ผู้เฒ่านั่งอยู่ชายทุ่ง ฟ้ากำลังเปลี่ยนสี เพราะแสงกำลังจะลาลับเพื่อรอกลับมาพบกันใหม่ในอีกวงรอบของวันเวลา
เด็กน้อยนั่งอยู่ไม่ห่าง เห็นผู้เฒ่าถือกระดาษเก่าๆ แผ่นหนึ่งเอาไว้ในมือ บนกระดาษนั้นมีข้อความเขียนเอาไว้ว่า ‘แชมป์ฟุตบอลโลก 2022’
แต่ภาพนั้นเลือนรางเต็มที ด้วยความอยากรู้จึงถามดู “ใครคือแชมป์ฟุตบอลโลก 2022”
เสียงหัวเราะเบาๆ ของชายชราผู้ที่แม้ผิวกายจะยับย่นเป็นหลักฐานการเดินทางของชีวิต แต่แววตานั้นยังสุกใสไม่ต่างอะไรจากเมื่อ 40 ปีที่แล้วในวันที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น
“เข้ามานั่งใกล้ๆ สิ ตามีเรื่องจะเล่าให้ฟัง ตาจะเล่าทั้งหมด 8 เรื่องนะ แต่จะมีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นที่เป็นเรื่องจริง”
ได้ยินแบบนั้นเด็กน้อยก็รีบเขยิบตัวเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะนั่งลงบนตักผู้เฒ่า และนั่งฟังเรื่องราวด้วยดวงตาใสแจ๋ว
ทีมจากแอฟริกาชาติแรกที่ได้แชมป์ฟุตบอลโลก
เรื่องแรกเป็นเรื่องราวของชาติที่อยู่ในทวีปแอฟริกา แต่ถือตนเป็นชาติอาหรับ และเป็นดังตัวแทนของโลกอาหรับในการต่อสู้ทางเชิงลูกหนังกับมหาอำนาจจาก 2 ทวีปหลักอย่างยุโรปและลาตินอเมริกา
โมร็อกโก หรือสมญาว่า ‘สิงโตแอตลาส’ เป็นทีมม้ามืดของการแข่งขันที่ไม่มีใครคาดคิดถึงพวกเขามาก่อน แต่กลับทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม สู้อย่างสิงในทุกนัดที่ลงสนาม
ว่ากันว่าจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญคือการตัดสินใจให้ วาลิด เรกรากุย เข้ารับตำแหน่งโค้ชก่อนหน้าจะถึงฟุตบอลโลกแค่ไม่กี่เดือน ทำให้ซูเปอร์สตาร์ที่เคยตัดใจลาทีมไปแล้วอย่าง ฮาคิม ซิเยค กลับมาอีกครั้ง และซิเยคก็เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของทีมร่วมกับ อัฟชราฟ ฮาคิมี, โซฟียาน บูฟาล และ โซฟียาน อัมราบัต ที่พาสิงโตแอตลาสตะลุยไปจนถึงฝัน
เป็นทีมแรกของทวีปแอฟริกาที่ได้แชมป์ฟุตบอลโลกนับตั้งแต่เริ่มแข่งขันมา 92 ปี
It’s Coming Home!
ในฟุตบอลโลกจะมีเพลงที่ถือเป็นเพลงชาติประจำการแข่งขันอย่าง To Be Number One” ที่เป็นเพลงบัลลาดร็อก ซึ่งหาไม่ได้ในยุคสมัยนี้แล้ว
แต่ถ้าไม่ใช่เพลงนี้ ก็ยังมีอีกเพลงหนึ่งที่มีท่วงทำนองสนุกๆ ที่ใครก็ร้องตามได้ง่ายคือ It’s Coming Home หรือจริงๆ คือชื่อเพลง Three Lions ที่แทบไม่มีใครจำกันแล้วว่าเป็นผลงานของวง The Lightning Seeds
เพลงนี้มีความหมายง่ายๆ ตรงตัว คือ “ในที่สุดมันก็ได้กลับบ้านแล้ว” มันในความหมายที่ว่าคือถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลก ส่วนบ้านหมายถึงประเทศอังกฤษ ชาติที่บอกใครต่อใครเขาว่าเป็นแม่แบบของเกมฟุตบอลสมัยใหม่
นับจากได้แชมป์โลกมาครั้งเดียวในปี 1966 พวกเขาก็ไม่เคยได้มันมาครองอีกเลย จนกระทั่งทีมที่นำมาโดยผู้จัดการทีมที่ไม่มีใครเชื่อมืออย่าง แกเร็ธ เซาธ์เกต สามารถพาทีมมาถึงฝันได้สำเร็จ
กระนั้นก็ยังไม่มีใครเชื่อฝีมือเขาอยู่ดี และยกให้เป็นความดีความชอบของ แฮร์รี เคน, จูด เบลลิงแฮม, ฟิล โฟเดน หรือแม้แต่ แฮร์รี แม็กไกวร์ ผู้ทำประตูชัยในนัดชิงชนะเลิศมากกว่า
แชมป์โลกทีมเดิมครั้งแรกในรอบ 60 ปี
ด้วยความที่ฟุตบอลโลกจะจัดขึ้นทุก 4 ปี ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวเป็นเรื่องยากที่ทีมชาติใดทีมชาติหนึ่งจะคงความสุดยอดเอาไว้ได้ เป็นเหตุผลที่ตามประวัติศาสตร์แล้วมีเพียงอิตาลี (ปี 1934 และ 1938) และบราซิล (ปี 1958 และ 1962) สองชาติเท่านั้นที่ป้องกันแชมป์ได้
จนมาถึงฝรั่งเศสชุดนี้ที่ไม่เพียงแต่จะรักษาความแข็งแกร่งเอาไว้ได้ พวกเขายังเก่งขึ้นยิ่งกว่าเดิมด้วย กับส่วนผสมที่ลงตัวไปหมดทุกจุดทั้งเกมรับและเกมรุก นักเตะพลังหนุ่มกับนักเตะพลังเก๋า
ที่สำคัญที่สุดคือ การประกาศศักดาในฐานะราชันของโลกลูกหนังคนใหม่ที่โลกต้องน้อมคำนับให้แก่ คีเลียน เอ็มบัปเป ผู้ที่ไม่มีใครหยุดได้อีกแล้ว
เลส์ เบลอส์ จึงกลายเป็นทีมแรกในรอบ 60 ปีที่ป้องกันแชมป์โลกได้สำเร็จ
บราซิลกับ Joga Bonito ยุค 2022
ถึงแม้คนที่นิยมคำว่า The Beautiful Game จะไม่ใช่คนบราซิล แต่สำหรับชาวบราซิลแล้ว พวกเขาเชื่อมั่นในการเล่นฟุตบอลที่สวยงามตามคำว่า ‘Joga Bonito’ (โดยคนที่ทำให้คำนี้กลับมาเป็นที่รู้จักคนทั่วโลกคือบริษัทอเมริกันที่ใช้ชื่อเทพของกรีก)
ฟุตบอลของบราซิลเป็นแบบนี้มาทุกยุคทุกสมัย แต่ในระยะหลังด้วยภูมิทัศน์ทางเกมลูกหนังที่เปลี่ยนไป ทำให้ทีม ‘เซเลเซา’ หรือ ‘กานารินญา’ ไม่เหมือนเดิม บราซิลในช่วงหลังจากได้แชมป์โลกปี 2002 ค่อยๆ ดูตกต่ำลงไปอย่างน่าใจหาย
จนกระทั่งถึงปี 2022 ที่ ติเต โค้ชหน้าขรึม มีทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะพรสวรรค์เอกอุมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วินิซิอุส จูเนียร์, ราฟินญา, แอนโทนี, กาเบรียล มาร์ติเนลลี, ริชาร์ลิสัน และเด็กในคำทำนายอย่าง เนย์มาร์ ผู้ที่เกิดมาเพื่อมีชะตากรรมจะพาบราซิลเป็นแชมป์โลก
บราซิลชุดนี้ชวนให้คิดถึงชุดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปี 1970 ที่มีราชาลูกหนังโลกอย่าง เปเล ไม่พอยังมี แจร์ซินโญ, ทอสเทา, ริเวลลิโน และคนอื่นๆ ที่ล้วนเป็นสุดยอดแห่งยุคสมัย
และที่สำคัญชุดปี 2022 ก็คว้าแชมป์โลกได้จริงๆ เป็นสมัยที่ 6 พร้อมกับงานฉลองที่ยิ่งใหญ่กว่าคาร์นิวัลทุกปีรวมกัน
อาถรรพ์สีส้มที่ถูกทำลาย
เนเธอร์แลนด์เป็นชาติที่อาภัพนัก เคยเข้าชิงฟุตบอลโลกมา 3 สมัย แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยน้ำตาทั้งหมด
ปี 1974 ยุคทองกับทีมที่เล่นฟุตบอลได้มหัศจรรรย์ที่สุดที่เรียกว่า ‘Totaalvoetball’ (หรือ Total Football ในภาษาอังกฤษ) ซึ่งเป็นระบบที่ ไรนุส มิเชลส์ โค้ชผู้ได้รับสมญาว่า ‘ท่านนายพล’ คิดค้นขึ้นให้นักเตะทุกคนสามารถเล่นทดแทนตำแหน่งของเพื่อนได้หมด แต่สุดท้ายทีมชุดนี้ที่นำมาโดย โยฮัน ครัฟฟ์ นักเตะเทวดา ก็พ่ายให้ทีมคนธรรมดาๆ ที่เล่นได้แข็งแกร่งอย่างเยอรมนีตะวันตกในรอบชิงชนะเลิศ
อีก 4 ปีต่อมา ครอยฟ์ถอนตัวจากทีมชาติอย่างเป็นปริศนา ‘Oranje’ เข้าชิงได้อีกครั้ง แต่ก็พ่ายเจ้าภาพอาร์เจนตินาอีก
กว่าที่พวกเขาจะได้กลับมาเข้าชิงอีกครั้งคือปี 2010 แต่ก็ไม่สามารถต้านทานสเปนยุคเกรียงไกรได้ (อย่างน้อย ไนเจล เดอ ยอง ก็ได้ระบายความแค้นไปหนึ่งดอกใส่ ชาบี อลอนโซ)
ฟุตบอลโลก 2022 ไม่มีใครมองพวกเขาในฐานะทีมลุ้นแชมป์ เพราะในปี 2018 ก็พลาดการเข้ารอบสุดท้าย แต่ หลุยส์ ฟาน กัล ปรมาจารย์ลูกหนัง ค่อยๆ พาทีมที่แทบไม่มีสตาร์ฝ่าฟันมาจนถึงรอบชิงชนะเลิศ
และลบอาถรรพ์สีส้ม พาเนเธอร์แลนด์ครองแชมป์โลกครั้งแรกได้สำเร็จ วันนั้นกาตาร์ถูกย้อมให้เป็นสีส้ม
วีรบุรุษแห่งโครแอต
ตั้งแต่เกิดมา ลูกา โมดริช เป็นนักสู้มาตลอด ชีวิตในไฟสงครามวัยเด็กทำให้เขาไม่เคยคิดจะยอมแพ้ต่ออะไรทั้งนั้น
ความจริงโครเอเชียในฟุตบอลโลก 2022 ถูกมองว่าเป็นทีมที่หมดสภาพไปแล้ว เพราะจุดสูงสุดน่าจะอยู่ที่ฟุตบอลโลกเมื่อ 4 ปีก่อนหน้า ที่พวกเขาผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้
แต่ด้วยความมุ่งมั่นของโมดริช กองกลางในวัย 37 ปีที่วิ่งราวกับอายุน้อยกว่าร่างกายสัก 10 ปี กลายเป็นตัวจุดชนวนให้นักเตะตราหมากรุกทุกคนฮึดสู้กับทุกทีม แม้กว่าจะผ่านแต่ละด่านมาได้ก็แทบรากเลือด สุดท้ายพวกเขาก็ทำได้สำเร็จ
ชาติเล็กๆ ที่แยกตัวออกมาจากยูโกสลาเวียได้แสดงให้เห็นว่าทุกอย่างบนโลกนี้เป็นไปได้เสมอ และ ลูกา โมดริช ก็ได้รับการยกย่องในฐานะวีรบุรุษของชาติตลอดไป
สปิริตของ คริสเตียโน โรนัลโด
ในฟุตบอลโลก 2022 นักฟุตบอลที่ตกอยู่ในกระแสข่าวมากที่สุดคือ คริสเตียโน โรนัลโด ที่ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ที่ไหน ก็เป็นเรื่องเป็นราวเสมอ
จากการเป็นนักฟุตบอลคนแรกที่ยิงประตูในฟุตบอลโลกได้ 5 สมัย สู่ข่าวฉาวเรื่องวิวาทะกับโค้ชคู่บุญอย่าง เฟร์นานโด ซานโตส ที่เปลี่ยนตัวเขาออกจากสนาม และการโดนดรอปเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี พร้อมกับการแจ้งเกิดของดาวดวงใหม่ กอนซาโล รามอส
แต่โรนัลโดมองเห็นประโยชน์ของทีมชาติมาก่อนตัวเอง สุดท้ายเขากลายเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของทีมตามบทบาทของตัวเอง นอกจากจะกระตุ้นรุ่นน้องทุกคนอยู่ข้างสนามเหมือนในนัดชิงยูโร 2016 ที่ตัวเองบาดเจ็บตั้งแต่ต้นเกม กองหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของโปรตุเกสยังมีส่วนสำคัญในยามที่ได้โอกาสลงสนามด้วย
โปรตุเกสชุดที่ยอดเยี่ยมที่สุดนี้จึงได้เป็นแชมป์ฟุตบอลโลก เป็นเกียรติประวัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับคนอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด ที่มีเสียงค่อนแคะว่าเขาไม่ได้มีส่วนกับมันมากเท่าไรนัก
แต่โปรตุเกสก็ไม่มีทางมาถึงวันนี้ได้หรอกถ้าไม่มีโรนัลโด
อ้อ! รูปปั้นของเขาที่บ้านเกิดบนเกาะมาเดรา ได้รับการหล่อขึ้นมาใหม่ให้เท่สมกับตัวจริงแล้ว
ลิโอเนล เมสซี ราชาลูกหนังโลกที่แท้จริง
ทั้งชีวิต ลิโอเนล เมสซี พิชิตมาเกือบหมดทุกอย่างแล้ว
บัลลงดอร์ 7 สมัย แชมป์ระดับสโมสรอีกมากมาย รวมถึงแชมป์แรกกับทีมชาติอย่างโกปา อเมริกา ในปี 2021
แต่สิ่งเดียวที่ขาดหายไปและทำให้ยังไม่มีใครกล้ายกเขาขึ้นเทียบชั้น เปเล หรือแม้แต่ ดิเอโก มาราโดนา คือการที่เมสซีไม่สามารถพาอาร์เจนตินาคว้าแชมป์โลกได้เลย ใกล้เคียงที่สุดที่ทำได้คือการพาทีมเข้าถึงรอบชิงในปี 2014
ภาพของเมสซีในวัย 27 ปีที่แบกความหวังของคนทั้งประเทศอาร์เจนตินา กับลูกฟรีคิกระยะไกลเกินกว่า 30 หลาในช่วงนาทีเป็นนาทีตายที่ต้องยิงเข้าสถานเดียว เพื่อไล่ตีเสมอเยอรมนีให้ได้ แต่สุดท้ายก็ยิงข้ามคานออกไปไกลลิบ พร้อมกับหัวใจที่แตกสลาย เป็นภาพที่น่าเศร้า
ในวัย 35 ปี เมสซีกลับมาใหม่อีกครั้งกับเรื่องราวที่ผู้คนโจษจันถึง ‘การเต้นรำครั้งสุดท้าย’ ด้วยการพาอาร์เจนตินาที่ไม่ได้เก่งและแกร่งเหมือนวันวาน แต่อาศัยหัวใจนักสู้และซ้ายมหัศจรรย์ ในที่สุดอัลบิเชเลสเตก็ทำได้
เมสซีพาอาร์เจนตินาคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ ท่ามกลางความยินดีของคนทั้งโลก พร้อมกับการยกย่องเขาในฐานะราชาลูกหนังโลกยุคใหม่ที่แท้จริง
“เอาล่ะ เจ้าฟังเรื่องราวทั้ง 8 แล้วคิดว่าเรื่องไหนล่ะจะเป็นเรื่องจริง” เสียงหัวเราะของผู้เฒ่าดังขึ้นอีกครั้ง
นัยน์ตาใสของเด็กน้อยดูเปล่งประกายขึ้น เขาคิดว่าเขาน่าจะตอบถูก เพราะเขารู้จักชายในเรื่องนี้เป็นอย่างดี
“เรื่องที่…ครับ”
ไม่มีเสียงตอบรับจากชายชรา มีเพียงรอยยิ้มแทนคำตอบเท่านั้น 🙂