่ต้องเลี้ยงดูเด็กๆ ด้วย) โดยเปิดให้นักพัฒนาสามารถออกแบบ ดีไซน์หน้าปัดของตัวเองขึ้นมาได้อีกต่างหาก รวมถึงยังสามารถแชร์หน้าปัดนาฬิกาให้กับเพื่อนผู้ใช้งานคนอื่นๆ ผ่าน ‘Face Sharing’ ได้อีก

 

 

ที่ถูกใจผู้เขียนเป็นพิเศษคือฟีเจอร์การตรวจจับคุณภาพในการนอนหลับ Tracking Sleep หลังจากที่ปล่อยให้เรารอคอยมานานแสนนาน (และจ่ายเงินดาวน์โหลดแอปฯ ตรวจจับการนอนหลับมาแล้ว) โดยสามารถตรวจจับการนอนได้ในแต่ละคืนผ่านเซนเซอร์จับการเคลื่อนไหวและแมชชีน เลิร์นนิง ทั้งยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Wind Down ที่จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมบนอุปกรณ์ของ Apple ให้เตรียมพร้อมกับการเข้านอน 

 

และเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 watchOS 7 ยังมีฟีเจอร์ Automatic Detection ที่ช่วยตรวจจับการล้างมือ และระยะเวลาที่เหมาะสมด้วยการนับเวลาถอยหลัง ซึ่งจะทำงานสัมพันธ์กับตัว Haptic ที่จะสั่นเตือนเราเบาๆ 

 

 

macOS Big Sur ปรับดีไซน์แบบใหม่ให้เป็นมิตรกับผู้ใช้งานกว่าที่เคย

ปรับดีไซน์ใหม่ๆ บนเลย์เอาต์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Control Center (รวมรวมการควบคุมทุกอย่างให้อยู่ในปุ่มเดียว Wi-Fi, เสียงหรือแสงสว่างหน้าจอ ฯลฯ) ตลอดจนแถบ Side bar หรือ Tool bar รวมถึงไอคอนของแอปฯ ต่างๆ บนอินเทอร์เฟซใน macOS Big Sur เพื่อความสวยงาม ลดความซับซ้อน ทำให้คลีน ใช้งานได้ง่าย และเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น

 

และเช่นกันกับ iOS 14 และ iPad OS 14 เพราะ macOS Big Sur จะมาพร้อมกับ Widgets ที่มีให้เลือกใช้งานหลากหลายตามความชื่นชอบ

 

ส่วน Safari ที่ Apple เคลมว่าเป็นเว็บเบราเซอร์ที่ทำงานได้เร็วที่สุดในโลก และเร็วกว่า Google Chrome ถึง 50% ก็ถูกปรับให้หันมาเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ใช้งานมากกว่าเก่า ปรับหน้า Start Page และ Tab แบบใหม่ เพื่อให้สะดวกกับการใช้งาน และรู้ใจผู้ใช้ (แนะนำหน้าเว็บไซต์แบบ Favorite และเว็บที่เราเข้าไปเยือนบ่อยๆ)

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising