×

World Cup Memo Day 13: รุ่งอรุณใหม่ของทีมชาติญี่ปุ่นและ ‘คู่หูแข้งทอง’ ของจริง

02.12.2022
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • ความรักในความลับที่ถูกเปิดเผยคือมิโตมะและทานากะ แท้จริงแล้วเป็นเพื่อนที่เล่นฟุตบอลด้วยกันมาตั้งแต่อายุ 12 ปีในทีมเยาวชนของคาวาซากิ ฟรอนตาเล ซึ่งนั่นทำให้การเปิดบอลของ ‘คาโอรุคุง’ ให้กับ ’อาโอะคุง’ ทำประตูในเกมฟุตบอลโลก กลายเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่งดงามที่สุดสำหรับฟุตบอลโลกครั้งนี้
  • ในอีกทางประตูนี้ยังทำให้สเปนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน มีช่วงเวลาสั้นๆ ในสนามราว 1-2 นาทีของเกมที่พวกเขา ‘ตกรอบ’ หลังจากที่คอสตาริกาพลิกสถานการณ์กลับมาขึ้นนำเยอรมนีในอีกสนาม ซึ่งแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่น่าจะเป็นช่วงเวลาที่บ้าบอที่สุดสำหรับฟุตบอลโลกครั้งนี้

“บอลกำลังจะข้ามเส้นแล้ว ฉันจะไปถึงไหมนะ”

 

ลูกเปิดจาก ริตสึ โดอัน ที่ปาดผ่านหน้าปากประตูไปที่เสาไกลเพื่อหวังให้ใครสักคนเข้าสังหารประตูนั้นเลยผ่านไปหมดทั้ง อูไน ซิมอน นายทวารของทีมชาติสเปน และ ไดเซน มาเอดะ หัวหอกของทีมที่ดูเหมือนจะช้าไปเพียงครึ่งจังหวะ

 

แต่ไม่ใช่สำหรับ คาโอรุ มิโตมะ กองหน้าจากไบรท์ตันแอนด์โฮฟอัลเบียน ผู้ไม่ยอมถอดใจง่ายๆ

 

มิโตมะซึ่งวิ่งสอดมาข้างหลังของมาเอดะ ตามไปจนสุดเส้นก่อนที่จะเปิดหักกลับเข้ามากลางประตู ลูกบอลนั้นข้ามมาเอดะที่ถลาลงไปนอนกับพื้นและผ่านทุกคนเพื่อไปถึง อาโอะ ทานากะ กองกลางระดับมันสมองของญี่ปุ่นที่ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าปากประตูและชาร์จบอลเข้าไป

 

ประตูนี้ทำให้ญี่ปุ่นช็อกโลกเป็นคำรบที่ 2 หลังจากที่พวกเขาเอาชนะเยอรมนีมาได้อย่างสุดเหลือเชื่อในเกมนัดแรกที่ลงสนาม พวกเขาพลิกสถานการณ์กลับมาแซงนำสเปนได้อีกในเกมนี้

 

ความจริงก่อนหน้าที่จะลงสนาม แม้จะกลายเป็นทีมขวัญใจมหาชน โดยเฉพาะสำหรับคนเอเชียจำนวนมากที่รู้สึกดีใจไปกับความสำเร็จของญี่ปุ่นด้วย แต่เมื่อถามหาความหวังที่จะเข้ารอบต่อไปในเงื่อนไขสำคัญคือต้องชนะหนึ่งในทีมเต็งที่โชว์ผลงานสุดโหดอย่างสเปน น้อยคนที่จะมั่นใจว่าทีมของ ฮาจิเมะ โมริยาสุ จะทำได้

 

และเมื่อลงสนามแล้วได้เห็น ‘La Roja’ ซึ่งมีการสับเปลี่ยนผู้เล่นบางคน แต่อย่างน้อยยังมีตัวหลักลงสนามอีกเกือบครึ่งทีม โดยเฉพาะแดนกลาง 3 ประสาน เซร์คิโอ บุสเกตส์, กาบี และ เปดรี มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่ต้นเกมในนาทีที่ 11 จาก อัลวาโร โมราตา

 

ไม่นับในเรื่องของการครองบอลที่สเปนเป็นฝ่ายทำได้เหนือกว่ามากตามความคาดหมาย

 

ใครจะคิดว่าญี่ปุ่นจะหาทางกลับมาได้ไหว?

 

แต่นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ ‘ซามูไรบลู’ แสดงให้ทุกคนได้เห็นว่าได้โปรดอย่าเพิ่งถอดใจจากพวกเขาง่ายๆ ตราบใดที่พวกเขายังไม่คิดที่จะถอดใจ

 

การแก้เกมของโมริยาสุด้วยการส่ง ริตสึ โดอัน และ คาโอรุ มิโตมะ ลงมาเพิ่มทางเลือกในเกมรุกกลายเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอีกครั้ง

 

โดอัน สตาร์จากเอฟซี ไฟร์บวร์ก ผู้จุดประกายให้กับทีมในเกมที่พลิกนรกเอาชนะเยอรมนีมาได้ ยังทำหน้าที่เดิมของเขาได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนเดิม เมื่อได้บอลหน้ากรอบเขตโทษก่อนที่จะซัดเต็มข้อด้วยเท้าซ้าย บอลพุ่งแหวกอากาศก่อนที่จะผ่านมือของ อูไน ซิมอน ที่เกร็งข้อมือปัดบอลแล้วแต่ไม่สามารถต้านทานน้ำหนักกับความแรงของลูกได้

 

ก่อนที่เขาจะมีส่วนอีกครั้งกับประตูแซงขึ้นนำของทีม ที่เป็นเรื่องราวอันงดงามสำหรับมิโตมะและทานากะ

 

 

บรรยาย: คาโอรุ มิโตมะ และอาโอ ทานากะ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก

 

ความรักในความลับที่ถูกเปิดเผยคือมิโตมะและทานากะ แท้จริงแล้วเป็นเพื่อนที่เล่นฟุตบอลด้วยกันมาตั้งแต่อายุ 12 ปีในทีมเยาวชนของคาวาซากิ ฟรอนตาเล ซึ่งนั่นทำให้การเปิดบอลของ ‘คาโอรุคุง’ ให้กับ ‘อาโอะคุง’ ทำประตูในเกมฟุตบอลโลก กลายเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่งดงามที่สุดสำหรับฟุตบอลโลกครั้งนี้

 

จริงอยู่ที่หลายคนจะกังขาว่าลูกเปิดของมิโตมะนั้น ‘ข้ามเส้น’​ ออกไปแล้วเมื่อพิจารณาจากภาพช้าในสนาม ซึ่งผู้ตัดสินเองก็ปฏิเสธที่จะให้ประตูในทีแรก แต่เมื่อ VAR เช็กแล้วยืนยันว่าลูกนี้เป็นประตู

 

เรื่องนี้ทางด้านสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ยืนยันว่ามีการตรวจสอบแล้วโดยใช้เซ็นเซอร์ที่อยู่ในลูกฟุตบอลอัล ริห์ลา (ที่ชาร์จแบตมาเต็มแล้ว) ว่าลูกนี้ยังถือว่าไม่ข้ามเส้นทั้งใบ

 

นั่นทำให้การสวมกอดกันระหว่างมิโตมะ – ผู้ซึ่งเมื่อ 2 ปีก่อนยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยที่รอคอยโอกาสแจ้งเกิดในทีมชุดใหญ่ของคาวาซากิ ฟรอนตาเล อยู่ – และทานากะ เป็นภาพที่งดงามอย่างยิ่ง 

 

ภาพนี้ชวนให้คิดถึงมังงะระดับตำนานอีกเรื่องอย่าง Shoot! หรือ ‘ยิงประตูสู่ฝัน’ เพราะคนทำประตูนั้นนามสกุลทานากะเหมือน โทชิ ทานากะ ตัวละครเอกในเรื่อง เจ้าของ ‘ลูกยิงเรือดำน้ำ’ และท่าไม้ตาย ‘ซ้ายลวงตา’ ซึ่งมีเพื่อนซี้คือ คาซึฮิโระ ฮิรามัตสึ เพลย์เมกเกอร์พรสวรรค์เจ้าของท่า ‘ฮีลลีฟ’

 

ประตูของเพื่อนรักลูกนี้จะเป็นที่ตราตรึงไม่เฉพาะสำหรับทั้งสอง แต่อยู่ในใจของผู้คนไปอีกยาวนาน

 

ในอีกทางประตูนี้ยังทำให้สเปนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน มีช่วงเวลาสั้นๆ ในสนามราว 1-2 นาทีของเกมที่พวกเขา ‘ตกรอบ’ หลังจากที่คอสตาริกาพลิกสถานการณ์กลับมาขึ้นนำเยอรมนีในอีกสนาม ซึ่งแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่น่าจะเป็นช่วงเวลาที่บ้าบอที่สุดสำหรับฟุตบอลโลกครั้งนี้

 

สเปนและเยอรมนีตกรอบ ญี่ปุ่นและคอสตาริกาเข้ารอบ

 

บุญรักษาสำหรับทีมของ หลุยส์ เอ็นริเก ที่เยอรมนีเองก็ต้องสู้เพื่อตัวเองเหมือนกัน ทั้งในเรื่องของความหวังในการเข้ารอบ และศักดิ์ศรีของแชมป์ฟุตบอลโลก 4 สมัย ซึ่งพวกเขาก็พลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะในเกมนั้นได้ 4-2

 

ผลการแข่งขันนั้นทำให้สเปนยังได้ผ่านเข้ารอบต่อไปแบบยืมเครื่องช่วยหายใจในฐานะของรองแชมป์กลุ่ม เพราะผลบุญจากการถล่มคอสตาริกา 7-0 ในเกมแรก มันยังมาพร้อมกับข้อเท็จจริงบางอย่างว่า บางทีความสวยงามลื่นไหลของฟุตบอล ‘Tiki-Taka 2022’ นั้นแท้จริงแล้วยังมีจุดอ่อนที่ซ่อนอยู่เอาไว้อีกมาก

 

การครองบอลในระดับ 82 เปอร์เซ็นต์ และการผ่านบอล 991 ครั้งตลอดทั้ง 90 นาที ซึ่งเหนือกว่าญี่ปุ่นที่ได้ครองบอลแค่ 18 เปอร์เซ็นต์ กับการผ่านบอลอีก 175 ครั้ง ไม่มีความหมายอะไรเลยในเรื่องของการตัดสินเกม

 

อาจจะมีให้ชวนคิดบ้างว่าสเปนเล่น ‘ดึง’ เพื่อเลี่ยงที่จะไปพบกับโครเอเชียในรอบต่อไปหรือไม่ ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่คิดกันได้เพราะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกในโลกที่มีการเล่นดึงผลกัน (เยอรมนีตะวันตกในฟุตบอลโลก 1982 น่าอายยิ่งกว่านี้อีก) แต่พิจารณาจากสิ่งที่ได้เห็นในเกมแล้วไม่น่าใช่

 

สเปนไม่ได้ต้องการจะแพ้ แต่ที่ไม่ต้องการจะแพ้หรือเสียใจมากกว่าคือญี่ปุ่นที่กระโดดกอดโอกาสและไม่ยอมเด็ดขาดที่จะปล่อยให้สิ่งนี้จากไป

 

พวกเขาสู้จนเปลี่ยนความฝันให้กลายเป็นความจริงได้แล้ว การเอาชนะได้ทั้งเยอรมนีและสเปนคือบทพิสูจน์ว่าวันนี้ญี่ปุ่นคือหนึ่งในทีมระดับแถวหน้าของโลก ต่อให้ต้องใช้กลยุทธ์และกลเม็ดนับไม่ถ้วนเพื่อจะคว้าชัยชนะให้ได้ แต่สุดท้ายแล้วคำว่าชนะก็ไม่สามารถสะกดเป็นคำอื่นได้อีก

 

รุ่งอรุณใหม่ของทีมชาติญี่ปุ่นได้มาถึงแล้ว และแสงแรกของยามเช้านั้นงดงามเสมอ

 

บรรยาย: โธมัส มุลเลอร์ ปิดฉากฟุตบอลโลกที่น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความเศร้า

 

บันทึกเพิ่มเติม

  • การตกรอบฟุตบอลโลก 2 สมัยติดต่อกันทำให้หลังจากนี้เยอรมนีจะต้องมี ‘Das Reboot’ หรือการปฏิวัติวงการอีกครั้งอย่างแน่นอน เหมือนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
  • ถึงจะตกรอบแต่คอสตาริกาทำให้พวกเขาภาคภูมิใจในตัวเอง เช่นกันกับแฟนบอลที่กลับบ้านไปแบบไม่อายใคร พวกเขาสู้สุดความสามารถแล้ว
  • Golden Generation ของเบลเยียมถึงคราวสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ หลังทำได้แค่เสมอกับโครเอเชีย คนที่ฝันร้ายที่สุดคือ โรเมลู ลูกากู ​ผู้มีโอกาสยิงประตูจ่อๆ ถึง 3 ครั้ง แต่พลาดโอกาสไปทั้งหมด
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising