เมื่อวันที่ 4-6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา THE STANDARD POP ได้รับเชิญจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้เป็นหนึ่งในสื่อมวลชนชาวไทยที่เข้าร่วมงาน World Travel Market (WTM) 2019 ครั้งที่ 39 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร งานส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก โดยปีนี้ ททท. ได้เน้นนำเสนอการท่องเที่ยวเมืองรอง ให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ในการนี้ทาง ททท. ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จเข้าร่วมงานเพื่อทรงเยี่ยมชมคูหาประเทศไทย ทรงสาธิตการพับดอกบัวและทำเมี่ยงดอกบัว
THE STANDARD POP เป็นหนึ่งในสื่อมวลชนที่มีโอกาสเฝ้ารับเสด็จและเข้ารับพระราชทานสัมภาษณ์ โดยทรงแนะถึงเรื่องพลาสติก และทรงแนะนำให้ปรับไลฟ์สไตล์สอดคล้องกับกระแสดังกล่าว
“ณ ตอนนี้ความจริงในประเทศไทยมีความตื่นตัวเรื่องการลดใช้พลาสติก โดยเฉพาะพลาสติกประเภท Single use หรือใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งไปเลย เช่น หลอดพลาสติก ถุงพลาสติก โดยเฉพาะถุงก๊อบแก๊บนี่ร้ายที่สุด ทั่วโลกเขาลดใช้กันแล้ว ในประเทศไทยที่ตื่นตัวมากเท่าที่เห็นคือเวลาเราไปกินกาแฟ เขาจะลดราคากับคนที่นำกระบอกหรือถ้วยส่วนตัวไปใช้ เหล่านี้ก็เป็นการรณรงค์อย่างหนึ่งให้คนมีจิตสำนึกว่าการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวนั้นเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม ทั้งยังเป็นการสิ้นเปลือง ส่วนในซูเปอร์มาร์เก็ตมีการรณรงค์ให้คนใช้ถุงผ้า พวกร้านสะดวกซื้อ เช่น เซเว่น-อีเลฟเว่น ภายในปี 2563 เขาจะเลิกแจกถุงพลาสติก อย่างหลอดพลาสติกก็มีภาพยนตร์สารคดีออกมาให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ เต่าทะเลที่มีหลอดติดอยู่ที่จมูก สัตว์น้ำหลายชนิดต้องตายเพราะกินพลาสติกเข้าไป
“ใน 1 ปี โลกเราผลิตพลาสติกจำนวนมากกว่า 300 ล้านตัน แต่ไม่สามารถย่อยสลายได้ มีที่สามารถย่อยสลายได้แค่ 10% เท่านั้น การรีไซเคิลก็สามารถทำได้เหมือนกัน แต่ยังคงน้อยอยู่ ทุกคนต้องช่วยกันปลุกจิตสำนึกในการลดละเลิกการใช้พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง และต้องรักษาความสะอาดด้วยการไม่ทิ้งขยะเรี่ยราด ทิ้งขยะให้ถูกที่ คนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบันจะต้องมีค่านิยมใหม่ มันไม่เท่แล้วที่จะทิ้งขยะตรงไหนก็ได้ ผลสุดท้ายก็เกิดความเดือดร้อนกับตัวเอง ต้องหันมาทำบ้านเมืองให้สะอาด ปราศจากขยะ”
ทรงมองว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยมีศักยภาพในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และเราสมควรทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการรักษาความนิยมไว้
“การท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมที่ทำรายได้ให้กับประเทศไทยแทบจะเยอะที่สุด เมื่อเศรษฐกิจไม่ค่อยดี เราก็ต้องอาศัยรายได้จากการท่องเที่ยว แต่ตอนนี้การท่องเที่ยวก็ยากเหมือนกัน ทางจีนซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของไทย ตอนนี้เศรษฐกิจแย่ลงเพราะมีสงครามการค้า แม้จะสงบศึกได้พักหนึ่ง แต่ก็ไม่มีความแน่นอน การท่องเที่ยวไทยถือว่าใหญ่มาก ทำรายได้มากเป็นอันดับ 4 ของโลก (รองจากสหรัฐอเมริกา สเปน ฝรั่งเศส) พอทั้งโลกเศรษฐกิจประสบปัญหา คนก็อาจมาน้อยลง อย่างไรก็ตาม ในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเราก็ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์เข้าช่วยเพื่อความน่าสนใจ
“ปัจจุบันการท่องเที่ยวไทยในเมืองหลักดีอยู่แล้ว แต่เราต้องเพิ่มศักยภาพด้วยการช่วยกันประชาสัมพันธ์เมืองรอง เรามีของดีอีกมากมาย แต่ต้องสร้างกิมมิกขึ้นมา เช่น การท่องเที่ยวชุมชน ฝรั่งเขาก็ชอบ ดังนั้นแต่ละจังหวัด แต่ละชุมชนก็ควรคิดเรื่องจุดเด่น มีอะไรดี อะไรคืออัตลักษณ์ของตัวเอง ต้องมีความหลากหลายและมีความแปลกใหม่
“อีกอย่างคือเรื่องความปลอดภัย เราต้องเป็นเจ้าของบ้านที่ดี ทำบ้านเมืองให้สะอาด ไม่โกงเขา ทำให้เขารู้สึกปลอดภัย กรุงเทพฯ เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของโลกมาหลายปีแล้ว มีความหลากหลาย มีแทบทุกอย่างที่นักท่องเที่ยวต้องการมาพักผ่อน มาเที่ยว มาช้อปปิ้ง เราก็ต้องดูแลมลพิษ อากาศ ความปลอดภัยให้ดี อากาศตอนนี้เราแย่มาก เนื่องมาจากเรามีรถเยอะเกินไป รัฐบาลก็ต้องช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนี้”
เมื่อถามถึงแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองที่อยากให้พระองค์แนะนำ ทูลกระหม่อมหญิงฯ พระราชทานสัมภาษณ์ว่า
“จังหวัดอุบลราชธานีมีแก่งหินสามพันโบก แก่งหินที่เกิดจากน้ำเซาะ ซึ่งน่าสนใจ มีวัดเรืองแสง (วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว ตำบลช่องเม็ก อำเภอสิรินธร) มีประเพณีสวยงาม มีอาหารอร่อย มีหมูยอ แหนมต่างๆ ส่วนจังหวัดอุดรธานีก็ไปมาหลายหน แต่ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนมาก มีโอกาสไปที่ศาลเจ้า เพราะอุดรธานีมีชุมชนชาวจีนเยอะ ส่วนคำชะโนดก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของอุดรธานี ส่วนพัทลุงเพิ่งไปมาไม่นาน พัทลุงเป็นเมืองเล็กๆ น่ารัก เป็นเมืองสงบ มีต้นไม้แยะ อากาศดี ไม่มีมลพิษ แล้วก็มีทะเลน้อยที่มีบัวแดง เป็นทะเลสาบน้ำจืด มีธรรมชาติ มีสัตว์ มีนกน้ำ มีควายมาเล่นน้ำ ดูในรูปก็สวยงามมาก เมืองไทยมีที่เที่ยวน่าสนใจ มีวัดวา มีธรรมชาติที่สวยงาม”
ก่อนจบพระราชทานสัมภาษณ์ ทรงอยากให้คนไทยช่วยกันพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวระดับชุมชน
“ดังที่พูดไปว่าการท่องเที่ยวไทยตอนนี้ต้องการความหลากหลาย นอกจากการดึงเขาไปเที่ยวยังเมืองหลักแล้วก็ต้องพัฒนาการท่องเที่ยวระดับชุมชน แต่ละชุมชนต้องมีอัตลักษณ์ของตนเอง ในการขับเคลื่อนประเทศของเราไปข้างหน้า เราก็ต้องเดินไปข้างหน้าด้วยกัน ต้องมีบรรยากาศที่ทำให้เกิดความร่วมมือของคนทั้งประเทศ การจะทำบ้านเราให้ดีขึ้นด้วยตัวคนเดียวนั้นทำไม่ได้ แต่ละชุมชนต้องช่วยกันคิดว่าเรามีสิ่งดีสิ่งไหนบ้างที่จะช่วยเชิดหน้าชูตา และจะเป็นที่น่าสนใจของแขก ของคนต่างชาติที่มาเที่ยว เพราะเขาสนใจที่จะเรียนรู้ อยากทำความรู้จักกับเราในสิ่งที่เขาไม่มี”
สำหรับคูหาประเทศไทยในงาน WTM ปีนี้ออกแบบเป็นรูปทรงกลีบบัว ใช้ไม้จากแหล่งปลูกป่าทดแทนอย่างยั่งยืนในการประกอบ พร้อมนำเสนอวิถีชุมชนเพื่อสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนภายใต้ธีม ‘The New Shade of Thailand’ นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวในเมืองรองที่มีแหล่งท่องเที่ยวเกี่ยวกับทุ่งดอกบัว ได้แก่ จังหวัดนครปฐม อุดรธานี และพัทลุง ภายในคูหาประกอบไปด้วยเคาน์เตอร์ให้บริการข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวประเทศไทย เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวเมืองรอง ใช้แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ในการให้ข้อมูลเพื่อลดปริมาณกระดาษ มีการแจกเมี่ยงกลีบบัวและชาเกสรดอกบัวให้ผู้สนใจได้ลองชิม มีเคาน์เตอร์ผู้ประกอบการเจรจาธุรกิจ และมีการสาธิตงานจักสานไม้ไผ่ลายขิดจากสถาบันสิริกิติ์ ฯลฯ
บรรยากาศส่วนหนึ่งของบูธ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยภายในงาน
เมี่ยงดอกบัวได้รับความนิยมมาก
สาธิตและทดลองทำต่างหูดอกบัว
กิจกรรมภายในบูธการบินไทย
ภาพ: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
ภาพรวมของนักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักรที่เดินทางเข้าประเทศไทย
- ปี 2562 (มกราคม-สิงหาคม) มีจำนวนกว่า 661,793 คน สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว 51,405 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คาดว่าแนวโน้มทั้งปี 2562 จะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทยประมาณ 950,000 คน สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 73,620 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6%
- ความนิยมในการเดินทางท่องเที่ยวส่วนมากเพื่อการพักผ่อน โดยมีความสนใจสินค้าทางการท่องเที่ยวประเภทการท่องเที่ยวกลุ่มเยาวชน (Gap Year) กลุ่มท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ฮันนีมูนและแต่งงาน กลุ่มล่องเรือสำราญ ประมาณ 8%
- สนใจเลือกที่พักแนว Sharing Economy เช่น Airbnb, HouseTrip, HomeAway โดยจะวางแผนการเดินทางไว้ก่อนล่วงหน้า และนิยมแพ็กเกจท่องเที่ยวแบบ All Inclusive Package มากขึ้น